ตอนที่ 146 จอมโจร
เยี่ยนซีเหวินมองดูฟู่เสี่ยวกวน “ข้ามิอยากเอาเปรียบเจ้า เจ้าขายให้กับข้าในราคาตลาด เพราะอย่างไรเสียเงินก็มิใช่ของข้า”
“เรื่องนี้มิเป็นปัญหา”
ธัญพืชนั้นเดิมทีก็ต้องขาย ไม่ว่าขายให้แก่ผู้ใดก็มีค่าเท่ากัน อีกทั้งราคาที่เยี่ยนซีเหวินรับซื้อนั้นสูงกว่าถึงสองเท่า
เยี่ยนซีเหวินจึงได้วางใจ เดิมทีเขายังกังวลใจว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมิขายให้แก่เขา หากเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องเดินทางไปยังอำเภออื่นเพื่อซื้อธัญพืช แม้จะซื้อได้เช่นกัน แต่ก็ไม่รวดเร็วเท่าซื้อกับฟู่เสี่ยวกวน
คลังอาหารเหลือเพียงน้อยนิด หากมิรีบจัดซื้ออาหารเข้าคลังก็คงเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่
“เจ้าต้องการวันใด ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถาม
“หากวันนี้ส่งได้จักดียิ่งนัก”
“ตกลง แต่ค่าขนส่งเจ้าต้องเป็นคนจ่าย ข้าจะจัดส่งไปให้ยังจวน”
เยี่ยนซีเหวินเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “เอาเถิด ๆ ตามอย่างที่เจ้าว่าเลย”
“เชิญนั่งก่อนข้าไปจัดการสักครู่”
ฟู่เสี่ยวกวนเดินออกไปจากห้องโถง เยี่ยนซีเหวินจึงได้ถอนหายใจออกมา การเดินทางมาซีซานครั้งนี้เขามีความประทับใจดีทีเดียว
หมู่บ้านเซี่ยชุนนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้หมู่บ้านเซี่ยชุนมิได้เป็นเช่นนี้ นับแต่คุณชายเดินทางมาที่ซีซานก็ได้ปรับปรุงหลาย ๆ อย่างกระทั่งปัจจุบัน
เนื่องจากคุณชายได้สร้างอุตสาหกรรมจำนวนมากในซีซาน ชาวบ้านและเกษตรกรได้รับเงินจำนวนไม่น้อย จากนั้นยังมีผู้ประสบภัยอีกหลายหมื่นคน พวกเขาเหล่านั้นถูกเรียกว่าชาวซีซาน พวกเขาต่างก็วุ่นวายอยู่กับหน้าที่ของตน กลุ่มที่ใหญ่สุดอยู่ในภูเขาเฟิ่งหลินทำเหมืองแร่ ฟู่เสี่ยวกวนมีข้อกำหนดว่า ทุกเดือนหลังจากจ่ายค่าแรงจะทำการหยุด 2 วัน ดังนั้นพวกเขาจะไปยังหมู่บ้านเซี่ยชุน จึงทำให้หมู่บ้านเซี่ยชุนรุ่งเรืองขึ้นจวบจนปัจจุบัน
ได้ยินชาวซีซานกลุ่มนั้นกล่าวว่าเมื่อใดที่พวกเขาเก็บเงินได้มากพอก็จะไปสร้างบ้านอยู่ที่หมู่บ้านเซี่ยชุน 50,000 คนเชียว ! ภายในสองปีคาดว่าหมู่บ้านเซี่ยชุนคงจะรุ่งโรจน์กว่าอำเภอเหยาเป็นแน่
เขาผู้นี้มีความสามารถจริง !
เยี่ยนซีเหวินนับถือเขามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองไปยังโรงอิฐขนาดใหญ่นั่น จึงพบว่าตนร่ำเรียนตำรามามากมายก็ยังมิอาจเข้าใจได้ อีกทั้งมิอาจทำเยี่ยงเขาได้
หากเขาปรับปรุงหมู่บ้านเซี่ยชุนไปเรื่อย ๆ สักสองปีคาดว่าอาจรุ่งเรืองเทียบเท่าเมืองหลวงก็เป็นได้ หรือว่าเขาจะ… ?
