ตอนที่ 124 สาดโคลน
“ชายผู้นั้นมิแปลกเจ้าค่ะท่านแม่” อันหลิงอีกล่าวพร้อมคลี่ยิ้มออกมา “ยาสมุนไพรที่อยู่ในเรือนของอันหลิงเกอต่างหากที่แปลก ในฐานะที่นางเป็นถึงบุตรภริยาเอกของจวนโหว นางกลับกักตุนยาสมุนไพรเพื่อแคว้นศัตรูแล้วพวกเราจักปล่อยไปได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ! ”
มิว่ายานั้นเป็นของที่หมิงซินตระเตรียมเองหรืออันหลิงเกอสั่งให้คนกักตุนสมุนไพร ก็ขอแค่สมุนไพรพวกนั้นอยู่ในเรือน เจ้าของเรือนย่อมไร้ทางรอดได้อย่างแน่นอน
ขอเพียงสาดโคลนใส่อันหลิงเกอและให้ฮ่องเต้ลงโทษนางในฐานะทรยศแผ่นดินสมคบคิดกับศัตรู แม้อาศัยฐานะบุตรีภริยาเอกแห่งจวนโหว นางก็มิมีทางรอดพ้นความผิดไปได้
ครั้งนี้อันหลิงอีมิเชื่อว่าอันหลิงเกอยังดวงแข็งจนแม้แต่ฮ่องเต้ก็ประหารนางมิได้ !
พออันหลิงอีคิดได้เยี่ยงนี้ รอยยิ้มได้ใจที่มุมปากก็ดูเด่นชัดมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนหลี่ซื่อก็คลี่ยิ้ม ในเวลานี้รอยยิ้มของสองแม่ลูกคล้ายกันอย่างประหลาด เพียงแต่มันดูน่ากลัวและชั่วร้ายกว่าคนปกติเท่านั้น
“แม่จักส่งสารไปถึงองค์ชายเจ็ดให้มาจัดการเรื่องนี้ หายนะต้องถึงตัวอันหลิงเกอแน่นอน”
นอกจากนี้พวกนางยังสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ยกฐานะขึ้นอีกขั้น เพราะองค์ชายเจ็ดได้แสดงผลงานต่อหน้าฮ่องเต้จนพอพระทัย
แม้ปัจจุบันฮ่องเต้อยู่ในช่วงชีวิตรุ่งโรจน์ องค์ชายทั้งหลายกำลังเติบโตและอยู่ในช่วงเวลาแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก หากองค์ชายเจ็ดได้ปูทางเยี่ยงนี้ไว้แล้วเมื่อถึงคราช่วงชิงราชบัลลังก์ก็เป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม
….
บัดนี้องค์ชายเจ็ดประทับอยู่ในพระตำหนักซึ่งฮ่องเต้พระราชทานให้
ทหารองครักษ์เข้ามารายงานว่าหลี่ซื่อให้ผู้ส่งสารมา เดิมทีพระองค์มิอยากพบ เนื่องจากเรื่องงานแต่งของอันหลิงอีคราวก่อน ทำให้พระองค์โดนอ๋องอี้โจมตีในท้องพระโรงและพลอยทำให้ฟู่หวงมิพอพระทัย ตอนนี้หลี่ซื่อส่งสารมาอีกจึงคิดว่ามิใช่เรื่องดีแน่นอน
“ให้ผู้ส่งสารกลับไปโดยบอกว่าข้างานยุ่ง หากมีเวลาว่างเมื่อไรจักไปเยี่ยมพวกนางที่จวนโหวเอง”
เขาสะบัดมือให้ทหารองครักษ์ถอยออกไป แต่ทหารนายนั้นมิขยับตัว ยังคงยืนก้มหน้าอยู่ที่เดิม “ทูลองค์ชายเจ็ด ผู้ที่มาส่งสารบอกว่าหลี่ซื่อทราบตัวสายลับของแคว้นชิงเยว่แล้ว นางบอกว่าองค์ชายประสงค์ทราบเรื่องแน่นอนจึงส่งคนมาพ่ะย่ะค่ะ”
สายลับแคว้นชิงเยว่หรือ ?
