บทที่ 20 – ห้ะ เอาจริงดิ?
การแข่งขันเพื่อเฟ้นหานักเรียนแห่งความดีเด่นจากโรงเรียนทั้งห้า
นั่นคือการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ที่จะถ่ายทอดสดไปทั่วทุกประเทศ ไม่ว่าจะมนุษย์ กึ่งมนุษย์หรือแดนปีศาจ ทุกชนชั้นสามารถรับชมได้อย่างเท่าเทียม
ผ่านอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ชื่อว่า ‘ม่านตาแห่งมนตรา’ เป็นอุปกรณ์ล้ำสมัยจากอาณาจักรเวทมนตร์มิราลิส ซึ่งจะถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งทวีป
การแข่งขันอันยิ่งใหญ่นี้มีความสำคัญยังไง?
สำหรับฉันมันก็คือการหาคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถนั่นแหละนะ แต่แค่งานที่โรงเรียนทั้งห้าจัดมันเลยต้องเอาให้ยิ่งใหญ่
ถามว่าโรงเรียนอื่นที่ไม่ใช่โรงเรียนเวทมนตร์ทั้งห้านี้การแข่งขันแบบนี้ไหม ก็มีแหละ แต่แค่ไม่ยิ่งใหญ่เท่าเฉยๆ
แต่เอาเป็นว่าหากเปิดตัวที่งานแข่งขันนี้ได้สวยละก็ การันตีว่าในอนาคตคุณจะเป็นคนที่เพียบพร้อมได้เลย ขอแค่เรียนจบเมื่อไหร่
คุณก็จะถูกทาบทามหาเพื่อยื่นสัญญาทำงานด้วยเลย นี่แหละคือความสำคัญของงานแข่งขันในครั้งนี้ สำหรับพวกองค์ชาย องค์หญิงคงไม่สำคัญ
แต่พวกที่ต่ำกว่าชนชั้นเชื้อพระวงศ์ลงมานั้น ขุนนางจนถึงคนธรรมดาล้วนมีโอกาสที่จะข้ามประตูมังกรเลยก็ว่าได้นั่นเอง
งานแข่งขันนี้ เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อไหลายเดือนก่อน ฉันเองก็ดูถ่ายทอดสดอยู่ด้วย.. แต่เพราะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นทำให้การแข่งขันล่ม
ทำให้ทางโรงเรียนทั้งห้าจึงจัดงานขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ด้วยความที่มีปัญหาพวกเขาเลยจัดตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่
โดยปกติแล้วในอดีตพวกเขาจะเลือกหาคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดหลักสิบคนเพื่อไปแข่งขัน แต่ในตอนนี้เพราะเปลี่ยนแปลงกฎนักเรียนทุกคนจึงมีสิทธิ์ที่จะแข่งขัน
เพียงแต่ว่าจะเป็นการแข่งขันแบบย่อยออกมาแทน.. ส่วนตัวแทนของโรงเรียนหรือคนที่เป็นเวทีหลักนั้นจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นนั่นเอง
และเมื่อวานตอนที่ฉันมาถึงโรงเรียนก็เหมือนจะมีการสอบเพื่อเลือกหาผู้ที่มีความสามารถ แต่ก็เลือกไม่ได้
แถมเวลาการแข่งหานักเรียนดีเด่นจากโรงเรียนทั้งห้า ก็กระชันชิดเข้ามาเหลือเพียงไม่กี่วัน แถมสอบกลางภาคก็เกือบจะมาถึงแล้ว
เรียกได้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในความชุลมุนวุ่นวายเหลือหลายเลยก็ว่าได้.. จนอาจจะเกิดความผิดพลาดบางอย่างก็คงไม่น่าแปลกใจอะไร
เพราะตอนนี้ฉันเองก็กำลังทำข้อสอบเขียนเพื่อผ่านไปสอบภาคปฏิบัติเพื่อเป็นตัวแทนของโรงเรียนอยู่
ส่วนใบสอบของฉันคือ สูตรคณิตศาสตร์มากมายที่ฉันไม่เข้าใจอะไรเลยอยู่ด้วย ก็ความรู้พวกนี้ฉันเอาคืนคุณครูในโลกเดิมไปหมดแล้วนี่หว่า
เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ตอนทำงานก็มีใช้แค่บวก ลบ คูณ หาร ของพวกนี้มันสำคัญที่ไหนฟะ.. แต่…นั่นสินะ
ในโลกนี้สูตรพวกนี้คือส่วนหนึ่งของการทำให้เวทมนตร์เป็นจริง.. ไม่สิ ต่อให้เป็นแบบนั้นเรียนพวกนี้ตั้งแต่อายุสิบสามนี่มันก็เกินไปปะ
หรือว่าเพราะกำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่ พวกเขาเลยหยิบข้อสอบมาผิดกันนะ.. ถ้าเป็นแบบนั้นคงดี.. เฮ้อ
ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าถ้าหากไอน์สไตน์มาเกิดใหม่ในโลกนี้เขาจะเป็นคนที่โคตรเก่งเลยไหม
หรือถ้าเป็นนิวตันเขาจะมีพลังควบคุมแรงโน้มถ่วงไหม.. ในขณะที่ฉันกำลังปวดหัววุ่นอยู่กับข้อสอบตรงหน้าก็มีคนคนหนึ่งเอียงคอมาทางฉัน
“เธอน่ะ.. เป็นนักเรียนใหม่ที่พึ่งย้ายมาแต่ก็มาเจอข้อสอบทันทีนี่ โชคร้ายจริงนะเธอน่ะ”
“นายทำเสร็จแล้วเหรอ..?”
