“ผีทารก!” ไป๋อวี้สูดลมหายใจเข้า พร้อมพูดด้วยความตกใจ นางเรียกผีทารกมาด้วย หากบอกว่าผีสาวในถ้ำผีสาวนั้นมีเป็นร้อยเป็นพัน ถ้าอย่างนั้นผีทารกที่นั้นมีมากยิ่งกว่า
ผีทารกนั้นไม่ใช่ผีธรรมดา หากแต่เป็นทารกที่ตายไปกลายเป็นผีร้าย พวกมันไม่แม้แต่จะมีจิตวิญญาณ สติสัมปชัญญะหรือร่างจริง หากแต่เป็นแรงอาฆาตจากทารกที่เพิ่งคลอดแล้วตายอย่างทรมาน แรงอาฆาตนั้นเป็นแรงอาฆาตแรกและสุดท้ายของพวกมันต่อโลกใบนี้ ความสามารถเดียวคือการกลืนกินสรรพสิ่งบนโลก ไม่คิดเลยว่าแม่ซู่เหนียงจะเรียกพวกมันมาด้วย
เนื่องจากการปรากฏตัวของผีทารก ทำให้พื้นดินแยกออกจากกัน สระบัวเริ่มพังทลาย น้ำในสระก็เริ่มหดหายไป ฝูงผีที่เดิมเงียบสงบไปได้พักหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของผีทารกนั้น ก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน พลังวิญญาณรอบตัวเริ่มกลับมารวมกันอีกครั้ง
ไป๋อวี้ขาอ่อนระทวย มองไปยังอวิ๋นเจี่ยว “ทำ…ทำยังไงดี”
อวิ๋นเจี่ยวสายตาหนักอึ้ง ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที ก่อนจะตอบด้วยเสียงดัง
“วิ่ง!”
พูดจบก็แปะยันต์ในมือเข้าที่เสา แล้วหันหลังวิ่งไปยังทางออก ความเร็วนั้นแม้แต่สายฟ้าที่ว่าเร็วยังเทียบไม่ติด
“…”
เห้ย!
“รอข้าด้วย อ๊าก!”
ตายแน่ๆ… คราวนี้ต้องตายเป็นแน่ อ๊ากกก…
(゚Д゚≡゚Д゚)
ยันต์นำสายฟ้าไม่อาจจะต้านผีทารกไว้ได้ ถึงแม้จะเหมือนครั้งก่อนที่บนผืนน้ำปรากฏแหไฟฟ้า แต่ยันต์นั้นก็เป็นเพียงยันต์ขั้นต่ำ พลังของสายฟ้าอ่อนเกินไปไม่สามารถทำอะไรผีทารกได้มาก อีกทั้งยังมากันทั้งฝูงเช่นนี้
ผีทารกที่มาราวกับคลื่นทะเลสีเลือดนั้น ข้ามผ่านผืนน้ำได้อย่างง่ายดาย ตามหลังคนทั้งสองที่วิ่งหนีมาติดๆ ด้านหลังยังตามมาด้วยฝูงผีร้ายที่มากมายนับไม่ถ้วน
ไป๋อวี้และอวิ๋นเจี่ยวไม่กล้าแม้แต่หยุดวิ่ง ทั้งสองคนราวกับรู้ใจกัน พากันวิ่งมาที่หน้าเจดีย์…หาตัวช่วย!
“อาจารย์ปู่ ช่วยด้วย อ๊าก…” ไป๋อวี้เคาะประตูเจดีย์อย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าเคาะอย่างไร ประตูก็ยังคงไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่กลับมีพลังส่งออกมาจากประตูกระแทกเขาออกไป หากไม่ใช่ว่าอวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่มือไวตาไวดึงเขากลับมา ชายแก่คงถูกกระแทกเข้าไปในฝูงผีแล้ว
ไป๋อวี้ที่ถูกกระแทกออกไปนั้นรีบคลานขึ้นมาใหม่ ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เดินไปที่ประตูอย่างไม่ลดละ คราวนี้ไม่กล้าที่จะเคาะแล้ว ทำได้เพียงตะโกนขอร้องอย่างเสียงดัง
“อาจารย์ปู่ มีผี! แล้วยังมีผีทารกด้วย…พวกมันบุกเข้ามาแล้ว!”
