สีหน้าของชวีฉิวหมิงซีดลงเรื่อยๆ หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดออกมา “ข้า…ข้า…” เขากระอักกระอ่วนอยู่นาน
ฉ่ายเตี๋ยที่อยู่ด้านข้างเร่งเร้า ออกแรงดึงมือของอีกฝ่าย พร้อมมองด้วยสายตาน่าสงสาร “พี่หมิง พี่ไม่อยากช่วยข้าหรือ”
“ไม่ใช่ ข้า…” ในดวงตาของชวีฉิวหมิงมีเพียงความลนลาน เหงื่อตกยิ่งขึ้น เขาราวกับรับรู้ถึงสายตาสงสัยของผู้คน จึงกัดฟังพูดขึ้น “ข้าต้องช่วยแน่นอน!”
ดวงตาของฉ่ายเตี๋ยลุกวาวขึ้นมาทันที นางแสดงสีหน้าดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังคงใช้น้ำเสียงอ่อนหวานพูดขึ้น “ข้ารู้ว่าพี่หมิงดีกับข้าที่สุด”
ในขณะนี้ ชวีฉิวหมิงกลับไม่มีความคิดอยากจะพลอดรัก จิตใจของเขาเริ่มล่องลอย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังตั้งสติไม่ได้หรือไม่ ครานี้เขาไม่ได้ให้ทุกคนออกไป
เขาหยิบเข็มเงินออกมาจากด้านหน้า ถึงแม้จะแตกต่างจากคนที่เขาเคยรักษา แต่ไม่เป็นไร เมื่อก่อนยังเคยรักษาคนให้หายดีได้ ก็ต้องรักษาฉ่ายเตี๋ยได้เหมือนกัน จากนั้นเขาจับฉ่ายเตี๋ยเอาไว้ ก่อนจะพุ่งเข็มลงไปบนตัวเธอ
ชางผิงตกใจ เพราะจุดที่ชวีฉิวหมิงฝังเข็มลงไปนั้นล้วนเป็นจุดที่อันตราย เขามีใจอยากจะตักเตือน แต่ก็เกรงว่าตนเองมีวิชาไม่แข็งแกร่งพอ จึงดูไม่ออกว่าเป็นการรักษาแบบใด หากออกเสียงอาจเป็นการรบกวนอีกฝ่าย ส่วนฉ่ายเตี๋ยก็ทำท่าทีให้ความเข้ามืออย่างยิ่ง ราวกับว่าเคยเห็นท่าทางการฝังเข็มของอีกฝ่ายมาก่อน
หลังจากที่ชวีฉิวหมิงฝังเข็มเสร็จนั้น เขาก็หยิบเข็มออกมาอีกหลายเล่ม ก่อนจะฝังลงบนตัวของฉ่ายเตี๋ยอย่างรวดเร็ว พลางลงมือพลางจับมือของอีกฝ่ายไว้แน่น เพียงแต่วิธีการของเขาเหมือนกับ…ฝังมั่ว
สีหน้าเชื่อใจของฉ่ายเตี๋ยเริ่มเผยความเจ็บปวดออกมา หน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ สีหน้าแดงระเรื่อแต่เดิมเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว อีกทั้งยังมีแนวโน้มหนักขึ้นเรื่อยๆ “พี่หมิง…”
สี่หน้าของชวีฉิวหมิงแปรเปลี่ยนในทันที ดวงตาแสดงถึงความกระวนกระวายออกมาอย่างมาก ไร้ท่าทีมั่นใจในตอนแรก เขาหยิบเข็มเล่มสุดท้ายในมือขึ้นมือ ยกมือเตรียมจะทิ่มเข้าไปบนหัวของอีกฝ่าย
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะรั้งมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “หากเข็มนี้ทิ่มลงไป นางได้ตายจริงแน่!”
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาซีดเผือด คิดอยากจะโต้แย้ง
“อีกทั้ง…” อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังมืออีกข้างของเขา ก่อนจะพูดต่อ “ดีที่สุดมือข้างนั้นของท่านควรจะปล่อยออก หากท่านยังคงดูดพลังพลังปีศาจของนางต่อไป นางคงจะกลับกลายเป็นร่างเดิมแล้ว!”
“อะไรนะ!” ชวีฉิวหมิงหยุดนิ่ง สีหน้าฉงน
“ข้าบอกว่า…มือซ้ายของท่าน” อวิ๋นเจี่ยวพูดอย่างเรียบเฉย “ไม่ได้ดูดพลังปีศาจอยู่ตลอดหรือ ดูดพลังปีศาจของคนอื่นยังแล้วไป ท่านยังฝังเข็มมั่วบนตัวนางอีก นอกจากนี้ยังเลือดฝังจุดปีศาจ ไม่รู้ว่าท่านคิดจะช่วยนางหรือว่าฆ่านางกันแน่”
ทันทีที่เธอพูดจบ ทุกคนล้วนตะลึง โดยเฉพาะฉ่ายเตี๋ย สีหน้าของนางซีดเผือด พร้อมกับรีบชักมือของตนเองกลับมา ก่อนจะหันหน้าไปชวีฉิวหมิงอย่างเหลือเชื่อ
เจ้าสำนักสวีจับประเด็นสำคัญได้ เขาโพล่งออกมา “อะไรนะ…ปีศาจ?!” หมายความว่าอะไร
“อืม?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ก่อนจะชี้ไปยังฉ่ายเตี๋ยที่ยังคงอึ้งอยู่ “พวกท่านดูไม่ออกหรือ นางเป็นปีศาจผีเสื้อ อยู่ในวงศ์ตระกูล สัตว์ขาปล้อง จำพวกแมลง แบบมีปีก!”
เจ้าสำนักสวี: “…”
ชายแก่: “…”
เจ้าสำนัก: “…”
ชวีฉิวหมิง: “…”
ท่านกำลังล้อข้าเล่น?
Σ(°△°|||)︴
บนตัวของหญิงสาวคนนี้ไม่เห็นมีพลังปีศาจแม้แต่น้อย ดันเป็น…ปีศาจ!!!
อาจเป็นเพราะความรับผิดชอบในฐานะลูกศิษย์เสวียนเหมิน นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ บ้างหยิบยันต์วิเศษ บ้างหยิบกระบี่ออกมารวมตัวกันปีศาจ
ฉ่ายเตี๋ยตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว นอกจากตกใจที่ถูกชวีฉิวหมิงดูดพลังปีศาจของตนในตอนแรกแล้ว ตอนนี้เธอสะบัดมือขึ้น ทันใดนั้นลมขนาดใหญ่พัดพาเอาฝุ่นดินสีเหลืองเข้ามา โต๊ะภายในห้องถูกลมพัด ก่อนจะซัดเข้ามาทางพวกเขา คนในห้องมีจำนวนมาก อีกทั้งห้องมีขนาดเล็ก เดิมทีก็แออัดอยู่แล้ว ทำให้ไม่มีสถานที่หลบซ่อน
ทันนั้นทุกคนล้วนถูกโต๊ะทับลงบนพื้น
ส่วนลักษณะของฉ่ายเตี๋ยแปรเปลี่ยนขึ้นมาทันที รูปร่างหญิงสาวนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแมลงขนาดใหญ่สีดำสนิท ด้านหลังมีปีกสีรุ้งขนาดใหญ่ สะบัดเพียงเบาๆ ก็สะบัดเอาฝุ่นล่วงลงมา
“ปี…ปีศาจ!!!” ชวีฉิวหมิงที่อยู่ใกล้ที่สุดอุทานออกมาด้วยความตกใจ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขาอ่อนระทวย เขาทั้งกลิ้งทั้งคลานไปยังทิศทางของผู้คนที่ล้มลงไป
“คิดจะหนี?” ผีเสื้อยักษ์ตัวนั้นส่งเสียงเย็นในลำคอ ไร้สิ้นความอ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่ อีกทั้งยังเจือไปด้วยน้ำเสียงอาฆาต มันยื่นไปนวดยาวสองเส้นออกมารัดชวีฉิวหมิงเอาไว้ “ไม่รักษาโรคของข้าให้หายดี เจ้าก็อย่าคิดจะรอดไปได้!” พูดจบมันก็สะบัดปีกพัดพาลมพายุกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหนีออกไปทางหน้าต่าง
เหล่าเจ้าสำนักลุกขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะวิ่งตามออกไปอย่างโกรธเคือง “ตาม!” ปล่อยปีศาจผีเสื้อเดินเข้าสำนักเทียนซืออย่างโจ่งแจ้ง ช่างเป็นความน่าอับอายของเสวียนเหมิน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตามจับกลับมาให้ได้
——————
ฉ่ายเตี๋ยไม่ได้หนีไปไกลมาก หากนางไม่แปลงกลับร่างเดิมยังดี หลังจากที่กลับเป็นร่างเดิมแล้ว ลักษณะของนางช่างโดดเด่น อีกทั้งเดิมทีนางก็บาดเจ็บอย่างสาหัสอยู่แล้ว นอกจากอาศัยปีกกระหน่ำลมใส่แล้ว นางก็ไม่มีพลังการโจมตี่อื่นได้อีก เหล่าเจ้าสำนักยังไม่ทันตามมา มันก็ถูกลูกศิษย์ที่เฝ้ายามในสำนักจับเอาไว้ได้
รอกระทั่งทุกคนไปถึง มันกำลังใช้ปีกห่อร่างของตนเองเอาไว้ เสียงร้องไห้ส่งออกมาด้านใน ไร้ซึ่งความโหดเหี้ยมในการลักพาตัวคนไปเมื่อครู่
“ฮือ…พวกมนุษย์ไม่มีคนดี คนหลอกลวง! คนหลอกลวง! ฮือออ…ข้าไม่ช่วยพวกเจ้าอีกแล้ว พวกเจ้าเป็นคนเลว! คนชั่ว! คนเนรคุณ! ฮือ…”
เหล่าคนที่ตามมาด้วยความโกรธเคือง: “…”
แนวโน้มนี้ราวกับมีบางอย่างผิดปกติ! ภาพลักษณ์แตกสลาย!
(⊙_⊙)
เมื่อเห็นท่าทางปีศาจผีเสื้อกำลังจะห่อตัวตายอยู่ในนั้น ทุกคนล้วนไร้คำพูดเล็กน้อย สุดท้ายเป็นอวิ๋นเจี่ยวที่เดินขึ้นหน้าไปเคาะปีกที่ห่อตัวของนาง “เจ้าออกมาก่อน พวกเรามาคุยกันหน่อย”
“ข้าไม่!” รังไหมนั้นสั่นไปมา “พวกเจ้าล้วนเป็นคนหลอกลวง อยากคิดจะใช้คำพูดสวยหรูมาหลอกข้าอีก บอกว่ารักษาข้าได้ แต่กลับคิดจะดูดพลังปีศาจของข้า! คนเลว!”
“เจ้าบอกพวกข้าก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากเจ้าไม่ได้ทำความผิดอะไร โรคของเขาข้าจะรักษาให้” อวิ๋นเจี่ยวพูด
รังไหมชะงักไป สักพักด้านบนเปิดออกเป็นร่องเล็ก ก่อนจะมีเสียงลังเลของอีกฝ่ายส่งออกมา “จริงหรือ” เขาเผยตาประกอบขนาดใหญ่ออกมาข้างหนึ่ง ด้านในสะท้อนร่างของอวิ๋นเจี่ยวเป็นร้อยพันร่าง ดูจนเธอรู้สึกหัวชาขึ้นมา
“แน่นนอน”
“ได้!” ปีศาจผีเสื้อไม่พูดพล่ามต่อ มันเปิดปีกออกทันที
ทุกคน: “…” เผ่าปีศาจเกลี้ยกล่อมง่ายขนาดนี้?
ปีศาจผีเสื้อย่อร่างยักษ์ของตนลงอย่างว่าง่าย ประกอบตาทั้งคู่จ้องมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว
“เจ้ากลายเป็นร่างมนุษย์ก่อนได้หรือไม่” ร่างจริงมองแล้งรู้สึกขนลุก “ไม่ใช่ยังเหลือเสี้ยวพลังปีศาจหรือไง”
“ไม่มีแล้ว!” มันพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร “ไม่เหลือแล้ว ถูกเขาดูดไปจนหมดแล้ว” พูดจบ นางก็โยนชวีฉิวหมิงที่ถูกลักพาตัวไปออกมา
อีกฝ่ายสลบไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะความกลัว หรือเพราะว่าขาดอากาศ
ส่วนทางปีศาจผีเสื้อราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ นางพูดขึ้นอย่างจริงจัง “หากเจ้ารักษาข้าได้ ข้าก็จะไม่ชอบเขา แล้วมาชอบเจ้าแทน!”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
อันนี้ไม่ต้อง