ความคิดนี้ลอยเข้ามาในสมองของเขา แต่เขาก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไปทันควัน จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า
ฟู่เสี่ยวกวนเดินกลับมากล่าวว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าจะส่งไปจำนวน 10,000 ถังก่อน ประเดี๋ยวเจ้าจงไปตรวจสอบบัญชีกับจางเช่อ ข้าจะให้คนครัวทำกับข้าวสักสามสี่อย่าง ร่วมดื่มกันเสียก่อนค่อยกลับเถิด อาจจะมิได้รสดีเท่ากับหอซื่อฟาง แต่สดใหม่กว่าแน่นอน”
เยี่ยนซีเหวินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “อุตสาหกรรมของเจ้าต้องการขยายใหญ่หรือไม่ ? หากเจ้าต้องการ อำเภอเหยามีพื้นที่กว้างขวาง ข้าสามารถให้เจ้าใช้ได้โดยมิเสียค่าใช้จ่าย”
หืม ? เจ้านี่เริ่มรู้จักวิธีทำการค้าแล้วหรือ
เพียงแต่ฟู่เสี่ยวกวนเพียงยิ้มออกมา “ตอนนี้ยังมิสามารถทำได้ ประการแรกคนงานมิเพียงพอ ประการที่สองโรงงานที่นี่ข้าเองเพิ่งได้เริ่มดำเนินการ นอกเหนือจากโรงกลั่นสุราแล้ว อย่างอื่นยังมิได้วางขาย แต่หากมีโอกาสในภายภาคหน้าข้าจักร่วมมือกับเจ้าแน่นอน เพียงแต่มีข้อแม้ว่าภาษีทุกอีแปะ ข้าจะจ่ายไม่ขาดสักอีแปะเดียว แต่เจ้าก็มิอาจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของข้าด้วยเช่นกัน”
“ข้าจะไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการเจ้าทำไมกัน ? หากเจ้ามิได้ทำสิ่งผิดกฎหมายก็เพียงพอ อำเภอเหยายากจนเหลือเกิน เจ้าจงเร่งรีบไปพัฒนาเถิด”
ความคิดของเยี่ยนซีเหวินเตือนเขาได้ว่า โรงงานเหล่านี้มิใช่เรื่องซับซ้อนใด เพียงแต่มีผู้รับผิดชอบก็พอ เขาต้องฝึกฝนพวกคนงานจนชำนาญการเสียก่อน จากนั้นจึงจะส่งตัวไปดูแลในที่ต่าง ๆ ในไม่ช้าก็จะสามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้จักต้องวางแผนงานให้ดี เขาตั้งใจจะดำเนินการปีหน้า แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญกับหมู่บ้านเซี่ยชุนมากกว่าที่อื่น เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนต้องการจะทำให้เซี่ยชุนกลายเป็นปราสาท
“ปีหน้า เมื่อผ่านปีนี้ไปแล้วข้าจักไปเยี่ยมเจ้าที่อำเภอเหยา”
เยี่ยนซีเหวินพยักหน้าแล้วมองไปด้านนอก “เจ้าจงกำชับให้ผู้ดูแลระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากบัดนี้มิค่อยสงบนัก”
“ท่านหมายความเยี่ยงไร ? ”
เยี่ยนซีเหวินหยิบชาขึ้นมาดื่มแล้วตอบว่า “ท่านพ่อเขียนจดหมายมาว่า…สองฝั่งแม่น้ำหวงเหอมีโจรหลบหนีขึ้นมา อีกทั้งหัวหน้าโจรเป็นถึงกงเซินจ่าง ยอดโจรแห่งแม่น้ำหวงเหอที่มีชื่อเสียง เขามีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งมีลูกน้องที่แข็งแกร่งอีก 8 คน จากเดิมพวกเขาอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำหวงเหอ แต่ปีนี้หลังเกิดอุทกภัยทำให้มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก พวกเขาเข้าไปแย่งชิงเงินทองและอาหารมาจากอำเภอภายใต้การปกครองถึงห้าอำเภอของหนิงโจว แล้วหอบเงินหลบหนีไปยังชวีอี้และผิงหลิงอี้ และปล้นสะดมตามเส้นทางที่ผ่าน เขาผู้นี้คัดเลือกผู้ประสบภัยหมื่นคน ก่อตั้งตนขนานนามว่ากองทัพสวรรค์ และมีคติว่าบัญชาสวรรค์ พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเขาผิงหลิง ทางการได้ปิดล้อมและปราบปรามหลายครา แต่เทือกเขาผิงหลิงกว้างขวาง อีกทั้งพวกเขาล้วนฉลาดแกมโกง การจับกุมถูกใช้เงินไปจำนวนมากแต่ก็มิเป็นผล “
