สิ่งของยมโลกปรากฏบนโลกมนุษย์ไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตายอย่างไร้สาเหตุของอาจารย์พิษกู่ ทั้งที่ตอนนั้นพวกเขายังไม่ทันได้ลงมือ แต่อาจารย์คนนั้นกลับกลายเป็นหิน หลังจากนั้นพวกเขาเคยลองเรียกวิญญาณ แต่กลับไร้ผล ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเรียกวิญญาณของอาจารย์พิษกู่คนนั้นได้
สถานการณ์เช่นนี้เป็นไปได้เพียงสองแบบ หากไม่ใช่ว่าวิญญาณของเขาถูกบางอย่างกักขังไว้ ก็คงจะ…สลายไปแล้ว
อวิ๋นเจี่ยวมีความรู้สึกว่าอาจเป็นแบบที่สอง อีกทั้งใต้เท้าที่เขาพูดถึงคือใครกันแน่ หรือว่า…อาจไม่ใช่คน? นางมีความรู้สึกเหมือนกำลังจะพบแผนการชั่วร้ายบางอย่าง ดังนั้นจึงนำเรื่องนี้รายงานต่อสำนักเทียนซือ
“อะไรนะ? ยมโลก!” เจ้าสำนักสวีทำหน้าเหลือเชื่อ เหล่าผู้อาวุโสรอบข้างก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความตะลึง ”หรือว่าจะเป็น…”
“ยมโลกที่พวกท่านคิดนั่นละ” อวิ๋นเจี่ยวพูดยืนยัน
“แต่ว่า…” เจ้าสำนักสวียังคงรู้สึกเหลือเชื่อ “ของในยมโลกจะมาอยู่…” โลกมนุษย์ได้อย่างไร
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แต่ว่าเบื้องหลังของอาจารย์พิษกู่นี้น่าจะยังมีอีกคน…จริงสิ เขาจับเด็กพวกนั้นเพื่อจะเอาพลังบนตัวของพวกเขา ข้าคิดว่าไม่ใช่แค่นำไปเลี้ยงหนอนกู่ธรรมดาเท่านั้น เขายังได้พูดถึงเครื่องเซ่นอะไรบางอย่าง”
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที สักพักถึงได้พูดขึ้น “เอาละ เรื่องนี้พวกข้ารับรู้แล้ว ต่อไปพวกเราจะเริ่มสืบดูว่ามีเรื่องคล้ายคลึงกันหรือไม่ ขอบคุณสหายอวิ๋นที่บอก แต่หากเกี่ยวกับยมโลกจริง…” เจ้าสำนักสวีไม่ได้พูดต่อไป แค่คิดก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากแค่ไหน
หากเมื่อหลายพันปีก่อน เสวียนเหมินอาจไม่เกรงกลัวเรื่องแบบนี้ หรืออาจจะเจรจากับยมโลกได้เสียด้วยซ้ำ แต่เสวียนเหมินในตอนนี้…
ทันใดนั้นเจ้าสำนักของแต่ละสำนักมีสีหน้าหนักใจ
“อย่างนี้ก่อนแล้วกัน” อวิ๋นเจี่ยวเก็บยันต์ส่งสาร ตอนที่กำลังจะตัดขาดการติดต่อก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ นางได้พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคว่า “จริงสิ พรุ่งนี้พวกข้าก็จะกลับไปแล้ว แบบทดสอบของหลายวันนี้พวกท่านเขียนเสร็จกันหรือยัง อย่าลืมพรุ่งนี้นำส่งขึ้นมา”
เจ้าสำนักสวี “…”
เหล่าเจ้าสำนัก “…”
ยันต์ส่งสารเงียบกริบในทันที เหล่าคนที่ยังสีหน้าครุ่นเครียดอยู่เมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นแห้งเหี่ยวเพียงชั่วพริบตา มีความรู้สึกอยากจะร้องไห้อย่างบอกไม่ถูก
ไม่พูดเรื่องสอบ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้!
(ಥ_ಥ)
——————
ตามหลักหากอาจารย์พิษกู่ตาย หนอนกู่ที่ยังไม่ได้พัฒนาไปเป็นราชาหนอนกู่ก็อยู่รอดได้ไม่นาน แต่เพื่อความปลอดภัย อวิ๋นเจี่ยวและคนอื่นได้อยู่ในหมู่บ้านหลี่อันมากขึ้นหนึ่งวัน เพราะว่าอาจารย์พิษกู่คนนี้แตกต่างจากอาจารย์พิษกู่ทั่วไป
จนกระทั่งตอนบ่ายของวันที่สอง พวกนางถึงตัดสินใจจากไป ก่อนจากไปเทียนซือทั้งสี่คนที่ร่างกายฟื้นกลับมาแล้วก็ส่งพวกนางด้วย
“นี่อะไร” ชายชราผงะ มองยันต์ที่เฉินเทียนซือยื่นให้เขา
“ยันต์ส่งสาร!” เฉินเทียนซือสีหน้ากระตือรือร้น เมื่อเขาเห็นไป๋อวี้ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากรับจึงรีบอธิบาย “สหายไป๋อาจไม่รู้ นี่ไม่ใช่ยันต์ส่งสารธรรมดา แต่นี่เป็นยันต์ส่งสารที่สำนักเทียนซือส่งต่อลงมา ได้ข่าวว่าเป็นวิชาลับจากสำนักชิงหยาง สามารถส่งสารได้จำนวนหลายคนในคราวเดียว รวดเร็วและสะดวกอย่างมาก”
“หลายคน?” ไป๋อวี้ผงะไป ยันต์นี้คือยันต์ที่เจ้าหนูศึกษาออกมาครั้งก่อนไม่ใช่หรือ เขายังเคยวาดอยู่ไม่น้อย ให้เขาทำไมกัน
เขากำลังจะเอ่ยถาม แต่เทียนซือที่เหลืออีกสามคนกลับตะลึง ก่อนจะเบียดเข้ามาอย่างตื่นเต้น “มันคือยันต์ส่งสารสำนักเทียนซือใช้สำหรับการเรียน?”
“ใช่แล้ว!” เฉินเทียนซือพยักหน้า
เทียนซือทั้งสามคนยิ่งตะลึง สายตาที่มองไปยังยันต์นั้นร้อนระอุราวกับไฟ “ไม่ใช่ว่า…มีแค่เทียนซือระดับห้าดอกไม้เท่านั้นถึงมีสิทธิหรือ”
เฉินเทียนซือยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์สำนักเจินหยวนของพวกข้ามีไม่มาก ยันต์ที่สำนักเทียนซือแจกจ่ายยังมีเหลืออีกมาก ดังนั้นข้าจึงขอมาสองใบ สหายทั้งสามมีบุญคุณกับข้า ยันต์นี้ถือเป็นน้ำใจของข้า พวกเราพบกันถือว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง”
“วาสนาอะไร” ชายแก่มองไปยังเทียนซืออีกสามคนที่ส่งสายตาอิจฉามา ยิ่งฟังยิ่งงุนงง
“หรือท่านสหายจะยังไม่รู้เรื่องที่สำนักเทียนซือมีการคัดเลือกเพื่อเข้าฟังศึกษาทางเต๋าหรือ” เฉินเทียนซือถาม
“การคัดเลือกฟังเต๋า?” ชายแก่ยิ่งฉงน คืออะไรกัน
เฉินเทียนซือจึงอธิบาย “ก่อนหน้านี้ สำนักเทียนซือได้ประกาศให้แต่ละสำนักรู้ว่าจะมีการเปิดถ่ายทอดวิชาเต๋าตามคำสั่งของปรมาจารย์สำนักชิงหยาง วิชาในนั้นรวมไปถึงคาถาที่สูญหายไปด้วย เจตนาเพื่อพัฒนาเสวียนเหมินให้รุ่งเรือง ดังนั้นจึงเรียนเชิญศิษย์แต่ละสำนักไปฟัง”
“ปรมาจารย์? ฟังเต๋า?” ชายชรามองไปยังคนด้านหลังทั้งสอง อาจารย์ปู่ออกคำสั่งตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเขาถึงไม่รู้
“ศิษย์เสวียนเหมินมีจำนวนมาก อีกทั้งปัจจุบันยุทธภพไม่สงบ ไม่มีทางที่ทุกคนจะไปฟังได้” เฉินเทียนซือยังคงพูดต่อ “เพื่อเป็นการไม่ทำให้ทุกคนเสียเวลาในการปราบมารขจัดปีศาจ ดังนั้นสำนักเทียนซือจึงส่งยันต์นี้ให้กับทุกสำนัก แค่เป็นเทียนซือระดับห้าดอกไม้ก็ได้รับยันต์นี้หนึ่งใบ เมื่อถึงเวลานั้นมีรวมสี่ร้อยคนที่จะฟัง”
“สี่ร้อย…” ชายแก่ตะลึง ก่อนจะเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นการสอนรอบสองที่เจ้าหนูเคยพูดเอาไว้ เจ้าหนูไม่ได้บอกว่าเพื่อเป็นการเก็บค่าเล่าเรียนเท่านั้นหรือ กลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว เห็นได้ชัดว่านางก็ผงะไปเช่นกัน
“ข้าเห็นสหายไป๋ก็เป็นเทียนซือระดับหนึ่งดอกไม้เหมือนกัน ดังนั้นจึงอยากให้ยันต์นี้แก่ท่านเอาไว้” พูดจบเขาก็มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวอย่างเกรงใจ เนื่องจากหลายวันนี้อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ใส่ชุดเต๋า ทำให้พวกเขาไม่รู้ระดับของนาง จึงคิดเอาเองว่านางเป็นเพียงศิษย์ที่มีพรสวรรค์และยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเท่านั้น ส่วนอีกคน ในหลายวันมานี้ไม่เคยสนทนากับพวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ ดังนั้นครุ่นคิดดูแล้ว เฉินเทียนซือจึงตัดสินใจให้ยันต์แก่ไป๋อวี้
ชายแก่ราวกับยังไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร มือของเขาไปกระตุ้นยันต์ นาทีถัดมาได้ยินเพียงเสียงที่ไม่คุ้นเคยมากมายส่งมาจากด้านใน
“ข่าวใหญ่ๆ! อาจารย์จะกลับมาสอนในสามวันหลัง แบบทดสอบของทุกคนต้องนำส่งพรุ่งนี้”
“เร็วเช่นนี้? อาจารย์เพิ่งให้แบบทดสอบข้ามา ข้ายังไม่เริ่มทำเลย! ไม่รู้ว่าแบบทดสอบนี้มีประโยชน์อะไร”
“จะมีประโยชน์อะไรได้ ต้องเป็นเพราะอาจารย์อยากรู้ระดับของพวกเรา ดังนั้นจึงเตรียมข้อสอบไว้ให้พวกเราก่อน”
“เฮ้อ อาจารย์ช่างลึกล้ำ ข้อสอบสามใบนั้นแม้แต่โจทย์ข้ายังอ่านไม่เข้าใจ ไม่ใช่บอกว่าที่จะศึกษาคือคาถาที่สูญหายหรือ ทำไมข้อสอบถึงเป็นข่ายพลัง”
“อะไรนะ! ข้อสอบข่ายพลังหรือ ข้า…ข้านึกว่าเป็นยันต์เสียอีก แม้แต่โจทย์ยังไม่เข้าใจ!”
“ได้ยินว่าสำนักเทียนซือมีตำราอธิบายข่ายพลังอย่างละเอียด อาจช่วยในการตอบคำถามได้”
“อย่าพูดเลย ตำราข้าดูมาสองวันแล้ว ทำได้เพียงข้อเดียว”
“สหายทุกท่านอย่าท้อใจ ขอแค่ทุกคนสามัคคีกัน ตอบออกมาไม่ได้ทั้งหมด คิดว่าอาจารย์ก็คงไม่โกรธ ฮ่าๆ!”
“สหายความคิดก้าวไกล!”
“สำนักเสวียนอวิ๋นเหลือยันต์ส่งสารหนึ่งใบ ราคาหนึ่งร้อยตำลึง ใครอยากได้มาก่อนได้ก่อน!”
“อะไรนะ มีเหลือด้วย สหายรอก่อน ข้าต้องการ! ข้าซื้อ”
“สหาย ศิษย์น้องข้ายังขาดอีกหนึ่งใบ ให้ข้าเถอะ ข้าออกสองร้อยตำลึง!”
“สหายให้ข้า ข้าออกสองร้อยห้าสิบตำลึง”
“ข้าออกสามร้อย…”
“สี่ร้อย…”
ดูท่าทางราคายิ่งต่อยิ่งสูง
อวิ๋นเจี่ยว ” …”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที เดินขึ้นหน้าไปตัดการส่งสารของยันต์ในมือของชายแก่ หันหลังเดินออกไปทางประตูเมือง เสียงฝีเท้าเดินกระแทกดังปึงปัง
“เดี๋ยว เจ้าหนู เจ้าจะไปไหน” ชายแก่เอ่ยถาม
ได้ยินเพียงนางตอบกลับมาว่า “กลับ บ้าน ปรับ ราคา!”
เฮ้ย! นอกจากโกงข้อสอบให้คนตอบข้อสอบแทนก็พอแล้ว ยังมีคนคิดจะเป็นนายหน้า!
แม้แต่ค่าคอมมิชชันยังไม่มี นางไม่ยอมเด็ดขาด!