ตอนที่ 178 กลยุทธ์ลักขื่อเปลี่ยนเสา
เสื้อผ้าชุดนี้ปักลายนกยูงประดับลูกปัดสีทับทิมแดง สีสันและวัสดุที่ใช้ดูเรียบเนียนกลมกลืน แค่เห็นก็ทำให้คนรู้สึกดีและมีคุณหนูในเมืองหลวงมิน้อยชอบตัดเสื้อผ้าสวยงามเยี่ยงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือลูกปัดสีทับทิมแดงเยี่ยงนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก
ทว่าพอเอื้อมมือไปจับ อันหลิงเกอก็รู้สึกถึงความหยาบสากมือเล็กน้อย
นางพลิกดูก็เห็นเนื้อผ้าด้านในยังเนียนสวยดูเป็นลวดลายคงเดิม
แต่ความรู้สึกหยาบมือที่สัมผัสได้มิใช่ของปลอม ดังนั้นเนื้อผ้าด้านในต้องมิใช่ผ้าลินินแต่เป็นวัสดุที่ด้อยกว่าและจงใจทำเป็นลวดลายแบบเดียวกับด้านนอก
ปี้จูเห็นท่าทางของอันหลิงเกอจึงเอื้อมมือไปลูบตาม แต่พอลูบผ้าเท่านั้นนางก็เผยแววตาขุ่นมัวขึ้นมาทันที ใบหน้ากลมมนก็เปื้อนไปด้วยความเหยียดหยาม
“ที่แท้หลันซินเอาเสื้อผ้ามาส่งด้วยตนเองเพราะลูกไม้บนชุดนี่เอง”
ร้านเฉิงอีฝางเปิดกิจการในเมืองหลวงมานานหลายปี มิเคยทำเรื่องต่ำทรามเยี่ยงนี้มาก่อน เมื่อชุดพวกนี้ถูกส่งมาก็อยู่ในมือหลันซินเพียงผู้เดียว ดังนั้นมีแค่หลันซินที่จักทำอันใดกับชุดก็ได้
อันหลิงเกอส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แม้ดูเป็นของที่ร้านเฉิงอีฝางทำออกมา แต่ถ้าลองดูให้ดีก็จักรู้ว่าชุดนี้มิได้สวยเหมือนที่ร้านเฉิงอีฝางทำออกมา
“ข้าจักลองสวมสักหน่อย”
นัยน์ตาสีดำของอันหลิงเกอแฝงไปด้วยความคาดเดายาก ทำให้ผู้อื่นมิรู้ความรู้สึกของนาง
ปี้จูเผยใบหน้ามิอยากให้อันหลิงเกอใส่ชุดมีปัญหานี้ แล้วเหตุใดคุณหนูต้องลองใส่ด้วย ?
เมื่อหมิงซินเห็นจึงเดินเข้ามาส่งสายตาให้ปี้จู บอกให้ทำตามคำสั่งของอันหลิงเกอ จากนั้นสาวใช้ทั้งสองก็ช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้านาย
“ดูเหมือนชุดนี้สั้นไปหน่อย”
หมิงซินขมวดคิ้ว ขณะมองแขนเสื้อที่สั้นจนถึงข้อมือ ดวงตานางก็สั่นไหวด้วยความโกรธ
คุณหนูของนางมีนิสัยเรียบง่าย ปฏิบัติต่อสาวใช้ก็อ่อนโยนและใจกว้าง มิเคยด่าผู้ใดให้ต้องอับอายมาก่อน เหตุใดในเรือนฉีอู๋ถึงมีพวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาช่วยผู้อื่นเพื่อมาทำร้ายคุณหนู ?
อย่ากล่าวว่านี่เป็นแค่ปัญหาเสื้อผ้าชุดหนึ่งเลย ถ้ามิมีผู้ใดเล่นลูกไม้แล้วเสื้อผ้าชุดนี้จักเปลี่ยนได้อย่างไร ? ร้านเฉิงอีฝางเคยทำเสื้อผ้าให้คุณหนูหลายชุดแล้ว มิมีทางพลาดเรื่องสัดส่วนของคุณหนู ดังนั้นชุดนี้ต้องมิได้ออกมาจากร้านเฉิงอีฝางอย่างแน่นอน !