“พวกเขาไปผิงหลิงเกี่ยวอันใดกับพวกเราเล่า ? ระยะทางห่างกันเพียงนี้ เขาคงมิอาจโจมตีถึงที่นี่ได้”
“เขามิอาจโจมตีมายังที่แห่งนี้ได้ แต่ได้ยินมาว่าลูกน้องคนสนิทของเขาจำนวน 3 คนพร้อมกับโจรกลุ่มหนึ่งมิได้เดินทางไปยังภูเขาผิงหลิง หากแต่เดินทางมาตามสองฝั่งแม่น้ำ กระทั่งปัจจุบันคาดว่าเดินทางมาถึงแม่น้ำฉางเจียงแล้ว เพียงแต่พวกเขามีความเจ้าเล่ห์ยิ่ง มักปลอมตัวเป็นพ่อค้าหรือผู้พเนจร หาได้มีผู้ใดเคยเห็นหน้าคร่าตาของพวกเขาไม่ ดังนั้นทางการจึงได้วางกับดักเอาไว้มากมาย แต่พวกเขามีประสบการณ์มามาก มิอาจตรวจสอบพวกเขาพบ”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วขึ้น วัตถุประสงค์ของกลุ่มโจรเหล่านี้ชัดเจนยิ่ง นั่นคือปล้นสะดม
ภูเขาผิงหลิงนั้นคาดว่าคล้ายคลึงกับหลู่เหลียงเมื่อชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นดินแดนอันขมขื่น หากต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเกรงว่าจะเป็นไปอย่างยากลำบาก
แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านี้มิกล้าก่อโจรกรรมที่เขตโจว เป้าหมายของพวกเขาคือเศรษฐีในชานเมือง และพวกเขาจะไม่ทำการปล้นอาหาร เนื่องจากมีขั้นตอนในการขนย้ายที่ลำบาก เป้าหมายเดียวของพวกเขาก็คือเงิน !
พวกเขาสามารถนำเงินไปจ้างวานให้คนนำทางไปยังผิงหลิงได้อย่างง่ายดาย
จอมโจรกงเซินฉางนำเงินไปซื้ออาวุธและชุดเกราะ หากมีสิ่งเหล่านี้ก็จะง่ายต่อการเดินทางไปปล้นยังเมืองรอบ ๆ
ใช้การปล้นในการกินอยู่เพื่อทำการปล้นต่อไป นี่คือวิถีชีวิตของกงเซินเช่อ
ที่นี่เขามีผู้มากความสามารถอยู่หลายคนจึงมิต้องเป็นกังวล แต่จะต้องส่งกำลังคนไปดูแลจวนที่หลินเจียงบ้าง เนื่องจากโจรทั้งสามที่กล่าวมานั้นล้วนมีฝีมือเป็นเลิศ
หากพวกเขาลงมือขึ้นมา ก็ยากที่จะป้องกัน
“ผิงหลิงอยู่ห่างจากกองกำลังทหารเหนือไกลหรือไม่ ? ”
“มิไกลเลย อีกทั้งอยู่ใกล้กับแคว้นฮวง ทหารทางเหนือก็มิกล้าลงมือโดยพลการ มีวิธีใดที่เหมาะสมหรือไม่ ? หากนำกองกำลังทหารจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวน แล้วชาวฮวงฉวยโอกาสบุกเข้ามาจักทำเยี่ยงไร ? ”
เมื่อครุ่นคิดดูก็พบว่าจริงดังนั้น ฟู่เสี่ยวกวนจึงมิได้ถามต่อไป ทั้งสองพูดคุยกันในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ เมืองหลวง เยี่ยนซีเหวินถอนหายใจออกมา กล่าวว่าตนคาดมิถึงที่ชืออีหมิงจะสอบติดจอหงวน
“เจ้าควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เนื่องจากชืออีหมิงนั้นมีความคิดและแผนการแนบเนียน เหตุใดวันนั้นเขาจึงได้ทำให้เจ้าต้องอึดอัดใจกัน ? ฐานะผู้นำตระกูลชือ เขามีความจำเป็นที่จะกล่าวคำเหล่านั้นกับเจ้าหรือ เนื่องจากในตอนนั้นเจ้ามีเพียงชื่อเสียง มิได้มีตำแหน่งใด ๆ เขาไม่จำเป็นต้องเห็นเจ้าในสายตาหรอกมิใช่หรือ ? ”
เรื่องนี้ฟู่เสี่ยวกวนเคยคิดมาก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่เข้าใจ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าว่าเหตุใดในวันนั้นเขาจักต้องทำกับข้าเช่นนั้นกัน ? ”
“เจ้าอยากรู้งั้นรึ ?”
“แน่นอน !”
“รอให้เจ้าสร้างโรงงานที่อำเภอเหยาสักสองสามแห่ง แล้วข้าจักเล่าให้ฟัง”
“เหอะ ๆ ! ”
“ข้าหิวแล้ว ลงมือกินเถิด จงนำยอดสุราซีซานออกมาอีก ! ”