ตอนที่ 43 มีขโมย
อันหลิงเกอยิ้มอย่างเขินอายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนออกมาว่า “ของขวัญชิ้นนี้มิใช่ของล้ำค่าอันใด มันเป็นแค่เป็นของขวัญต้อนรับท่านอาสะใภ้รอง อาสะใภ้สาม และน้องสาวอีกสองสามคนเพียงเท่านั้น มันจะทำให้ข้าจนได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ”
เมื่อหวังซื่อได้ฟังคำว่า “ล้ำค่า” แล้วราวกับมีเข็มแหลมทิ่มแทงทะลุหัวใจของนาง เป็นเหตุให้รอยยิ้มบนใบหน้าของนางแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดึงมือของอันหลิงเกอมาจับเอาไว้แน่นและพานางนั่งลง
“ท่านอาหญิงรองเป็นอันใดไปเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอเอ่ยถามหวังซื่อด้วยความเป็นห่วง
“สีหน้าของท่านมิค่อยดีเลยเจ้าค่ะ หรือว่าเมื่อคืนนอนมิหลับหรือเจ้าคะ”
เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ใบหน้าของหวังซื่อสั่นไหวเล็กน้อย และได้แต่นึกตำหนิตนเองภายในใจว่า ถ้าหากมิใช่เพราะเมื่อคืนนางดีใจมากจนกินไปจนลืมสั่งคนไปเฝ้าห้องเก็บสมบัติทันทีที่ได้รับกุญแจมา หากเป็นเช่นนั้นละก็ห้องเก็บสมบัติก็คงจะมิถูกขโมย
“อาสะใภ้จะมิปิดบังเจ้า”
หวังซื่อกล่าวออกไปพร้อมกับทอดถอนหายใจยาวออกมา สีหน้าก็ดูเศร้าสร้อยลงไป
“เมื่อวานท่านแม่ส่งมอบห้องเก็บสมบัติให้อาสะใภ้เป็นผู้ดูแลจัดการ วันนี้ตอนเช้ากลับมีข้าวของหลายชิ้นในห้องเก็บสมบัตินั้นหายไป”
“ในตอนนี้ท่านย่าของเจ้ายังมิรู้เรื่องนี้ ถ้าท่านรู้เข้าละก็ อาสะใภ้ก็มิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”
คำเล่ากล่าวนี้ของหวังซื่อเป็นความจริงและดูจริงใจ มิมีการกล่าวเกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว และหวังซื่อก็ได้เล่าต่ออีกว่า นางหวังว่าบ่าวรับใช้เหล่านั้นจะสามารถหาเบาะแสได้โดยเร็ว สามารถจับคนร้าย และนำของที่ถูกขโมยกลับมา นางถึงจะมีหน้าไปพบกับฮูหยินเฒ่าได้
เมื่อฟังจบ แววตาของอันหลิงเกอแสดงความแปลกใจออกมาและกล่าวออกมาว่า “หลายปีมานี้ในจวนมิเคยมีอันใดสูญหาย เรื่องนี้มีอันใดผิดแปลกไปหรือเปล่าเจ้าคะ ? “
เมื่ออันหลิงเกอกล่าวเช่นนั้น หวังซื่อได้ครุ่นคิดตามก็รู้สึกได้ว่าเรื่องราวในครั้งนี้ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง เมื่อนึกย้อนกลับไปครั้งที่ท่านโหวคนก่อนยังมีชีวิตอยู่ ในจวนโหวแห่งนี้ก็มิเคยมีขโมยเกิดขึ้น
หวังซื่อฉุกคิดตริตรองในเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงใบหน้าของหลี่ซื่อขึ้นมา บางทีโจรผู้นั้นที่ขโมยทรัพย์สินในห้องเก็บสมบัติไป อาจจะเป็นคนของหลี่ซื่อก็ได้ นางทำเช่นนี้ คือจงใจลอบกัดตน เป็นเหตุให้ตนขายขี้นางต่อหน้าท่านแม่และจำใจต้องคืนอำนาจในมือกลับคืน เมื่อนึกย้อนกลับไป เมื่อเช้าตรู่หลี่ซื่อรีบมาที่ห้องเก็บสมบัติก่อนนาง มิเพียงแค่ต้องการตบหน้านางเท่านั้น แต่ยังสามารถทำลายหลักฐานได้อีกด้วย ?
“เกอเอ๋อ อาสะใภ้ถามเจ้าหน่อย”
หวังซื่อดึงอันหลิงเกอมาใกล้ ด้วยทีท่าสนิทสนม
“กุญแจคลังเก็บสิ่งของมีดอกเดียวใช่หรือไม่ ?”
