บทที่ 1 – เลกซ์กลายเป็นโรส
ชั้นตื่นขึ้นมาในห้องสีขาวโพลน นั่นไงล่ะที่เรียกว่าโลกหลังความตายแล้วมีพระเจ้ามาทักว่า โย่ นายน่ะได้ตายไปแล้ว แล้วตัวเอกก็จะอุทาน ‘นานิ!’ ไปตามๆ กัน
ก็นะก็อยากจะคิดแบบนั้นอยู่หรอกแต่ชั้นแค่ผล็อยหลับตอนอ่านหนังสือเองนี่หว่า! แต่ก่อนที่จะผล็อยหลับชั้นรู้สึกปวดหัวแฮะไม่ค่อยเข้าใจหรอก ส่วนนี่คงเป็นฝันแหงๆ เพราะเมื่อวานพล่ามเรื่องนิยายต่างโลกด้วยเนี่ยสิ
อ่า.. เสียเวลาจังอยากออกไปอ่านหนังสือแล้วอ่ะ.. ในตอนนั้นเองก็มีแสงสว่างออกมาจากตรงหน้าก่อนจะมีผู้หญิงผมสีทองมีปีกนางฟ้าข้างละสาม หรือมีปีกอยู่หกอันเหมือนเทพในนิยายกรีก นั่นไงโผล่มาแล้ว
“เจ้าน่ะได้ตายไปแล้ว”
“อ่อ งั้นเหรอ”
ชั้นตอบออกไปเลยตามเลยว่าด้วยความขี้เกียจก็รอตื่นอย่างเดียว ‘นี่มันก็แค่ความฝัน’ ชั้นคิดแบบนั้น ในตอนนั้นผู้หญิงงามเบื้องหน้าสวมชุดเย้ายวนพอตัวก็ฟาดฝ่ามือมาที่หน้าชั้นดัง “เพี๊ยะ!”
“อ๊ะ…” ชั้นถึงได้ตระหนักได้
“ใช่แล้ว.. นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เจ้าได้ตายไปแล้วจริงๆ! ถึงอายุขัยจะยังไม่หมดก็เถอะ”
เอ๊ะ.. ได้ไง? ได้ไงฟ่ะเนี่ยยยย ชั้นไปตายยังไง ไม่สิแรกเริ่มเดิมทีของแบบนี้มันมีเหรอฟ่ะ ไม่ใช่ว่าชั้นไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรหรอกนะแต่มันน่าตกใจเกินไปเลยขอตกใจตามพระเอกนิยายหน่อยเถอะ
(ว่าแต่เจ๊คนนี้ตบหน้าคนพึ่งเคยเจอกันครั้งแรกนี่หล่อนโกรธมาจากไหน)
“เรื่องจริงงั้นเหรอ.. เอิ่ม.. ว่าแต่ชั้นตายได้ไง”
ไหงคำพูดท่าทางของชั้นถึงดูสงบได้ละเนี่ย.. จะว่าไปก็ไม่น่าตกใจอะไรนี่หว่า หรือเปล่านะในนิยายที่มันตกใจเพราะคนเขียน เขียนให้มันตกใจชั้นไม่ต้องตกใจก็ได้ละมั้งมันเสียเวลา
ชั้นถึงได้ตระหนักในเวลานั้นว่าตัวเองนั้นขาดสามัญไปจริงๆ ไม่ใช่มีสามัญแต่ชั้นดันเลียนแบบสิ่งที่เคยอ่านมานี่เอง
“ดูสงบผิดคาดนะปกติมนุษย์ต้องตกใจไม่ใช่เหรอ เอาเถอะถึงจะไม่เคยมีคนมาหาข้าแบบนี้เหมือนเจ้าก็เถอะ แต่ข้าเห็นพวกมันหลังจากกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”
“อ่องั้นเหรอ.. แล้วสรุปชั้นเป็นไรตาย”
“เจ้าเนี่ยไม่สนใจกระชับความสัมพันธ์กับคนสวยเช่นข้าสักหน่อยเลยเหรอ”
“เธอคงเป็นเทพธิดาสินะ.. เหมือนเครื่องกรองน้ำเหรอ ที่หลงตัวเอง”
พอเห็นเทพธิดาอยากเล่นด้วยชั้นเลยยิงมุกฝืดออกไปเทพธิดาไม่โกรธให้ชั้นผิดขาดแฮะ แต่ตรงกันข้ามกับหัวเราะขึ้นแล้วพูด
“เจ้านี่ปากจัดจริงนะ”
“… คุณท่านเทพธิดา เอ่อคือ..”