“อาจารย์ปู่ หากท่านยังไม่ออกมา สำนักชิงหยางล่มสลายเป็นแน่!!”
“อาจารย์ปู่ ได้โปรดออกมาช่วยศิษย์ทีเถอะ!”
“อาจารย์ปู่ ศิษย์จะถูกกินแล้ว!!”
“อาจารย์ปู่…”
ไป๋อวี้ยิ่งตะโกนยิ่งเสียงดัง แต่ไม่ว่าตะโกนอย่างไร ประตูเจดีย์ก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย มีเพียงยันต์ที่แปะอยู่ทั้งสองข้างนั้นส่องแสงสว่างสีทองยับยั้งฝีเท้าของทั้งสองคนไม่ให้เข้าไปในเจดีย์
อวิ๋นเจี่ยวในใจก็เริ่มร้อนรน ดูไปดูมาอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็ยังหาวิธีกำจัดยันต์นั้นไม่ได้ ยันต์ที่แปะอยู่ไม่เคยเห็นในตำราด้วยซ้ำ! ถึงแม้นางจะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากมาย แต่ในโลกใบนี้มันใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย
ทำยังไงดีๆ
“หรืออาจารย์ปู่กลับไปสวรรค์แล้ว” ไป๋อวี้จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วพลันคุกเข่าลงไปพร้อมกับกราบสามที นอกจากนี้ยังเร่งให้อวิ๋นเจี่ยวทำตาม “เจ้าหนู เร็ว! คุกเข่าลง ไม่งั้นอาจารย์ปู่ไม่ได้ยินเสียงพวกเรา”
“ท่านไม่ได้ยิน?” อวิ๋นเจี่ยวตะลึง ไม่ใช่ว่าไม่อยากออกมาเหรอ
“อย่าสงสัยมาก! คุกเข่าก่อนค่อยว่ากัน” ไป๋อวี้พูดด้วยท่าทีรีบร้อน “อาจารย์ปู่สำเร็จเซียนไปนานแล้ว แม้จะกลับไปสวรรค์ก็เป็นเรื่องปกติ หากพวกเราใจศรัทธา อาจารย์ปู่ต้องได้ยินเป็นแน่ ท่านต้องลงมาช่วยเราเป็นแน่” ลงมาให้ทันหน่อยก็จะดีมาก
สายตาอวิ๋นเจี่ยวฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เดี๋ยวก่อน! งั้นก็หมายความว่าอาจารย์ปู่อาจอยู่ในมิติที่แตกต่างจากพวกเขา ท่านจะสามารถได้ยินเพียงเสียงบางเสียงเท่านั้น เหมือนกับรหัสลับอะไรทำนองนั้น?
แต่ที่สำคัญคือรหัสลับนั้นคืออะไร
“อาจารย์ปู่มาปรากฏตัวทีเถอะ…” ไป๋อวี้เริ่มโหยหวนขึ้นมาอีกรอบ หวังว่าอาจารย์ปู่จะออกมาจากด้านในโดยเร็ว เสียดายที่ไม่ทันการ ผีสาวและผีทารกตามมาทันเสียแล้ว
ผีแม่ซู่เหนียงลอยนำทัพอยู่ด้านหน้า ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความอารมณ์ดี ยิ้มให้พวกนางอย่างเยือกเย็น “ดูสิ พวกเจ้าจะหนีไปทางไหน”
นางหันไปลูบก้อนเมฆสีเลือดที่เกิดจากการรวมตัวของผีทารกนั้น สีหน้าน่ากลัวนั้นเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเมตตาและความรัก “เดิมอยากจะให้พวกเจ้าตายไม่ทรมาน ไม่คิดว่าพวกเจ้าดื้อดึงหาที่ตาย เช่นนี้ก็ดี เหล่าลูกของข้ากำลังหิว เอาพวกเจ้าให้กิน ก็ดี!”
พูดจบก็ชักมือกลับ ก้อนเมฆสีเลือดนั้นแตกตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะพุ่งมาทางพวกเขา
ทั้งสองคนรู้สึกใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที อยากจะเดินถอยหลัง แต่พบว่าด้านหลังนั้นเป็นกำแพงของเจดีย์แล้ว ไม่มีทางให้ถอยแม้แต่น้อย
“อาจารย์ปู่ ช่วยด้วย อ๊ากกก!” ไป๋อวี้ตะโกนเสียงดัง
“อาจารย์ปู่…” อวิ๋นเจี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะเกาะประตู
แต่น่าเสียดายที่ด้านหลังของประตูยังคงไม่มีปฏิกิริยาอันใด แม้แต่ร่องก็ไม่มีทีท่าว่าจะแง้มออก
ด้านหน้าก้อนเมฆสีเลือดนั้นเริ่มขยายใหญ่มากขึ้น ข้างบนปรากฏใบหน้าของทารกที่บิดเบี้ยว ใบหน้าแต่ละหน้าล้วนส่งเสียงร้องไห้แสบแก้วหู ทุกอย่างล้วนพุ่งมายังทั้งสองคน หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ตายก็หูหนวกเป็นแน่!
อวิ๋นเจี่ยวเย็นวาบขึ้นในใจ นี่มันเป็นสิ่งที่ไม่มีในวิทยาศาสตร์เลยแม้แต่น้อย! น่ากลัวเสียจริง! ตายแน่ๆ ตอนนี้ต้องทำอย่างไร มองไปยังก้อนเมฆสีเลือดด้านหน้าที่ใกล้เข้ามาทุกที ใกล้จนจะกลืนกินพวกเขาทั้งสอง
อวิ๋นเจี่ยวกัดฟัน ไม่สนแล้ว!
นางสูดลมหายใจเข้า หันตัวเข้าหาเจดีย์ ก่อนจะตะโกนอย่างสุดกำลังเสียง “กิน ข้าว แล้ว!”
ทันใดนั้น!
ทั้งเจดีย์ราวกับโดนปุ่มเปิดปิดของหลอดไฟ แสงขาวสว่างไสวขึ้นอย่างแสบตา กระจายไปทั่วทุกทิศทั่วทาง ก้อนเมฆสีเลือดที่เดิมกำลังจะกลืนกินพวกเขาทั้งสอง ราวกับเจอศัตรูตัวร้าย ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทันการ ก้อนเมฆสีเลือดนั้นสลายหายเข้าไปภายในแสงนั้น
ทารกในก้อนเมฆสีเลือดนั้นร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขายืนอยู่ในแสงนั้นหรือเปล่า เสียงที่แสบแก้วหูนั้นไม่ได้ลอยเข้าไปในหูของพวกเขาสักนิด ก้อนเมฆสีเลือดนั้นสลายหายไปในที่สุด ก่อนจะกลายเป็นร่างของผีทารกที่เปื้อนเลือดหนีไปกันคนละทิศคนละทาง แต่ทันใดนั้นแสงสว่างสีขาวนั้นกวาดออกไปเป็นบริเวณกว้าง ผีทารกทั้งหมดนั้นล้วนสลายหายไปจนหมดสิ้น
ประตูเจดีย์เปิดออกในที่สุด ก่อนที่จะมีร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าของอวิ๋นเจี่ยวและไป๋อวี้ ชุดสีขาวราวหิมะที่ไม่มีแม้แต่รอยเปื้อน เสียงเย็นที่เอ่ยออกมาราวกับเสียงของสวรรค์
“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ไป๋อวี้ “…”
เห้ย!
Σ(°△°|||)︴