แม้แต่ปี้จูที่มีนิสัยมิคิดเล็กคิดน้อยก็ยังสังเกตเห็นความผิดปกติ “คุณหนูเจ้าคะ นี่มิใช่เสื้อผ้าจากร้านเฉิงอีฝาง จักให้บ่าวไปตามหลันซินมาถามหรือไม่เจ้าคะ ? ”
แววตาอันหลิงเกอขุ่นมัว แต่บนใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์อันใด
อันหลิงเกอพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของปี้จู
ปี้จูจึงออกไปตามหลันซินเข้ามาพบเจ้านาย
ในเวลานี้อันหลิงเกอนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งประมุข ใบหน้างดงามมีเงาบางอย่างบดบังแสงสีทอประกายทำให้นางดูน่ายำเกรงกว่าเดิม “กล่าวมาเถิดว่าเกิดอันใดขึ้นกับชุดของข้า ? ”
พอหลันซินได้ยินเยี่ยงนั้นก็รีบคุกเข่าทันที แสดงท่าทางสำนักผิดเมื่อโดนจับได้ “คุณหนูโปรดอภัยให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ แม่ของบ่าวป่วยและต้องใช้เงินก้อนใหญ่ แต่บ่าวหามิได้จึงเอาเสื้อผ้าของร้านเฉิงอีฝางไปขายในราคาต่ำ จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาส่งแทน บ่าวได้กำไรมาพอสมควรจึงสามารถซื้อยาให้ท่านแม่ได้เจ้าค่ะ”
นางมีท่าทางกระวนกระวายเสียใจยิ่งกว่าอันใด ดวงตาก็มีน้ำตาไหลออกมา “บ่าวทำผิดไปชั่วขณะ คุณหนูได้โปรดเมตตาให้อภัยความผิดในครั้งนี้ของบ่าวด้วยเจ้าค่ะ ! ”
“เจ้าก็รู้ว่าทำผิด แล้วเหตุใดยังกล้าขอร้องคุณหนูอีก ? ” ปี้จูทำตาโต ใบหน้าอ่อนเยาว์เปี่ยมด้วยความโมโห “เสื้อผ้าทุกฤดูของทุกเรือนล้วนถูกจัดสรรเอาไว้แล้ว เจ้านำชุดของคุณหนูไปขายหมด แล้วจักให้คุณหนูของข้าใส่เสื้อผ้าจากวัสดุชั้นต่ำพวกนี้หรือไร ? ”
ยังมิต้องกล่าวว่าถ้าคุณหนูใช้เสื้อผ้าจากวัสดุคุณภาพต่ำพวกนี้แล้วจักถูกผู้คนหัวเราะหรือไม่ กล่าวแค่เพียงว่าสาวใช้ผู้นี้นำเสื้อผ้าคุณหนูไปขายโดยมิได้รับอนุญาต ถ้าผู้อื่นรู้เข้าก็จักกล่าวว่าคุณหนูมิเข้มงวด แม้แต่สาวใช้ในเรือนก็ยังสั่งสอนมิดี
อันหลิงเกอกำลังเอ่ยปาก นางก็เห็นร่างผอมบางของคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา
ผู้มาเยือนคืออันหลิงอี วันนี้นางแต่งหน้า ใบหน้าทาด้วยแป้ง ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่คล้ายกับหลี่อี๋เหนียงมีแสงเปล่งประกาย ปากสีชมพูอ่อน แม้ตัวเล็กแต่ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันก็นับว่าเป็นหญิงงาม
นางอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวนวลสลับกับสีเขียวต้นหอม เนื้อกระโปรงพลิ้วไหวดุจสายน้ำ ด้านบนปักด้วยลวดลายสลับซับซ้อน วัสดุเป็นเนื้อผ้าล้ำค่าและหายาก ปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งหมดยังเต็มไปด้วยไข่มุกสีมรกตซึ่งไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ พวกนั้นดูมิธรรมดาเลยทีเดียว เสื้อชั้นนอกเย็บประดับด้วยพู่สีแดงเข้ม ขณะเดียวกันผิวอ่อนเยาว์ก็ผสมผสามกับความมีชีวิตชีวาของสาวทรงเสน่ห์ทำให้ตัวนางดูเหมือนกิ่งหลิวในฤดูใบไม้ผลิที่ทั้งอ่อนโยนและสวยงาม