ชั้นขี้เกียจที่จะคุยแล้วอยากอ่านหนังสือ หวังว่าหลังจากตายไปแล้วในสวรรค์ในนรกคงมีหนังสือให้อ่านนะ ชั้นขี้เกียจพูดคุยเปลืองคำพูดแล้ว เทพธิดาหลงตัวเองเลยพูดขึ้น
“ตัวข้าคือเทพธิดาแห่งชีวิตและความตาย ปฐพีและสวรรค์ นามของข้าคือ เทพรังสรรค์ ‘ชารอน’ เจ้าได้ตายในวันที่ xx เดือนที่่ xx ปีที่ 20xx ที่เจ้าตายนั้นไม่ใช่เพราะหมดสิ้นอายุขัย.. แต่เป็นเพราะปริมาณข้อมูลในสมองมีมากเกินกว่าขีดจำกัดจึงทำสมองหยุดทำงานฉับพลัน พอแบบนั้นเส้นประสาททุกอย่างปิดตัวลงหัวใจหยุดเต้นเจ้าจึงตายไปในทันที”
“ห๊า?”
ชั้นงงมาก อะไรวะเนี่ย มีเหรอคนที่ตายเพราะมีปริมาณข้อมูลในสมองมากเกินไปจนตายคิดว่าเป็นอินเดกซ์หรือไงกัน.. แต่ช่างมันเถอะสงสัยคอนเซปท์มาแบบนั้น
“อืม.. ช่างมันละกัน”
“ได้เหรอ?”
เทพธิดารังสรรค์งงต่อปฏิกิริยาอันขี้เกียจเกินเหตุของชั้น ก็นะมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะจะส่งกลับไปแก้ก็คงไม่ได้ จะไปเกิดใหม่ต่างโลกก็คงเหลือเชื่อเกินไป ก็ได้แต่ปล่อยไปตามกรรมละนะ ชั้นคิดแบบนั้น
“ก็นะ ปล่อยมันไปตามสิ่งที่มันเป็นเถอะ”
“… เอิ่ม.. เจ้านี่.. ช่างเถอะเจ้าอาจจะไม่เสียใจอะไร แต่มันถือเป็นความผิดพลาดของข้าที่ทำให้มนุษย์ที่เป็นบัคอย่างเจ้า บันทึกข้อมูลลงสมองอย่างบ้าคลั่งตลอดหลายสิบปี ถ้าหากเจ้าไม่มีสมองที่จำได้แน่นอนไม่ลืม เจ้าคงจะได้ไม่ต้องตาย แต่ด้วยเพราะเจ้ามันผิดปกติแถมยังบ้าการอ่านเลยทำให้เป้นแบบนี้ไง ถือว่าข้าผิดจริงๆ ที่ไม่คอนเซปท์ให้ขีดจำกัดความทรงจำ จำได้มากกว่านี้”
สรุปคือนะ.. ที่ชั้นจำได้ไม่มีวันลืมเนี่ยเป็นบัคว่างั้นเถอะ.. แล้วชั้นดันชอบอ่านอีกเลยเก็บความทรงจำจนมาถึงขีดจำกัดเลยทำให้สมองหยุดทำงาน.. เป็นเพราะพระเจ้าทำขีดจำกัดมาต่ำเกินไป
“คนแบบเจ้าใช่ว่าจะไม่มีหรอกนะที่พวกเจ้าแล้วไม่เคยลืม แต่ไม่มีใครบ้าบออ่านหนังสือทั้งชีวิตเหมือนเจ้า.. แต่ต้องโทษเทพข้าดีกว่าที่รู้เรื่องต่างจากเจ้าที่ไม่รู้ เฮ้อ~”
เทพธิดาทำหน้าเศร้าโศกทำให้ชั้นรู้สึกสงสารเลยพูดไปว่า
“เอาน่าๆ สี่ตีนยังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ถึงเธอจะเป็นเทพแต่ก็มีผิดพลาดได้บ้างแหละน่าชั้นไม่คิดมากหรอก”
พอปลอบไปแบบนั้นชั้นเลยสงสัยว่า.. ‘ใครต้องปลอบใครกันแน่ฟ่ะ’ นั่นคือสิ่งที่ชั้นคิดเทพธิดายังคงรู้สึกผิดก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้..
“จริงสิ ถ้าหากข้าส่งเจ้าไปเกิดใหม่ก็พอแล้วนี่น่า”
“ได้เหรอ?”
“ได้สิ!”