อันหลิงเกอส่ายหน้า
“หลายปีมานี้ เรื่องจุกจิกเล็กใหญ่ทั้งหมดในจวนทั้งหมดมีอี๋เหนียงค่อยจัดการดูแล เกอเอ๋อร์ก็มิค่อยรู้แน่ชัดเจ้าค่ะ”
คำตอบของอันหลิงเกอกล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือหลี่ซื่อยึดอำนาจมาหลายปี ถ้าคิดจะส่งคนไปทำเรื่องอันใดที่ห้องเก็บสมบัติแล้วนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นหวังซื่อก็ยกยิ้มขึ้น รู้สึกแค่ว่าตัวเองใกล้จะจับจุดอ่อนของหลี่ซื่อได้แล้ว
จากนั้นนางเสแสร้งหลอกถามจากอันหลิงเกอ เช่น สาวใช้คนใดที่หลี่ซื่อให้ความสำคัญที่สุด สาวใช้ชราคนใดที่ติดตามมาเป็นสินเดิมของหลี่ซื่อ มีสมาชิกคนไหนบ้างที่มาจากครอบครัวของนางและมาทำงานอยู่ในจวนโหวเป็นต้น
อันหลิงเกอนั้นค่อนข้างว่านอนสอนง่าย มิว่าหวังซื่อถามอันใดนางก็ตอบตามที่นางรู้ ถ้ามิรู้จริงนางก็ส่ายหน้า หลังจากเอ่ยถามอันหลิงเกออยู่นาน ในที่สุดหวังซื่อก็สามารถจับสาระสำคัญจากคำถามสั้น ๆ จุกจิกเหล่านั้นออกมาได้
เมื่อนางสอบถามข้อมูลมาจากอันหลิงเกอจนรู้ความแล้ว หวังซื่อจึงได้ให้คนไปส่งนางที่เรือน จากนั้นก็หันกลับมาสั่งสาวใช้คนสนิทของตัวเอง
“เจ้าไปตรวจสอบหงเถาคนสนิทข้างกายผู้นั้นของหลี่ซื่อ นางมีพี่ชายที่ทำงานรับใช้อยู่ข้างกายท่านโหว ตรวจสอบสองคนนี้พร้อมกัน ข้ามิเชื่อหรอกว่าเจ้าสองคนนี้จะมิมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้”
เมื่อกี้อันหลิงเกอบอกแล้วว่าปกติหลี่ซื่อให้ความสำคัญกับหงเถาผู้นั้นมาก ทุกเรื่องที่ถูกสั่งการลงมาก็จะให้หงเถาผู้นั้นไปจัดการ นอกจากนี้หงเถายังมีพี่ชายคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นบ่าวรับใช้ข้างกายท่านโหว เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากหลี่ซื่อต้องการทำอันใด ก็จะสะดวกยิ่งขึ้น
หวังซื่อนั่งจิบชาอย่างผ่อนคลาย ความกลัดกลุ่มใจเดิมหายไปพร้อมกับกลิ่นชา สาวใช้ที่นางส่งออกไปนั้นเป็นคนที่ฉลาดและมีไหวพริบ ถ้ามิพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์อันใดในเรือนของหลี่ซื่อ โดยนิสัยแล้วจะมิเสียเวลาอยู่ที่ตรงนั้นนาน คงไปค้นหาเบาะแสที่เรือนหน้าแล้ว
“ที่นี่คือเรือนหน้า ถ้ามิมีป้ายผ่าน ห้ามมิให้สมาชิกหญิงในจวนเข้าออก”
หญิงชราที่ทำหน้าเป็นผู้เฝ้าประตูมีดวงตาที่แก่ชราและหย่อนคล้อย เนื้อหนังที่หย่อนยานห้อยลงมาบนใบหน้า แสดงสีหน้าโหดเหี้ยมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
สาวใช้คนสนิทของหวังซื่อเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ฉีกยิ้ม จากนั้นก็ยัดของหนัก ๆ เข้าไปในมือของหญิงชรา
“ท่านยายสบายดีหรือไม่เจ้าคะ เมื่อวานตอนที่พี่หงเถามาที่นี่ มิทันระวังทำต่างหูหล่นที่นี่ จึงใช้ให้ข้ามาช่วยนางหาและนำกลับไปให้เจ้าค่ะ”
หญิงชรานับเงินในมือ ใบหน้าชราก็เผยรอยยิ้มออกมา
“ที่แท้ก็ช่วยแม่นางหงเถาทำงานนี้เอง เยี่ยงนั้นเจ้าจะทำอันใดก็ทำให้มันเร็วหน่อย อย่าให้คนอื่นเห็นเจ้าได้ “
สาวใช้พยักหน้ารับ จากนั้นเล็ดลอดเข้าไปในลานหน้าบ้าน เสแสร้งทำเป็นมองหาต่างหู
อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถือต่างหูผีเสื้อสีเงินคู่หนึ่ง แล้วเดินอ้อนแอ่นผ่านหน้าหญิงแก่ไป หลังจากพ้นจากสายตาของหญิงชราผู้นั้นแล้ว นางก็ก็เดินตรงกลับไปที่ เรือนของหวังซื่อทันที
จากนั้นนางก็ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองไปสืบหามาให้หวังซื่อฟัง หวังซื่อเมื่อได้ฟังที่สาวรับใช้รายงานก็หัวเราะเยาะอย่างชอบใจออกมา