ทันใดนั้นแววตาของจ้าวหลานหยู่ก็เป็นประกายและเปลี่ยนความคิดทันที “ให้เข้ามา”
ต่อจากนั้นทหารองครักษ์ก็รีบพาผู้ส่งสารเข้ามาและถอยออกไปอย่างรู้ความ
จ้าวหลานหยู่มองคนตรงหน้าด้วยแววตาลึกล้ำ “เจ้าบอกว่าหลี่ซื่อทราบตัวสายลับแคว้นชิงเยว่เป็นเรื่องจริงหรือ ? ”
“เป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้าโกหกองค์ชายเจ็ดเด็ดขาด”
ผู้ส่งสารทูลพร้อมโค้งคารวะอย่างนอบน้อม “ฮูหยินรองแจ้งว่าคุณหนูใหญ่สั่งให้คนกักตุนยาสมุนไพรไว้ในจวนและยังมิกล้าให้ผู้อื่นเห็น หากมิได้เป็นเพราะคุณหนูสามบังเอิญเห็นก็คงมิมีผู้ใดทราบว่าคุณหนูใหญ่กล้าสมคบคิดกับศัตรูพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหลานหยู่หลงเข้าใจผิดว่าคนส่งสารผู้นี้จักแจ้งข่าวสำคัญอันใดแต่พอได้ยินชื่อของอันหลิงเกอ เขาก็รีบขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดทันที
บอกว่าเป็นเรื่องสายลับแคว้นชิงเยว่ ทว่าสุดท้ายก็คิดยืมมือเขาไปจัดการอันหลิงเกอ
สุดท้ายก็เป็นเรื่องของสตรีที่สายตาตื้นเขิน คิดแต่จักครอบครองเรือนหลังของจวน ในใจมีแค่เรื่องส่วนตัวแสนด้อยค่าเท่านั้น
“ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปได้”
เมื่อผู้ส่งสารเห็นว่าองค์ชายเจ็ดมิเก็บเรื่องนี้มาใส่พระทัยก็อดมิได้ที่จักกระวนกระวายขึ้นมา “ทูลองค์ชายเจ็ด คุณหนูสามเห็นเรื่องนี้ด้วยตา กระหม่อมมิกล้าโกหกแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหลานหยู่หันกลับมามองอีกคราพร้อมมุมปากเย้ยหยัน “หลี่ซื่ออยากสู้กับอันหลิงเกอก็ให้นางคิดวิธีเอง ข้าเป็นถึงองค์ชายมิยอมเป็นเครื่องมือให้นางใช้จัดการผู้อื่นเยี่ยงนี้”
คราวก่อนยอมออกหน้าให้อันหลิงอีเพราะเห็นแก่ความเป็นญาติ มิเช่นนั้นผู้ใดจักสนความเป็นตายของพวกนางเล่า
ผู้ส่งสารเห็นองค์ชายเจ็ดตรัสถึงหลี่ซื่อขนาดนี้ก็ฝืนยิ้มออกมา
เขาสามารถทำหน้าที่ส่งสารได้ก็ต้องทำให้องค์ชายเจ็ดยอมคล้อยตามให้จงได้
“ทูลองค์ชายเจ็ด พระองค์อย่ากริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ฮูหยินรองให้ทูลว่าเรื่องคุณหนูสามเมื่อคราวก่อนต้องขอบพระทัยองค์ชายมากพ่ะย่ะค่ะ นางทำให้องค์ชายโดนฮ่องเต้ตำหนิ เป็นความผิดของนางเองและนางรู้สึกผิดอย่างมาก คราวนี้ถือโอกาสที่กระหม่อมมาส่งสารจึงให้นำของสิ่งหนึ่งมาถวายพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อกล่าวจบ ผู้ส่งสารก็หยิบกล่องผ้าขนาดเท่าฝ่ามือออกจากแขนเสื้อพร้อมใบหน้ามีลับลมคมใน
จ้าวหลานหยู่รู้สึกสงสัย หลังจากรับกล่องมาก็ค่อย ๆ เปิดดู
ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงนุ่มนวลและแพรวพราวแผ่ออกมาจากในกล่อง ดวงตาของจ้าวหลานหยู่จับจ้องที่ของสิ่งนั้นอยู่นานทีเดียว