ทำไมไม่คิดออกให้เร็วกว่านี้ฟ่ะรำคาญ ชั้นเลยบอกไปว่า “งั้นจัดมาเลย!” เทพธิดาเลยทำหน้าลำบากกล่าวว่า
“เอ่อ.. ถึงจะบอกว่าเกิดใหม่ข้าคงส่งเจ้าไปโลกเดิมไม่ได้นะ เพราะว่าถ้าหากใช้ความรู้เจ้าตอนนี้โบกมันจะพัฒนาเร็วจนเกินไป.. เอาเป็นว่าข้าจะส่งไปโลกที่พึ่งสร้างขึ้นใหม่ละกัน เป็นโลกที่สร้างใหม่หมายความว่าเจ้าจะพัฒนาไปใสรูปแบบไหนก็ได้”
“เอิ่มม.. ชั้นไม่สนอะไรอยู่แล้วนะ ไม่คิดจะช่วยโลกพัฒนาสักอย่างเลยนะ”
“ถึงจะส่งกลับไปแต่เจ้าก็คงกลายเป็นตัวประหลาด อีกอย่างที่เจ้าเขียนบทความนั่นล่ะมันทำให้โลกพัฒนาเร็วเกินไป”
“งั้นเหรอ งั้นเอาไงก็ได้”
ชั้นขี้เกียจคุยกับเทพธิดานี่ล่ะ บอกว่ากลับไปเกิดโลกเดิมไม่ได้ก็จบ เพราะยังไงก็ไม่ให้กลับอยู่ดี.. ที่ชั้นอยากกลับเพราะอาลัยต่อหนังสือที่อ่านไม่หมดเลยยังมีหนังสืออีกเยอะที่ไม่เคยลิ้มลอง
“งั้นข้าจะให้พรเจ้า… โบนัสละกันขออะไรก็ได้ อ้อ ลืมยอกโลกที่เจ้าจะไปเหมือนโลกแฟนตาซีที่เหมือนในนิยายบนโลกเจ้านะ”
“พรงั้นเหรอ? อะไรก็ได้?”
“ใช่”
ชั้นคิดครู่หนัง ไม่ได้อยาก OP เหมือนพระเอกในนิยายด้วยสิ แค่อยากอ่านหนังสือหลายๆ เล่ม และไม่มีขีดจำกัดในการจำข้อมูลและมีอายุที่ยาวนานไว้อ่านหนังสือ!
“งั้นชั้นขอ เกิดในร่างกายที่มีความทรงจำไม่มีขีดจำกัด และอายุนานๆ หน่อย”
“แค่นี้เหรอ?”
“อืม… งั้นขอให้ชั้นอยู่ในที่ที่มีหนังสืออยู่หลายล้านเล่ม คนเดียวและที่สำคัญคืออาหารกับน้ำแบบไม่มีวันเน่าเสียสามารถทำออกมากินได้ทุกเมื่ออยู่ในที่ที่สงบ ใต้ดินเลยยิ่งดีชั้นอยากสโลว์ไลฟ์กับหนังสือหลายล้านเล่ม”
“….”
พอชั้นพูดไปแบบนั้นเห็นเทพธิดานิ่งงันไปในทันที อุหวา.. หรือว่าชั้นขอมากไปหว่า ก็บอกให้ขออะไรก็ได้นี่หว่า.. ช่างเถอะจะสบายแบบนั้นก็คงไม่ถูกหลักสินะ ชั้นเลยพูด
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร..”
“ม..ม..ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะ จ..เจ้าขอแค่นี้จริงๆ หรือ?”
“แค่นี้แหละ?”
ชั้นแสดงสีหน้างงๆ ออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลกๆ ในตอนนั้นชั้นได้ยินเสียงของนางพึมพำว่า “ช่างเป็นมนุษย์ที่ดีจริงๆ” เอ่อ.. ที่จริงชั้นก็แค่ขี้เกียจคิดอะไรมาก ถึงจะบอกว่า “แค่นี้” แต่ชั้นคิดว่ามันมากไปสำหรับมนุษย์นะ
“ฮึๆ เจ้าช่างเป็นเด็กดีงั้นข้าจะให้ของขวัญพิเศษด้วยละกัน งั้นข้าจะขอบอกอีกอย่าง ที่เจ้าขอมานั้นล้วนได้หมดแต่เรื่องความทรงจำไม่มีขีดจำกัดและอายุไร้ขีดจำกัดนั้น เจ้าจะไม่ใช่เผ่ามนุษย์อีกต่อไปและรูปลักษณ์นั้น…”
เธอหยุดพูดชั้นเข้าใจทันทีคงเป็นพวกมอนสเตอร์สมองดีๆ กว่าพวกมนุษย์สินะ ชั้นเลยไม่สนใจอะไรมากเพราะชั้นไม่คิดที่จะพบปะกับใครรูปลักษณ์ช่างมัน
“ยังไงก็ได้”
“งั้นเอาตามนี้เอาล่ะ หนุ่มน้อยเลกซ์ ต่อไปนี้เจ้ามีชื่อใหม่ว่า โรส โอเรียนน่า เบลล่า ชาล็อตเต้ เกรซ อนาสตาเซีย (Rose Orianna Bella Charlotte Grace Anastasia) ”
“นั่นชื่อแน่เรอ—”
ก่อนที่จะแย้งเรื่องชื่อชั้นเลยถูกส่งออกไปก่อนที่จะพูดจบ และชั้นก็ได้ไปเกิดใหม่ในชื่อที่เทพธิดาตั้งให้ด้วยประการฉะนี้