“เรื่องนี้เจ้าเป็นคนทำจริงด้วย จะลอบกัดข้าเยี่ยงนั้นรึ หลี่ซื่อ เจ้ายังอ่อนต่อโลกมากนัก”
“เร็วเข้า เจ้านำคนไปที่เรือนหน้า แล้วไปจับพี่ชายของสาวใช้หงเถา บ่าวรับใช้ที่ชื่อหงหยิงมาให้ข้า ! ”
ทันทีที่หวังซื่อออกคำสั่ง บ่าวรับใช้ห้าหกคนก็เดินไปที่เรือนหน้าด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผยทันที
“มันผู้นั่นแหละที่ขโมยสมบัติจากห้องเก็บสมบัติไป ! ”
…
ณ เรือนหน้า
เมื่อคืนหงหยิงมิได้นอนมาทั้งคืน เวลานี้กำลังจะเข้านอน ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียก และประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง พร้อมทั้งผู้คนเบียดเสียดกันเข้ามาเต็มห้องเขาไปหมด
“พวกเจ้าเป็นใคร ? “
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน ก็ในเมื่อเขาได้ทำเรื่องมิดีจึงกินปูนร้อนท้อง จากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นจากเตียงและชี้นิ้วไปที่กลุ่มคนที่เดินกรูกันเข้ามาในห้อง แต่คนพวกนั้นกลับเพิกเฉยต่อเขา หลังจากรีบกรูเข้ามาทำการค้นหาของ ค้นจนห้องของหงหยิงกระจัดกระจายไปหมด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ที่นี่คือจวนโหว พวกคนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าก็ยังกล้าก่อเรื่องในจวนโหวอีก หากท่านโหวรู้จะต้องส่งตัวพวกเจ้าไปให้กับทางการเป็นแน่
เมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นได้ยินที่เขากล่าว หนึ่งในคนที่เข้ามาค้นหาสิ่งของก็หยุดมือ และหันมายิ้มให้ หงหยิงด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
“อ้อ นี่เจ้าก็รู้ด้วยรึว่าการขโมยของต้องนำตัวส่งไปให้ทางการ”
เมื่อหงหยิงเห็นว่าชายคนนั้นหยุดมือค้นหา ก็คิดไปเองว่าคนพวกนั้นถูกตัวเองเกลี้ยกล่อม จึงรู้สึกฮึกเหิมและรู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมาทันที
“พวกเจ้ารีบออกไปจากที่นี่เสีย ข้าจะเมตตาปล่อยพวกเจ้าไป”
“เฮ้ ! คำกล่าวพวกนี้เป็นคำที่ไพเราะที่สุดที่พวกข้าเคยได้ยินมาในช่วงหลายปีมานี้เลย”
หลังจากนั้นมินานหนึ่งในนั่น ก็ได้ถือด้ามจับหยูอี้ด้ามหนึ่งกวัดแกว่งไปมาตรงหน้าของหงหยิง แล้วกล่าวออกมาว่า “พวกเราได้รับคำสั่งมาจากนายหญิงรอง ให้มาค้นหาของที่หายไปและนำตัวผู้กระทำความผิด กลับไปหานาง”
หลังจากกล่าวจบเขาก็โบกมือขึ้น คนอื่นจึงกรูกันเข้ามาหาหงหยิงทันที หงหยิงที่จะหันหลังวิ่งหนี แต่กลับถูกพวกนั้นจับตัวไว้เสียก่อน และกดลงกับพื้น จากนั่นก็นำเชือกป่านมาหมัดไว้อย่างหนาแน่น
จากนั้นนำหลักฐานที่ค้นได้จากการถูกขโมย นำออกมาวางไว้ตรงหน้าหวังซื่อ
หวังซื่อแสยะยิ้มขึ้นเมื่อเห็นสิ่งของที่หายไปหลายชิ้นปรากฏอยู่ข้างกายหงหยิงที่คุกเข่าตรงเบื้องหน้าของตน นางวางถ้วยชาในมือลงด้วยท่าทีที่สง่างาม เต็มไปด้วยความน่าเคารพยำเกรง แล้วเอ่ยถามออกไปว่า “หงหยิง เจ้าได้รับคำสั่งมาจากใคร ให้ไปขโมยของในห้องเก็บสมบัติในจวนโหว ? “
“บ่าวถูกปรักปรำข้อรับ ! ”
หงหยิงถูกมัดไว้ แต่กลับมิยอมสารภาพท่าเดียว
“เมื่อคืนบ่าวดื่มสุราไปเล็กน้อย จึงหลับสนิทมาก คนเหล่านี้แอบบุกเข้าไปในห้องบ่าวแล้วรื้อค้นกล่องและตู้ แล้วนำเอาของพวกนั้นออกมา แล้วมาปรักปรำว่าบ่าวเอาไป บ่าวมิรู้เรื่องอันใดเลยจริง ๆ ขอรับ”
หึ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะมาเล่นลิ้นกับข้าอีก ช่างโง่เขลาเสียจริง ๆ
จากนั้นใบหน้าหวังซื่อก็เย็นชาลง แล้วกล่าวสั่งออกมาว่า “นำตัวพยานเข้ามา”