เส้นผมสีดำสนิทโดนหวีขึ้นเป็นทรงสวย ด้านบนแต่งแต้มด้วยเครื่องประดับทองฝังมุกซึ่งมีลูกปัดอีกจำนวนนับมิถ้วน ทว่าแม้เป็นเยี่ยงนั้นก็ดูเข้ากับเครื่องประดับต่าง ๆ ได้ดี มิแสดงถึงความอวดมั่งมี เพียงรู้สึกว่าทำให้สาวน้อยคนนี้มีเสน่ห์ขึ้นกว่าเดิม
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นในเรือนของพี่หญิงใหญ่เจ้าคะ เหตุใดสาวใช้ผู้นี้มาคุกเข่าอยู่ที่นี่เจ้าคะ ? ” เมื่อกล่าวจบก็มิรอให้อันหลิงเกอตอบกลับ “ข้าได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่เป็นคนใจกว้าง เวลาปฏิบัติต่อสาวใช้ก็มิเคยวางอำนาจ แต่ดูจากตอนนี้แล้วเรื่องที่ได้ยินมาคงเชื่อถือมิได้”
คำกล่าวของอันหลิงอีแฝงความนัย เห็นอยู่ว่ากำลังชมอันหลิงเกอแต่ประโยคว่าเรื่องที่ได้ยินมาพวกนั้นคงเชื่อมิได้ก็แอบต่อว่าอันหลิงเกอเหมือนกัน
หากอันหลิงเกอยังจักลงโทษหลันซินต่อก็แสดงว่าเป็นคนเลือดเย็นไร้หัวใจ เหี้ยมกับสาวใช้และไร้ความเมตตา
อันหลิงเกอเห็นหลันซินทำหน้าดีใจออกมาเล็กน้อยจึงรู้ทันทีว่าอันหลิงอีมาที่นี่เพื่อช่วยหลันซิน
สาวใช้เรือนตนเองแท้ ๆ กลับไปภักดีกับอันหลิงอี ช่างน่าเศร้าเสียจริง
อันหลิงเกอยกยิ้มมุมปากอย่างดูถูก ใบหน้าอ่อนโยนไร้พิษภัยและมิมีท่าทางผิดปกติแม้แต่น้อย “น้องหญิงสามยังเป็นคนใจร้อนเช่นเดิม เรื่องราวเป็นมาเยี่ยงไรยังมิทันถามก็สรุปเอาเองเสียแล้ว ตอนนี้เจ้ายังมีหลี่อี๋เหนียงคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ ถ้าต่อไปมิมีหลี่อี๋เหนียงแล้ว น้องหญิงสามจักทำเยี่ยงไร ? ”
“เจ้าบอกว่าผู้ใดจักมิอยู่ ! ” อันหลิงอีทำตัวเหมือนโดนเหยียบเท้า ใบหน้างดงามงอง่ำทันที เครื่องประทินโฉมที่แต่งมาอย่างประณีตก็ถูกทำลายในพริบตา
อันหลิงเกอมองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ “น้องหญิงสามอายุมิน้อยแล้ว อีกปีสองปีก็ต้องแต่งออกไป เมื่อถึงเวลานั้นหลี่อี๋เหนียงคงตามเจ้าไปมิได้ แล้วเหตุใดเจ้าต้องทำหน้าทำตาแบบนั้นด้วย ? ”
เห็นอยู่ชัดเจนว่าอันหลิงเกอสาปแช่งให้มารดาของนางมีอันเป็นไป แล้วจักกลายเป็นความหมายอื่นได้เยี่ยงไร !
อันหลิงอีเผยแววตาเกลียดชัง เดิมทีคำพูดของอันหลิงเกอก็แปลเป็นความหมายนี้ได้อยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าอันหลิงเกอต้องการยั่วโทสะ นางจึงอยู่เฉยมิได้อีกต่อไป
“หากพี่หญิงใหญ่มีเวลาเป็นห่วงข้า สู้เอาเวลาไปคิดมิดีกว่าหรือว่าจักมอบสิ่งใดเป็นของขวัญวันเกิดท่านย่า”
นางสะบัดกระโปรง ใบหน้าเย่อหยิ่งพอสมควร “ข้าเตรียมของขวัญเรียบร้อยแล้ว มิทราบว่าพี่หญิงเตรียมอันใดไว้หรือเจ้าคะ ? ”
ดวงตาอันหลิงเกอเคลื่อนไปหยุดที่ตัวหลันซินโดยมิได้ตั้งใจ ทันใดนั้นก็เห็นหลันซินประสานมือไว้ตรงหน้าท้องและท่าทางเคร่งเครียด ทำให้ภายในใจของอันหลิงเกอเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา