ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 137 อารมณ์ไม่ดี

เหวินชิงพาหานซูกลับยมโลกไปแล้ว อีกทั้งยังพาเถิงสีไปด้วย เพราะจุดหมายของพวกเขาคือไปหาอาจารย์ของอีกฝ่าย แต่ว่าเถิงสีดูเหมือนไม่ค่อยอยากกลับไป ชายร่างใหญ่มือหนึ่งจับอวิ๋นเจี่ยว อีกมือจับไป๋อวี้ ท่าทางไม่อยากจากไป เหลือเพียงแค่ไม่ร้องไห้ออกมาเท่านั้น

เขาพยายามบอกว่า รอจนกระทั่งตนเองฝึกฝนจนได้ร่างสามหยินก่อนจะกลับขึ้นมาเยี่ยมพวกเขา สุดท้ายยังพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ศิษย์น้องทั้งสอง ข้าจะคิดถึงพวกเจ้าตอนที่อยู่ด้านล่าง”

อวิ๋นเจี่ยวฟังแล้วรู้สึกขนลุกซู่อย่างประหลาด

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายุที่มากแล้วหรือไม่ เมื่อไป๋อวี้ได้ยินประโยคนี้กลับตื้นตันอย่างมาก เขาหยิบยันต์ส่งสารออกมาหลายใบแจกจ่ายให้ทุกคน เพื่อให้พวกเขาติดต่อกลับมา แต่ไม่ได้คำนึงถึงเลยว่ายมโลกจะมีสัญญาณหรือไม่

เถิงสียิ่งซาบซึ้งใจมากขึ้น เกาะแขนของชายแก่ไม่ปล่อย “พี่ไป๋ช่างเป็นคนดี ชีวิตนี้ได้พบกับท่าน เป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก การจากลาในวันนี้ ไม่รู้วันไหนจะได้พบกันอีก!”

ดี! แทนตัวเองว่าพี่น้องแล้ว สองคนนี้อย่างมากก็เจอกันแค่ตอนหยิบผัก มีความสนิทสนมกันขนาดนี้เชียว? นางไม่เข้าใจจริงๆ

“พี่สีไม่ต้องเสียใจ เราคงจะได้เจอกันเมื่อถึงเวลา!”

“พี่ไป๋ ท่านไม่รู้นิสัยของอาจารย์ข้า…เอ่อ ท่านเข้มงวดอย่างมาก! ข้ากลับไปแล้วคงไม่อาจกลับมาได้อีก”

“ไม่ พี่สี ท่านไม่รู้จักอาจารย์ข้า…เอ่อ ท่านน่ากลัวอย่างมาก! น่ากลัวจนสงสัยในชะตาชีวิตของตัวเอง”

“ดูท่าพี่ไป๋ก็มีประสบการณ์อย่างมาก”

“เหมือนกันๆ !”

อวิ๋นเจี่ยว “…” รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังนินทาตนอยู่

มองดูทั้งสองคุยกันไม่จบไม่สิ้น เหวินชิงอดทนฟังต่อไม่ไหวแล้ว เขาเปิดประตูยมโลกออกทันที ก่อนจะหิ้วหานซูและเถิงสีกระโดดเข้าไป หยุดยั้งท่าทางอาลัยอาวรณ์ของทั้งสองคน

อารามชิงหยางกลับสู่ความสงบเงียบตามเดิมอีกครั้ง อวิ๋นเจี่ยวหันกลับไปมอง หยวนเจียงที่ทำหน้าเคร่งเครียด นางนึกบางอย่างได้จึงเปิดปากพูดขึ้น “อาจารย์อาหยวน ท่านไปสำนักเทียนซือกับข้าไหม”

“สำนักเทียนซือ?” หยวนเจียงผงะ “คือที่ใด”

อวิ๋นเจี่ยวอธิบายให้เขาฟังเกี่ยวกับองค์กรที่ชื่อว่าสำนักเทียนซือ ก่อนจะพูดต่อว่า “หัวหน้า…สหายเจียวครั้งก่อนคือท่านอาวุโสของ สำนักเทียนซือ เรื่องยมโลกในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์ ข้าคิดว่าสำนักเทียนซือมีความจำเป็นต้องรู้สถานการณ์ของยมโลก พร้อมทั้งป้องกันตั้งแต่แรกถึงจะถูก”

หยวนเจียงตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดว่าเสวียนเหมินของโลกมนุษย์ในปัจจุบันจะมีองค์กรอย่างสำนักเทียนซือ อีกทั้งจากที่ศิษย์หลานพูด แต่ละสำนักของเสวียนเหมินมีความเชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนา ไม่แบ่งแยกซึ่งกันและกัน ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

“แต่ว่า ศิษย์หลานทำไมต้องการให้ข้าไป” หยวนเจียงลังเล เขาไม่รู้จักคนเหล่านั้น อีกฝ่ายอาจไม่เชื่อคำพูดของเขาก็ได้

“อาจารย์อาหยวนไม่เข้าใจเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขาขึ้นลง สายตาแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

หยวนเจียงผงะ “อะไร” เขาต้องรู้อะไร

“เฮ้อ…” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจยาวออกมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อาจารย์อาเหวินเพิ่งจากไป ตอนนี้ภายในอารามเหลือเพียงอาจารย์อาหยวนท่านแล้ว ข้ากับชายแก่ยังดี หากให้อาจารย์ปู่รู้ว่าท่านยังอยู่…ท่านก็รู้ อาจารย์ปู่อารมณ์ไม่ค่อยดี”

“ข้าเข้าใจแล้ว” หยวนเจียงเข้าใจในทันที เขาต้องหลบออกไปสักพัก ไม่อย่างนั้นอาจารย์อาจไล่ให้เขากลับไปได้ทุกนาที “พวกเราจะออกเดินทางเมื่อใด”

“อีกสักพัก พอดีข้าต้องไปดูอาหารให้นายท่านอวี๋ด้วย” ในเมื่ออีกฝ่ายจ่ายค่ารักษามาแล้ว นางครุ่นคิดก่อนจะเสริมขึ้น “อืม พร้อมทั้งช่วยชายแก่เก็บข้อสอบของครั้งที่แล้วด้วย” มีมากถึงสี่ร้อยกว่าชุด ถุงเก็บของเพียงอันเดียวยังเต็มไปด้วยวัตถุดิบในการทำอาหาร ไม่รู้ต้องขนเยอะแค่ไหน ยังดีที่มีอาจารย์อา!

“ข้อสอบ?” หยวนเจียงผงะ ก่อนจะถามออกมา “ข้อสอบอะไร”

“ข้อสอบปลายภาคไง” นางตอบ พร้อมกับมองไปยังหยวนเจียงที่ทำหน้าฉงน ราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ “จริงสิ อาจารย์อาหยวน! ครั้งที่แล้วท่านบอกว่าชำนาญด้านยันต์วิเศษใช่ไหม”

“ถูกต้อง” หยวนเจียงพยักหน้า

อวิ๋นเจี่ยวสายตาลุกวาวขึ้นมาทันที แต่สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความจริงจัง “เช่นนั้นอาจารย์อาหยวนมีความสนใจที่จะชี้แนะคนรุ่นหลังไหม” ห้องเรียนเสริมครั้งที่สองของชายแก่จบสิ้นลงไปแล้ว ห้องเรียนสามห้องเรียนสี่ถึงเวลาที่จะต้องจัดเตรียมแล้ว

หยวนเจียงกลับคิดว่านางพบเจอปัญหาด้านการฝึกฝน จึงถาม “ศิษย์หลานมีความสงสัยในวิชายันต์?”

“ไม่ใช่ข้า แต่เป็นลูกศิษย์ของ…เพื่อนข้า” เพื่อนที่แต่ละสำนักส่งออกมาฟังการสอน หากพูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด ครุ่นคิดอยู่สักพักจึงพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “ข้ากับชายแก่ไม่มีเวลา ส่วนอาจารย์ปู่…ท่านก็รู้นิสัยของเขา”

“อืม” หยวนเจียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “นี่เป็นเรื่องเล็ก ให้ข้าช่วยชี้แนะได้”

“เช่นนั้นก็รบกวนอาจารย์อาหยวนแล้ว” ห้องเรียนสี่สำเร็จ! สายตาของอวิ๋นเจี่ยวลุกวาวขึ้น ชี้ไปยังพื้นดินไหม้เกรียมตรงหน้า พร้อมกับพูดต่อ “ยังมีอีกเรื่องที่ต้องรบกวนอาจารย์อาหยวน วันก่อนภายในอารามเกิดปัญหาเล็กน้อย อาคารบางส่วนพังทลายไป อาจารย์อาหยวนมีวิชาแข็งแกร่ง สามารถช่วยซ่อมแซมได้ไหม”

“…” หยวนเจียงมองไปยังพื้นดินไหม้เกรียมไร้จุดสิ้นสุดตรงหน้าอย่างหมดคำพูด นี่เรียกว่าบางส่วน?

เขากำลังจะพูด แต่อวิ๋นเจี่ยวก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ที่นี่พังไป ท่านก็ไม่มีที่พัก เดิมทีข้าคิดจะขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ปู่ แต่ท่านก็รู้ ช่วงนี้อาจารย์ปู่อารมณ์ไม่ค่อยดี…”

“…” เขายังจะพูดอะไรได้ ทำได้เพียงพยักหน้า “ได้ เพียงแค่คาถาย้อนกลับเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

“ขอบคุณอาจารย์อาหยวนที่เห็นใจ” อวิ๋นเจี่ยวพูดทันที “เช่นนั้นรอพวกเรากลับมาจากสำนักเทียนซือ ค่อยให้ชายแก่บอกท่านว่าควรจะสร้างอย่างไรแล้วกัน”

เดี๋ยว! สร้าง? ไม่ใช่ซ่อมแซมหรือ

“เรื่องนี้ไม่อาจรอช้าได้ พวกเราออกเดินทางตอนนี้เถอะ!” อวิ๋นเจี่ยวไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้คิด ชี้ไปยังทิศทางของยันต์ขนส่ง

หยวนเจียงทำได้เพียงข่มความสงสัยภายในใจ ในเมื่อรับปากแล้ว หากจะกลับคำคงไม่ดี กำลังคิดจะเดินตามไป แต่เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงถามออกมา “จริงสิ ศิษย์หลาน ภายในอารามเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดพังทลายไปกว่าครึ่งภายในคืนเดียว”

อวิ๋นเจี่ยวชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นมีความอึกอัก แต่สีหน้ายังคงเคร่งขรึมจริงจัง สักพักจึงพูดคำตอบออกมาราวกับเครื่องยนต์ “ท่านก็รู้ อาจารย์ปู่อารมณ์ไม่ค่อยดี…”

หยวนเจียง “…”

อารมณ์ไม่ดีเป็นคำตอบที่ใช้ได้กับทุกคำถาม? แต่ว่า…ทำไมเขาถึงมีความรู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นจริงกัน?

-_-|||

กลุ่มเรียนเสริมเสวียนเหมิน

“สหายทุกๆ ท่าน ได้ยินแล้วหรือยัง ชิงหยางจะเปิดห้องเรียนสี่แล้ว!”

“อะไรนะ! ห้องเรียนสองเพิ่งจบไม่ใช่หรือ ถึงจะเปิดก็ควรจะเป็นห้องเรียนสาม ทำไมกระโดดข้ามไปห้องเรียนสี่”

“เป็นเรื่องจริง! ข้าก็ได้ยินเจ้าสำนักพูดมา ได้ยินว่าไม่ใช่อาจารย์อวิ๋นและอาจารย์ไป๋เป็นคนถ่ายทอด แต่เป็นอาจารย์ที่มีฐานะสูงส่งกว่า ได้ยินว่าเป็นอาจารย์อาของอาจารย์อวิ๋นและอาจารย์ไป๋!”

“เฮ้ย ไม่จริง! พวกเราเพิ่งส่งข้อสอบแผ่นสุดท้ายไป ต้องบ้าคลั่งขนาดนี้เชียว?”

“สหายเมื่อครู่ท่านเข้าใจผิดแล้ว ได้ยินว่าห้องเรียนสี่ในครั้งนี้ไม่ได้สอนเรื่องคาถา แต่เป็นยันต์! รับเพียงลูกศิษย์ที่ฝึกฝนด้านยันต์โดยเฉพาะ อีกทั้งวิธีการสอนแตกต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญคือ…ไม่ ต้อง สอบ!”

ภายในกลุ่มเงียบลงทันใด แต่นาทีต่อมาเสียงโหวกเหวกดังขึ้นอีกครั้ง!

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset