หลินหลันขี้เกียจเต็มทนในการต่อปากต่อคำไร้สาระกับเหยาจินฮวา จึงออกแรงเพียงน้อยนิดกระชากกล่องขนาดเล็กนั่นมาอย่างง่ายดาย
เหยาจินฮวาร้องไห้เสมือนฟ้าดินกำลังถล่มทลาย “ข้าจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด…ไม่มีทางใช้ชีวิตต่อไปได้อีกแล้ว…” เวลานี้เองที่นางรู้สึกอยากจะตายจริงๆ
“โวยวายอะไรนักหนา นี่ยังเหมือนคำพูดที่คนเขาใช้พูดกันงั้นหรือ” เสียงดุดันกำราบดังขึ้นจากด้านนอกประตู
หัวหน้าหมู่บ้านจินฟู้กุ้ยซึ่งกำลังคาบยาสูบเดินเข้ามาพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม มองดูเหยาจินฮวาที่กำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าหรุดรุ่ย ขณะเดียวกันหลินหลันซึ่งยืนอยู่ด้านข้างก็กำลังโกรธโมโหจนหูหน้าตาแดง คิ้วของจินฟู้กุ้ยขมวดเข้าหากันจนเกิดเป็นปมตรงกลางหน้า
“นี่มันเรื่องอะไรกันรึ” จินฟู้กุ้ยเอ่ยถามหลินหลัน เขาได้ยินเป่าจู้บอกว่าที่บ้านหลังนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เป่าจู้เองก็ไม่ทันได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงท่าทีร้อนใจเท่านั้น เขายังไม่ทันได้นอนกลางวันก็รีบตรงมาที่นี่เสียก่อน ถึงแม้ไม่รู้ว่าแม่นางคู่นี้มีปัญหาอะไรกัน แต่ทว่าเกี่ยวกับหลินหลันนั้น เขารู้จักเป็นอย่างดี ทั้งกระตือรือร้น มีน้ำใจและร่าเริง ในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้ใดที่จะไม่ชื่นชมหลินหลัน ในทางกลับกัน เหยาจินฮวาผู้นี้ ดีแต่กินและขี้เกียจตัวเป็นขน จินฟู้กุ้ยมองอย่างอนาจใจไปยังเหยาจินฮวาซึ่งกำลังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่บนพื้น ขณะที่ในใจนั้นได้เอนเอียงไปทางหลินหลันเรียบร้อยเสียแล้ว
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านแม่ของข้าตอนที่ใกล้จะเสีย ท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย ท่านแม่ได้เอ่ยทิ้งไว้ว่า เรื่องงานแต่งงานของข้านั้นให้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง ท่านยังจำได้หรือไม่” หลินหลันพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมอารมณ์ของตนเอง ตอนนี้ไม่ใช่เวลากระวนกระวายใจจนเกินไป
จินฟู้กุ้ยพยักหน้าเล็กน้อย “แม่ของเจ้าเคยเอ่ยคำพูดนี้ไว้”
เงินถูกหลินหลันเเย่งเอาไปแล้ว เหยาจินฮวาเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ทว่านางก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโอดครวญเสียใจ นางจะยอมให้หลินหลันเล่าสถานการณ์ให้หัวหน้าหมู่บ้านรับรู้ไม่ได้ ดังนั้น นางจึงรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน แล้วแสดงท่าทีน่าสงสาร เอ่ยออกไปอย่างนอบน้อม “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านลองพิจารณาดูแล้วกัน ถึงแม้ว่าโผโผ่ะของข้าได้ทิ้งคำสั่งเสียเอาไว้ แต่ทว่าตอนนี้แม่นางน้อยก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว นางเป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่งแล้วจะตัดสินใจเรื่องการแต่งงานด้วยตนเองได้อย่างไรกัน พวกเราในฐานะพี่ชายพี่สะใภ้คงไม่ยอมมองดูเฉยๆ แล้วปล่อยให้ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ผ่านเลยไป นางเองก็มัวแต่ชักช้าพิรี้พิไร ดังนั้น ข้าในฐานะเป็นพี่สะใภ้ที่หวังดีก็เลยช่วยจัดหาคู่แต่งงานดีๆ ให้แก่นาง แต่ใครจะไปรู้ว่าแม่สาวน้อยผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่รู้ซึ้งความทุกข์ใจของพวกเรา อีกทั้งยังโมโหร้ายใส่กันเยี่ยงนี้ ผลักข้าจนล้มลงไปกองกับพื้น แล้วยังพูดว่า…อยากจะเตะข้าให้ตาย…ข้าผู้น่าสงสารแม้จะกำลังตั้งท้องก็ยังถูกนางรังแกเช่นนี้ โชคยังดีที่ท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาทันเวลา ไม่เช่นนั้น…” เหยาจินฮวาบีบน้ำตาแสดงท่าทีเสียใจยกใหญ่
หลินหลันถูกนางทำให้รู้สึกโกรธยิ่งนัก นังผู้หญิงคนนี้ช่างสามารถเสแสร้งได้เก่งกางเสียจริง ทำเป็นน่าสงสาร ทำเป็นอ่อนแอ ทำเป็นไร้พิษสง…
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านอย่าได้ฟังนางพูดเพ้อเจ้อ นางหวังดีที่ไหนกัน นางขายข้าให้แก่จางต้าฮู่เพื่อไปเป็นนางบำเรอ ข้าหลินหลันผู้นี้ต่อให้ต้องแต่งงานกับหมูกับหมาก็ไม่มีทางแต่งออกไปเพื่อเป็นนางบำเรอ” หลินหลันเอ่ยอย่างโมโห
เหยาจินฮวาพูดขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจ “ต่อให้เจ้าไม่ยินยอม เจ้าก็พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือ ต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือ นี่ข้ากำลังตั้งท้องอยู่นะ! เจ้ายังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ เจ้าจะเกลียดข้าก็ช่างเถิด แต่ทว่าเด็กในท้องนี่แน่นอนว่าไม่ได้ไปทำอะไรให้เจ้าเสียหน่อย!”
จินฟู้กุ้ยทันทีที่ได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจางต้าฮู่ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาชั่วขณะ จางต้าฮู่ผู้นี้เขาคงมิอาจต่อกรได้ แต่ทว่าหากต้องมองดูหลินหลันหญิงสาวแสนดีผู้นี้แต่งออกไปเพื่อเป็นนางบำเรอให้แก่จางต้าฮู่แล้วนั่นก็ช่างน่าสงสารเกินไป
“ใช่แล้วหลินหลัน มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีๆ น่า! จะลงไม่ลงมือกับพี่สะใภ้ของเจ้าเช่นนั้นได้อย่างไร” จินฟู้กุ้ยว่าไปตามท้องเรื่อง ไม่ว่าอย่างไร การลงไม้ลงมือกับผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
ฮ่า! เหยาจินฮวา ใช้ได้เลยนะเจ้าเนี่ย! การเสแสร้งเป็นผู้อ่อนแอของเจ้าค่อนข้างได้ผลเสียด้วย เจ้าเสแสร้งแกล้งทำได้ แล้วคิดว่าข้าเองจะเสแสร้งแกล้งทำไม่ได้งั้นหรือ หลินหลันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ดวงตาเริ่มแดงระเรื่อ และเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านเห็นว่าข้าเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งเหตุผลขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าเพียงแค่ต้องการนำเงินหมั้นหมายของจางต้าฮู่ไปคืนให้แก่เขา พี่สะใภ้ก็ร้อนรนขึ้นมา แล้วลงไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น อีกทั้งยังเอาแต่พูดว่านั่นคือเงินของนาง หากข้าแย่งเงินนั่นไปก็เท่ากับเอาชีวิตของนางไปด้วย น่าสงสารที่ข้าไม่มีท่านพ่อท่านแม่ พี่ชายก็เป็นคนซื่อๆ ล้วนไม่มีใครเป็นที่พึ่งให้แก่ข้าได้ หากข้าต้องแต่งกับจางต้าฮู่เพื่อเป็นนางบำเรอ ไม่สู้เอาหัวชนกำแพงให้ตายไปเสียเลยยังจะดีกว่า…” หลินหลันยิ่งเอ่ยออกมาก็ยิ่งเผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกเสียใจ ขณะเดียวกันหยาดน้ำตาก็ร่วงหล่นออกมาไม่ขาดสาย
จินฟู้กุ้ยรู้ดีว่าที่จริงแล้วเหยาจินฮวาเป็นผู้ละโมบโลภมาก และเมื่อมองดูหลินหลันซึ่งกำลังร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ ท้ายที่สุดแล้วจึงเชื่อในคำพูดของหลินหลัน พลางหันไปเอ่ยกับเหยาจินฮวา “เจ้าเป็นถึงพี่สะใภ้ แล้วเหตุใดจึงไม่ปรึกษาหารือกับหลินหลันก่อนที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองแล้วไปรับเงินหมั้นหมายของเขามาเช่นนั้น”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าเพียงแค่พูดลอยๆ ไปกับแม่สื่อหวัง ไม่คาดหวังว่าจะได้เรื่องได้ราวอันใด ดังนั้นเรื่องนี้เลยไม่ได้พูดคุยกับนางเสียก่อน คาดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะนำเงินหมั้นหมายมาส่งให้ถึงที่ ข้าเห็นแก่เงินไม่กี่เหรียญพวกนี้ที่ไหนกันเล่า ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านก็รู้ดีว่าจางต้าฮู่ผู้นี้เป็นคนอย่างไร เขายิ่งใหญ่ในเขตเฟิงอานนี้จะมีใครกล้าท้าทายเขาได้ หากเขาถูกใจหญิงนางใด มีใครหน้าไหนสามารถหลุดรอดพ้นกำมือเขาไปได้? หากหลินหลันนำเงินหมั้นหมายไปคืน ก็จะเป็นการทำให้จางต้าฮู่โกรธเคืองเป็นแน่ เช่นนั้นครอบครัวของพวกเราก็คงไม่มีทางได้มีชีวิตต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไงข้าก็ไม่ยอมให้นางเอาเงินหมั้นหมายนี่ไปคืนเด็ดขาด” เหยาจินฮวาโยนภาระออกไปอย่างสิ้นเชิง เอ่ยเสมือนกับว่าเป็นจางต้าฮู่เองที่ต้องการสู่ขอให้ได้ ราวกับว่านางก็ไร้ซึ่งทางเลือกอื่น
จินฟู้กุ้ยเผชิญปัญหาใหญ่เสียแล้ว อีกทั้งไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหยาจินฮวานั้นคืออะไร แต่ทว่าในเมื่อจางต้าฮู่ยื่นคำขาดมาเช่นนั้น ก็คงเป็นการยากที่จะปฏิเสธได้
หลินหลันเห็นหัวหน้าหมู่บ้านมีสีหน้าลังเลใจคิดไม่ตก ภายในใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง! เหยาจินฮวาช่างพูดเก่งเสียจริง เพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถทำตัวเองให้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ได้
“ซ่าวจื่อ เจ้าเลิกเสแสร้งได้แล้ว ที่ข้าพูดว่าทำไมวันนี้เจ้าถึงได้ใจดีกับข้ามากนัก อีกทั้งยังขอให้พี่ชายของข้าไปซื้อผ้า เพื่อไว้ทำเสื้อผ้าใหม่ให้แก่ข้า ที่ไหนได้ในใจของเจ้าก็วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้น ต้องการใช้จางต้าฮู่มากดดันข้า บีบบังคับข้าให้ยอมทำตาม น่าเสียดายนะ ที่เจ้าล้วนคำนวณผิดพลาด เพราะข้ามีคนที่เตรียมตกลงจะแต่งงานด้วยแล้ว จางต้าฮู่ผู้นั้นข้าไม่มีวันแต่งงานด้วยเป็นแน่” หลินหลันทิ้งระเบิดลูกใหญ่ ไม่มีอะไรที่จะทำได้ไปมากกว่านี้แล้ว นอกเสียจากการแต่งเรื่องหาเหตุผลขึ้นมาคัดค้าน
จินฟู้กุ้ยและเหยาจินฮวาล้วนตกตะลึง หลินหลันมีคนที่ชอบแล้วงั้นหรือ
หลินหลันถึงกับหัวหมุน คำพูดก็หลุดออกจากปากไปแล้ว ควรจะหาใครมารับบทนี้ดีล่ะ คนที่สนิทสนม หมู่บ้านเดียวหมู่บ้านใกล้เคียงล้วนไม่ได้ทั้งสิ้น หากเรื่องเกิดกลับตาลปัด จากตั้งใจโกหกแล้วกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมานางก็ยิ่งซวยเข้าไปอีก…
ในตอนแรกเหยาจินฮวารู้สึกตกใจขึ้นมาจริงๆ หลินหลันไม่เอ่ยไม่กล่าวก็จัดการแต่งงานแบบลับๆ ด้วยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว? ถ้าเช่นนั้นที่นางทำไปก็เปล่าประโยชน์? พอมาถึงตอนนี้ทุกอย่างที่อุตส่าห์ตระเตรียมไว้ดิบดีบทจะหลุดลอยไปก็หลุดลอยไปง่ายๆ อีกทั้งหากเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นการทำให้จางต้าฮู่ขุ่นเคือง อย่างไรก็ตามไม่นานนักนางก็เริ่มสงบสติลงได้ หลินหลันจะไปหาคนที่ชอบได้ที่ไหนกัน วันๆ ถ้าไม่ใช่ขึ้นภูเขาไปเก็บสมุนไพรก็อยู่แต่บ้านทำงาน จะเข้าเมืองก็เป็นครั้งคราวเท่านั้น เพียงแค่หลินหลันออกไปนอกหมู่บ้าน จินเป่าจู้คนหมู่บ้านเดียวกันนี้ก็คอยตามนางไปทุกหนแห่ง หรือว่าหลินหลันคิดจะนำเป่าจู้มาเป็นข้ออ้าง? เมื่อวานนี้หลินเฟิงยังเอ่ยถามหลินหลันอยู่เลยด้วยซ้ำ หลินหลันก็พูดออกมาชัดเจนว่านางไม่ได้ชอบเป่าจู้ เหยาจินฮวาพอได้มาคิดไตร่ตรองดู ไม่แน่ว่าหลินหลันเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับจางต้าฮู่ จึงยอมลดระดับลงมา แล้วเลือกจินเป่าจู้ ไม่ได้การล่ะ ต่อให้หลินหลันเพียงแค่หาข้ออ้าง เงินหมั้นหมายของนางก็รับเอามาไว้แล้ว การแต่งงานครั้งนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไร จะให้เปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจะให้เกิดความผิดพลาดไปไม่ได้
“แม่นางน้อย เอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาเจ้าไม่เกรงกลัวว่าคนเขาจะหัวเราะเยาะเอาหรือ แม้ว่าจะมีคำสั่งเสียของโผโผ่ะทิ้งไว้ เรื่องการแต่งงานเจ้าสามารถตัดสินใจเองได้ แต่ถึงอย่างไรก็จำเป็นต้องเชิญพวกเราพี่ชายพี่สะใภ้ไปเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ให้กับเจ้า หากเจ้าจัดงานแต่งด้วยตัวเองแบบลับๆ นั่นมันช่างเป็นการธรรมเนียมเสียจริง” เหยาจินฮวาเอ่ยอย่างดูถูก “นี่หากอยู่ในครอบครัวของต้าฮู่ คงจะถูกลากจับไปลงโทษขังในกรงหมูตั้งนานแล้ว”
หลินหลันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “หูข้างไหนของเจ้าที่ได้ยินว่าข้าจะจัดงานแต่งแบบลับๆ แล้วงั้นหรือ เจ้าฟังให้ชัดนะ ข้าบอกว่าเตรียม เตรียม…จับนักโทษไปขังใส่กรงหมู พี่สะใภ้ร้ายกาจอย่างเจ้าสิถึงสมควรจับลงโทษใส่กรงหมู” หลินหลันไม่สนใจเหยาจินฮวาที่กำลังโกรธจนปากสั่น นางหันไปเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้าน “ท่านแม่ของข้าได้ทิ้งคำสั่งเสียเอาไว้ หัวหน้าหมู่บ้านท่านก็ได้ยินกับหูของท่านเอง หากท่านช่วยเป็นพยานให้แก่ข้าได้ ตอนนี้พี่ชายข้าไม่อยู่บ้าน เอาเป็นว่าคืนนี้หลังมื้อค่ำข้าขอเชิญท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาที่นี่อีกครั้ง”
แม้ว่าปัญหาจะยุ่งยากมาก แต่ทว่าจินฟู้กุ้ยก็ยังตอบตกลง ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านล่ะ
เหยาจินฮวาไม่เห็นด้วย และนางเชื่อว่าหลินเฟิงจะไม่กล้าเห็นต่างจากนางอย่างแน่นอน อีกทั้งสถานการณ์ที่จะลุกลามไปกันใหญ่ก็จะทำให้หลินเฟิงไม่อาจคัดค้านได้ ใครกันจะใจกล้าทำให้จางต้าฮู่ขุ่นเคืองใจ! ขอเพียงแค่หลินเฟิงมีใจเดียวกับนาง ก็ไม่ต้องเกรงกลัวหลินหลันที่จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