นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 139 ศูนย์วิจัยซีซาน

ตอนที่ 139 ศูนย์วิจัยซีซาน

ตามที่ฉินปิ่งจงกล่าวมาทั้งหมด เรื่องราชทูตในงานอภิเษกสมรสถือว่าเป็นงานที่ดี

แต่ฉินปิ่งจงก็ได้เตือนเช่นกันว่าเขาอาจจะมีอันตรายที่ยังซ่อนเร้นอยู่ เช่น หากไปถึงยังที่ทุรกันดารแล้วองค์หญิงสามเกิดเปลี่ยนใจ จะทำเยี่ยงไร?

ยกอีกตัวอย่างในกรณีที่เป็นแผนการหนึ่งของชาวฮวง ท่าป๋าเฟิงใช้เรื่องอภิเษกสมรสมาเป็นประเด็น เพื่อล่อให้องค์หญิงสามออกไป หลังจากนั้นก็จับองค์หญิงสามไว้เป็นตัวประกัน ราชวงศ์หยูจะช่วยหรือมิช่วยกัน

หากช่วย เยี่ยงนั้นกองทหารจะต้องไปยังด่านเยี่ยนซาน ชาวฮวงทุกข์ทรมานจากการสกัดกั้นของด้านเยี่ยนซานเพราะทำให้ลำบากที่จะลงไปทางใต้ แต่หากด่านเยี่ยนซานได้เปิดออก ทหารม้าของชาวฮวงก็จะไร้อุปสรรค ราชวงศ์หยูจะขวางได้เยี่ยงนั้นหรือ?

หากไม่ช่วย นั่นแทบจะมิมีความเป็นไปได้ เพราะนั่นเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของต้าหยู

แน่นอนว่าสองสิ่งสุดท้ายที่ฉินปิ่งจงกล่าวมาความเป็นไปได้นั้นน้อยยิ่ง หากฟู่เสี่ยวกวนได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชทูตส่งตัว หลังจากที่กลับไปยังเมืองหลวง คงมิได้เป็นฉาวซ่านต้าฟูที่ว่างงานถึงเพียงนั้นอีก

การวิเคราะห์ของฉินปิ่งจงนี่คือแผนการของพระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟย เป้าหมายก็คือการยกระดับฟู่เสี่ยวกวนขึ้นไปทีละขั้น

ดูเหมือนว่าแนวโน้มของพระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยจะอยู่ที่การอภิเษกสมรสขององค์หญิงเก้า เยี่ยงนั้นแล้วในไม่ช้าก็เร็วฟู่เสี่ยวกวนก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นหวางเย่ แต่ก็มิอาจทราบได้ว่าระหว่างนั้นจะราบรื่นหรือไม่ ย่อมมีความยากลำบาก พระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟยจะหาโอกาสสร้างความดีความชอบให้ฟู่เสี่ยวกวนอีกมากมาย เยี่ยงนั้นต้องดูว่าฟู่เสี่ยวกวนจะฉวยเอาไว้ได้อยู่หรือไม่

หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมาถึงจวนฟู่ก็ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน หากเป็นเยี่ยงนั้นจริง เหตุผลมันก็เหมือนจะมีเพียงหนึ่งเดียว ซั่งกุ้ยเฟยหวังให้หยูเวิ่นหวินมีความสุข

เอาเถอะ ยังมีเวลาอีก 1 ปี ในตอนนี้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดยังคงเป็นสองจุดนั้นมิเปลี่ยนแปลง

หลังจากที่ออกมาจากสำนักศึกษาหลินเจียง ฟู่เสี่ยวกวนก็ไปยังจวนของหลินเจียงจือโจวหลิวจือต้งอีกครา เพื่อนำของงดงามที่นำมาจากเมืองหลวงไปมอบให้เล็กน้อย กล่าวขอบพระคุณพี่ชายหลิวที่ชี้แนะ

ส่วนเรื่องข่าวคราวในเมืองหลวงของฟู่เสี่ยวกวน หลิวจือต้งก็ได้ทราบมานานแล้ว เข้าใจดีว่าน้องชายผู้นี้เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม ระหว่างทั้งสองคนมิมีสิ่งใดต้องระมัดระวัง เพียงแค่ในตอนนี้เยี่ยนซีเหวินหลานชายของอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนได้เข้ารับตำแหน่งที่อำเภอเหยาแล้ว ถ้าเจ้าไปหมู่บ้านเซี่ยชุน หากเขาได้รู้ข่าวเข้าเกรงว่าจะไปเยี่ยมเยียนเจ้าถึงหมู่บ้านเซี่ยชุน

ฟู่เสี่ยวกวนมิใส่ใจในเรื่องนี้ อย่างน้อยจากที่มองในตอนนี้ ระหว่างทั้งสองก็มิได้มีความขัดแย้งต่อกัน หลังจากที่เยี่ยนซีเหวินได้รับรู้ความในใจของต่งชูหลานก็ยอมแพ้ไป ปณิธานเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้อยู่ที่หนทางชีวิตในการเป็นขุนนาง

……

….

เช้าวันรุ่งขึ้น ฟู่เสี่ยวกวนได้ออกเดินทาง ไปยังสำนักศึกษาหลินเจียงเพื่อรับฉินเฉิงเย่และได้นายช่างจากสำนักอาวุธปืนและสำนักหล่อทั้งยี่สิบคนออกเดินทาง พวกเขาได้เดินฝ่าสายหมอกไปยังหมู่บ้านเซี่ยชุน

ในตอนเที่ยงก็ได้มาถึงหมู่บ้านเซี่ยชุน ฟู่เสี่ยวกวนเลิกผ้าม่านขึ้นมอง ริมแม่น้ำไป๋สุ่ย ลานบ้านอิฐและกระเบื้องสีน้ำเงินได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว คละเคล้ากันจนมีเสน่ห์น่าสนใจทั้งยังเงียบและสงบ

นั่นคือหมู่บ้านหวังเจียชุนในรูปแบบใหม่ เกษตรกรได้ย้ายกลับไปแล้ว ในยามนี้ได้มีเขม่าควันลอยคละคลุ้งอยู่บนหลังคา และมีเสียงสุนัขและไก่ขันเป็นบางครา

ขบวนรถตรงเข้าไปในเรือนซีซาน จางเช่อและไป๋ยู่เหลียนได้ออกมาต้อนรับ

“คนพวกนั้นได้ที่พักเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถาม

“ขอรับคุณชาย ต่างก็ได้ที่พักเรียบร้อยแล้ว อยู่ด้านนอกเรือนขอรับ”

“จัดหาที่พักให้นายช่าง 20 ท่านนี้ด้วย อย่าละเลยพวกเขา”

“ขอรับ” จางเช่อได้พานายช่างหน้าใหม่ทั้งยี่สิบคนเดินออกไป ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวกับคนที่เหลือ “พวกเจ้าตามข้าเข้ามาข้างใน”

ทุกคนต่างเดินเข้าไปในเรือน ฟู่เสี่ยวกวน ซูม่อและคนอื่น ๆ หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ออกมาทานอาหารกลางวันด้วยกัน และจัดให้ซูเจวี๋ยและซูโหรวพักในห้องข้างกันกับซูม่อ และจัดให้ฉินเฉิงเย่นอนห้องที่อยู่ข้าง ๆ ตนเอง

“ไป พวกเราไปดูกัน”

ฟู่เสี่ยวกวนได้พาคนทั้งกลุ่มเดินออกมาจากเรือนซีซานโดยไม่มีหยุดเท้า และแล้วก็ได้มาถึงสถานที่ที่เคยได้วางโครงการเอาไว้ แต่ในวันนี้พื้นที่ขนาดใหญ่ก็ได้มีการสร้างโรงงานหลายแห่งที่เขาเคยทิ้งรูปไว้ให้

โรงงานน้ำหอมและโรงงานกลั่นเหล้าหลังใหม่ได้เริ่มทำการนานแล้ว อีกสองส่วนที่เหลือยังคงไร้การเคลื่อนไหว

ที่โรงงานตรงนั้นด้านหลังสุดมีอาคารสามชั้นหลังใหญ่อยู่ ฟู่เสี่ยวกวนจึงชี้ให้ฉินเฉิงเย่ดู แล้วกล่าวขำ ๆ “เจ้าดูสิ นี่คือศูนย์วิจัยซีซาน แต่ในตอนนี้ยังคงว่างเปล่า พวกเราไปดูกันเถอะ”

จิตใจของฉินเฉิงเย่เริ่มสูบฉีด อาคารหลังนั้นใหญ่โตกว่าสำนักอาวุธปืนที่เมืองหลวงไม่รู้ตั้งกี่เท่า สถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ทำงานของตนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแล้ว

ระหว่างเดินทางฟู่เสี่ยวกวนก็กล่าวว่า “ในเรื่องขออาวุธปืนไฟ อย่างไรแล้วก็มีเจ้าและนายช่างทั้งแปดที่เข้าใจที่สุด ต้องการเครื่องจักรอะไรหรือต้องการสั่งทำสิ่งใด ภายภาคหน้าพวกเจ้าเพียงทำเอกสารข้อกำหนดออกมา ผู้นี้คือจางเช่อ พ่อบ้านซีซาน เขาจะให้ความร่วมมือกับพวกเจ้าอย่างเต็มที่”

“อือ ภายภาคหน้าคงต้องลำบากพ่อบ้านจางแล้ว”

“คุณชายอย่าได้กล่าวเยี่ยงนั้นเลยขอรับ ข้าน้อยทำเพื่อรับใช้พวกท่าน นี่คือสิ่งที่คุณชายมอบหมายมา”

เมื่อคิดตามเยี่ยงนั้น ต่อจากนี้ก็หมดกังวลไปได้

ทุกคนได้มาถึงหน้าประตูบานใหญ่ของศูนย์วิจัยซีซาน ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิด “บึ้ม…” ดังมาจากทางด้านใน จากนั้นก็เห็นคนสองสามคนวิ่งหน้าดำออกมาจากด้านในด้วย คนที่วิ่งอยู่ทางด้านหน้าสุดคือหลี่อี้