“ทูลองค์ชาย นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากฮูหยินรองของ ไข่มุกราตรีแห่งทะเลตะวันออกที่เดียวในแผ่นดิน องค์ชายเจ็ดโปรดรับน้ำใจเล็กน้อยนี้ไว้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
สิ่งที่กล่องใบนั้นบรรจุไว้คือไข่มุกราตรีที่มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น แม้ในตอนกลางวันก็ยังสามารถเห็นแสงของไข่มุกได้ เห็นได้ว่ามันเป็นของล้ำค่า
ในเวลานี้สีหน้าของจ้าวหลานหยู่เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว “ข้าอยู่ในวังมานานถึงเพียงนี้ยังมิเคยเห็นไข่มุกราตรีชั้นยอดขนาดนี้มาก่อน รบกวนหลี่ซื่อแล้วจริง ๆ ”
“ทูลองค์ชาย นี่คือของตอบแทนจากฮูหยินรองพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ส่งสารกล่าวจบก็โค้งตัวพร้อมยกยิ้ม “พระองค์ช่วยจัดการงานใหญ่ให้ฮูหยินรองถึงเพียงนี้ หรือกล่าวได้ว่าช่วยชีวิตคุณหนูสามไว้ก็ว่าได้ ดังนั้นการถวายไข่มุกราตรีให้พระองค์เพียงหนึ่งชิ้นจักถือเป็นเรื่องใหญ่อันใดพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหลานหยู่เลิกคิ้ว “เช่นนั้นหลี่ซื่อให้เจ้ามาส่งสารเรื่องอันหลิงเกอเพราะอยากให้ข้ามีผลงานต่อหน้าฟู่หวงก็ถือเป็นการตอบแทนข้าหรือ ? ”
“เป็นเยี่ยงนั้นพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเจ็ดทรงพระปรีชายิ่งนัก” ผู้ส่งสารหยุดไปครู่หนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ฮูหยินรองทำให้องค์ชายเจ็ดลำบากต้องโดนฮ่องเต้ตำหนิ มีโอกาสน้อยครั้งที่ได้ช่วยพระองค์ นางจึงรีบให้กระหม่อมนำสารมาทูลพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหลานหยู่มิใส่ใจว่าหลี่ซื่อคิดเยี่ยงนี้จริงหรือไม่
เขามองผู้ส่งสารแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “หลี่ซื่อบอกว่าอันหลิงเกอกักตุนยาสมุนไพร แน่ใจหรือไม่ ? ”
“ทูลองค์ชาย ฮูหยินรองจักโกหกได้เยี่ยงไร ? เรื่องนี้มิมีทางผิดพลาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ส่งสารทุบหน้าอกเพื่อรับประกัน “ฮูหยินรองส่งคนไปดูที่เรือนคุณหนูใหญ่แล้ว ในหอนอนสาวใช้คนหนึ่งเต็มไปด้วยตู้เก็บยา ด้านในยังอัดแน่นไปด้วยยาชนิดต่าง ๆ ห้องของสาวใช้ผู้นั้นถูกใช้ไปกว่าครึ่งเพื่อเก็บยาพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำยืนยันเช่นนี้ ดวงตาของจ้าวหลานหยู่ก็ทอประกายเพราะถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วการกระทำของอันหลิงเกอก็น่าสงสัยมาก
บุตรีฮูหยินเอกแห่งจวนโหวมิได้ป่วยเป็นโรคอันใด ทว่ากักตุนยาสมุนไพรมากมาย แสดงว่าต้องมีเจตนาบางอย่างแอบแฝง
“ไป ข้าจักไปจวนโหวและถ้าอันหลิงเกอกล้าสมคบคิดศัตรูมาทรยศแผ่นดินจริง ข้าจักรีบทูลเสด็จพ่อให้ลงโทษนางและมิมีทางปล่อยนางแน่”
จ้าวหลานหยู่ลุกขึ้นยื่นพร้อมเดินออกไปด้านนอกพระตำหนัก ในแววตาฉายความตื่นเต้นมิน้อย