คนที่ทักฉัน.. เป็นเด็กผู้ชาย.. ละมั้ง ฉันก็ไม่มั่นใจแต่เขามีผมสั้นสีเหลืองอมขาวหน่อยๆ ร่างกายดูเล็กน่ารักดีหรอก
แต่เพราะใส่เครื่องแบบของผู้ชายแถมหน้าอกก็แบนราบแบบนี้คงเป็นผู้ชายแหงแซะแหละนะ.. แต่ถ้าเป็นผู้ชายหน้าสวยฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
เพราะที่ฉันไม่ชอบคือลักษณะทางกายภาพของผู้ชาย.. เอ่อ จริงๆ นิสัยก็ไม่ชอบนะ
ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันก็พอทำความรู้จักกับหมอนี่ได้..
แต่พอเห็นท่าทางสบายๆ ของหมอนี่ฉันเลยคิดว่าเขาทำเสร็จแล้ว และก็เหมือนจะเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ
เขาพยักหน้าพร้อมกับบอกว่า
“อืม.. ก็อาจารย์สอนมาก่อนนี่น่า แต่เธอนี่สิ..”
นั่นแหละที่เป็นปัญหา ก่อนออกข้อสอบอาจารย์ก็สอนหมดนั่นแหละ แต่มันอยู่ที่ว่าจะจำได้ไหมต่างหากละ
ซึ่งฉันจำไม่ได้ไง! แถมหมอนี่เหมือนจะรู้สึกเห็นใจที่ฉันพึ่งย้ายมาเรียนคงไม่เคยเรียนมาก่อน..
รู้สึกแปลกๆ แฮะ.. ก็โดนเด็ดมัธยมต้นสงสารที่เขียนข้อสอบไม่ได้ทั้งๆ ที่ตัวเองเรียนจบมหาลัยแล้ว แบบนั้นมันรู้สึกน่าสมเพชสุดๆ เลยนะเฮ้ย!
“ฮะๆ .. ฉันไม่เป็นไรหรอก”
ฉันหัวเราะแห้งๆ ตอบ ขอร้องล่ะอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นเลยนะ ฉันยิ่งสมเพชตัวเองเข้าไปอีกนะเนี่ย
อุตส่าห์มีชีวิตมาสองชีวิต แต่กลับหัวดีไม่เท่าเด็กอายุสิบสามเนี่ย!ฉันไม่อยากเกิดใหม่แบบนี้เลยนะ!
“อืมม.. ถึงจะว่างั้นก็เถอะนะ ถ้าเธอมาถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหตุผลที่เธอไม่ได้ทำเองแบบนี้มันก็ไม่ถูกเท่าไหร่นี่น่า”
“ถึงนายจะว่าแบบนั้นก็เถอะ แต่มันช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
ฉันบอกปัดออกไปแบบไม่คิดมาก แต่ในใจกำลังร่ำร้อง ขอร้องล่ะหยุดพูดเถอะ ฉันมันอวดดีเองแหละ ฉันน่าจะอ่านหนังสือที่เลทิเซียให้มาเมื่อคืน
ถ้าฉันไม่มั่นหน้าตัวเองละก็.. อ้าก จะบ้าตาย
“งั้นเอาแบบนี้ ขอฉันดูข้อสอบเธอหน่อยสิ?”
“หือ.. ทำไมล่ะ?”
“เอามาเถอะน่า..”
“….”
“เร็วสิ!”
ฉันถอนหายใจ แล้วก็ยื่นข้อสอบให้เขา เอาเถอะเก็บไว้ก็คงตอบไม่ได้อยู่ดีนี่นะ.. แต่จะว่าไปแล้วเป็นคนที่แปลกดีจริงๆ
ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ชื่อด้วยซ้ำ แต่ก็ยังใจดีกับคนแปลกหน้าขนาดนี้ หมอนี่คงเป็นประมาณพระเอกในมังงะแนวโชเน็นแน่ๆ ล่ะ
แบบว่า.. แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย อะไรแบบนั้นน่ะ ถ้าฉันไม่ใช่ผู้เกิดใหม่ผ่านประสบการณ์มาเยอะ พอโดนเจ้าเด็กนี่พูดแบบเสื่อกี้ออกมาจะตกหลุมรักแบบในมังงะแนวโชเน็นหรือเปล่านะ?
“คุณอนาสตาเซีย นั่งจ้องคนอื่นตาเป็นมันขนาดนั้น ตอบข้อสอบเสร็จแล้วเหรอคะ?”
ในตอนนั้นเองอาจารย์ก็พูดขึ้นด้านตรงกันข้ามกับผู้ชายคนนั้น ฉันก็สะดุ้งเล็กน้อยหันควับไปหาอาจารย์ที่คุมสอบ
แย่ละสิ ใบสอบฉันอยู่กับเจ้าหมอนั่น ฉันพยายามส่งซิกขอความช่วยเหลือแต่เข้าเด็กนั่นกลับก้มหน้าก้มตาเขียนข้อสอบฉันโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น
ไอ้เด็กบ้า!!!หัดดูสถานการณ์บ้างสิฟะ!!
“ไหนล่ะ คุณอนาสตาเซีย อาจารย์ขอดูใบข้อสอบเธอหน่อยสิ คงไม่บอกว่าสอบไม่ได้หรอกใช่ไหมคะ เพราะจากคำบอกเล่าของคุณโนร่า คุณน่าจะได้รับการสอนหลักสูตรของชั้นปีที่สามมาแล้วนี่?”
หนอย ยัยองค์หญิงนั่น!! ฉันเริ่มเหงื่อตกเหมือนอาจารย์ที่ไม่ทราบชื่อคนนี้ก็สังเกตเห็นเธอก็พูดขึ้นมาว่า
“อย่าบอกนะว่า.. คุณโนร่าโกหก.. แบบนี้ไม่ใช่แค่คุณอนาสตาเซียที่ผิดแต่เป็นคุณโนร่าด้วยสินะคะ”
อย่ามาพูดเองเออเองสิเฮ้ย อาจารย์!ถึงมันจะจริงก็เถอะนะ แต่แบบนี้มันปรักปรำกันชัดๆ เลยนี่หว่า
แต่เธอไม่ได้สนใจความคิดของฉัน เธอเอามือยื่นไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากโต๊ะของฉัน ทั้งๆ ที่มันควรจะอยู่กับเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
ฉันสับสนก่อนจะหันไปมองเจ้าเด็กนั่น.. เด็กนั่นยังก้มหน้าก้มตาเขียนข้อสอบของฉันอย่างรวดเร็วอยู่ด้วย
“อืม.. คำตอบก็ถูกดีนี่น่า”
อาจารย์เขาวางกระดาษให้กับฉันที่กำลังงงงวย.. ไอ้เด็กนั่นก็ยกนิ้วโป้งให้ฉันทั้งที่มืออีกข้างกำลังเขียนหนังสือ
“ฉันโยนข้อสอบฉันให้เธอแทนแล้วนะ”
นั่นคือสิ่งที่เจ้านี่บอกผ่านทางสายตาของฉันชัวร์เลย.. ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก..
หลังจากสอบเสร็จฉันก็ไปขอบคุณเจ้าหมอนั่น.. แล้วก็พูดขึ้น
“ขอบคุณที่ช่วยนะ ฉันมีชื่อว่า อนาสตาเซีย เจน ไลล่าร์ นายมีชื่อว่าอะไร”
“อ้อ.. อนาสตาเซียสินะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
หมอนี่ยื่นมือมาทางฉัน แสดงให้เห็นว่าจะจับมือ.. จับมือกับเด็กผู้ชายเหรอ.. ฉันสูดลมหายใจลึกๆ แล้วก็ยื่นมือออกไป
จับ.. แต่พอจับแล้วเหมือนจะไม่มีอาการผิดปกติอะไร ทำให้ฉันสับสนเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ปกติถ้าแตะเนื้อต้องตัวผู้ชาย ฉันคงตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูกแล้วแท้ๆ
แปลกดีแท้..
“ฉันมีชื่อว่า ไอน์สไตน์… อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์”
“ห้ะ..?”
ห้ะ..? ไอน์สไตน์? ไอ้เด็กนี่เป็น.. ไอน์สไตน์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์คนนั้นน่ะนะ ที่คิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป นั่นน่ะ?
เอาจริงดิ?