หลี่อี้ได้รับความไว้วางใจจากฟู่เสี่ยวกวนในการวิจัยและพัฒนาดินระเบิดและยาชนิดใหม่ แต่ในตอนนี้ที่เข้าสู่ช่วงการทดลองสำคัญเยี่ยงนี้ กลับล้มเหลวอีกแล้ว

ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยดำ ผมเองก็ถูกเผาเกรียมไปหลายจุด เสื้อผ้าบนร่างก็เต็มไปด้วยรูมากมาย

หัวของหลี่อี้เกือบจะชนกับร่างของฟู่เสี่ยวกวน ในตอนนี้ที่สำลักลมหายใจอย่างรุนแรง จนเป็นควันออกมา พอเงยหน้าขึ้นมาจึงได้พบกับคุณชายที่มองมาที่ตนเองด้วยรอยยิ้ม

“อ่า ฮ่า คำนับคุณชาย”

“เจ้ากำลังทำอันใดกัน”

“ปรับสูตรขอรับ ความเสถียรยังมิค่อยดีเท่าไหร่ ทำพลาดแล้ว”

ห้าคนที่ออกมาพร้อมหลี่อี้ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน คุณชายกลับมาแล้วหรือ

คุณชายได้กลับมาแล้วจริง ๆ

พวกเขาต่างก็เคยเป็นผู้ประสบภัย เข้าใจเรื่องดินระเบิดและยา เลยถูกหลี่อี้ดึงตัวมาทำทางนี้

“พวกเจ้าจงจำคำข้าไว้ให้ดี การทดลองดำเนินไปอย่างช้า ๆ ได้ ต้องดำเนินภายใต้ความปลอดภัยที่ได้รับประกันจริง ๆ เจ้าลองดูตัวเอง หากเกิดมีข้อผิดพลาดจะทำเยี่ยงไร ยกไว้เป็นตัวอย่าง หลี่อี้ เจ้าควรกำหนดความปลอดภัยออกมาเป็นข้อ ๆ”

“โอ้ ขอรับ”

“แนะนำให้พวกเจ้ารู้จักเสียหน่อย ในภายภาคหน้าพวกเจ้าต้องร่วมมือกันอีกนาน ผู้นี้คือฉินเฉิงเย่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการวิจัยและพัฒนาปืนไฟ ผู้นี้คือหลี่อี้รับผิดชอบปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น หลี่อี้ เฉิงเย่ได้พานายช่าง 8 ท่านจากสำนักอาวุธปืนเมืองหลวงมาด้วย พวกเขาได้ผ่านการวิจัยมาค่อนข้างมาก ต่อจากนี้เจ้าและพวกเขาต้องพูดคุยกันให้มาก เฉิงเย่ ในเมื่อเจ้าได้มาถึงที่นี่แล้ว ข้าเองก็ต้องอธิบายกฎเกณฑ์หนึ่งข้อให้เจ้าฟัง อยู่ในที่ของข้า ทุกคนนั้นเท่าเทียมเท่ากัน ไม่มีการแบ่งแยกสูงหรือต่ำรวยหรือจน ทุกคนต้องปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ดังนั้นเป้าหมายจึงมีเพียงหนึ่ง ก็คือสำเร็จการวิจัยและพัฒนาโครงการ ทำการวิจัยเทคนิคออกมาให้บริสุทธิ์ที่สุด ห้ามผสมสิ่งอื่นลงไปด้วย”

ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวด้วยความจริงจัง ถึงอย่างไรฉินเฉิงเย่ก็เป็นคุณชายจวนฉินที่มาจากเมืองหลวง เขากังวลเรื่องอารมณ์ของคุณชาย หากเดือดดาลขึ้นมาคงมิเอื้อประโยชน์ต่อความสามัคคี

และฉินเฉิงเย่ในยามนี้มิได้นึกรังเกียจ กลับกันยังชอบอย่างมาก เพราะเขาเกลียดวิธีการวางอุบายของราชสำนักอย่างมาก สิ่งที่เขาคิดถึงก็มีเพียงการทำวิจัยให้ถึงแก่นแท้ที่สุด

“ท่านสบายใจเถิด ข้ามิมีปัญหา”

“อือ ข้าเชื่อเจ้า”

หลังจากที่ซูเจวี๋ยได้ยินดังนั้นก็ขยับปีกหมวก ซูโหรวที่กำลังปักลายน้ำสองตาก็เหลือบขึ้นมามองฟู่เสี่ยวกวนอย่างพินิจอีกครา

“สถานที่เจ้าเลือกได้ด้วยตนเอง แค่เหลือชั้นสองไว้ให้ข้าก็พอ หลังจากนั้นต้องการซื้อสิ่งใด ต้องการคนและเงินเท่าใด หรือแม้แต่ต้องการครัวแบบพิเศษที่นี่ก็ย่อมได้ บ่ายนี้เจ้ากับเหล่าช่างฝีมือรวมตัวกันมาทั้งหมด และเตรียมการให้เร็วที่สุด พยายามเพื่อไขว่คว้าหนทางที่ถูกต้องในเร็ววัน”

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset