บทที่ 11 – โรสกับทหารยาม
“เอาล่ะ.. แค่นี้ก็พอแล้ว”
ชั้นพูดออกแบบนั้นใช่ว่าจะเก็บของอะไรนะแค่เอาเสื้อใส่ช่องเก็บของแล้วก็เตียงเก็บใส่เท่านั้นล่ะหลังจากที่ชั้นได้รับเพื่อน.. คิดว่านะ.. หนึ่งคนก็ผ่านมาแล้วห้าวันชั้นกับเธอได้ทำความรู้จักกันนอกรอบ
ก็นะถึงจะบอกว่าทำความรู้จักกันก็มีแต่ลิลิซพล่ามอยู่คนเดียวแล้วก็ที่สำคัญนะ เธอถามชั้นว่าชั้นอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว
แน่นอนว่าชั้นก็โกหกไปน่ะสิถึงจะเป็นสุนัขก็คงรู้ถ้าบอกว่ามีอายุ 2,000 ปีเนี่ยไม่บ้าหัวก็คงฟาดกับกำแพง
พอเธอถามว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ชั้นคิดว่าเธอไม่น่าถามเลยนะ ก็นั่นไงชั้นเป็นมาจากต่างโลกไง ก็บอกไปตามตรงแต่ไม่ได้บอกว่าเกิดใหม่นะ
แค่บอกว่าประมาณถูกอัญเชิญมาจากต่างโลกก็นะ ในโลกแบบนี้มีการอัญเชิญผู้กล้าอยู่แล้วล่ะเลยไม่คิดจะปิดบังว่าเกิดมาในที่แห่งนี้ อันที่จริงชั้นขี้เกียจอธิบายมากความ
เลยบอกว่าถูกพระเจ้าจับย้ายโลกเธอก็ตกใจอยู่ พอชั้นถามว่าในโบกนี้ไม่มีการอัญเชิญผู้กล้าหรือไง เธอตอบมาว่า
“จะว่ามีก็มีอยู่หรอกค่ะ แต่การมาต่างโลกด้วยฝีมือพระเจ้าหรือเทพธิดาชั้นแทบไม่เคยได้ยินเลยนะคะ ปกติจะอัญเชิญผ่านวงเวทและใช้พลังเวทสั่งสมมานานกว่าร้อยปีเชียวนะคะ.. ฟังนะคะห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด”
เธอบอกชั้นมาแบบนั้น… ก็ไม่คิดจะบอกใครหรอกแม่นางเอ้ย ที่บอกเธอเพราะว่าเธอเห็นชั้นอยู่ใต้ดินที่ไม่มีทางเข้านี่ก็เลยต้องอธิบายไปแบบนั้น
ชั้นเก็บของเสร็จเรียบร้อยชั้นเลยนึกขึ้นได้
“จริงสิ ลิลิซ”
“คะ?”
“พวกผู้กล้าจากต่างโลกที่ว่าถูกอัญเชิญมาเนี่ยตั้งแต่คริสตกาลเวทมนตร์มา กี่ครั้งแล้วมีโดยรวมกี่คน?”
“ไม่ทราบค่ะ ในช่วงศตวรรษแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีการอัญเชิญเท่าไหร่แต่พักหลังนี่ยิ่งมีเยอะค่ะ.. การอัญเชิญจากที่ชั้นรู้มามีทั้งหมดสามอย่างเท่านั้นค่ะ คือการอัญเชิญวีรชน จากที่ชั้นทราบมาคือการอัญเชิญเอาวิญญาณคนตายในอดีตกลับมามีชีวิตในต่างโลก แบบที่สองคือ การอัญเชิญแบบสุ่ม เป็นการอัญเชิญที่อัญเชิญเอานักรบจากต่างโลกมาไม่ว่าจะอดีตปัจจุบันหรืออนาคต.. สุดท้ายคือการอัญเชิญปาร์ตี้ผู้กล้า 6 คนค่ะ”
ชั้นพยักหน้าเข้าใจ ปาร์ตี้ผู้กล้ามีหกคนประกอบไปด้วย นักดาบ, นักดาบโล่, ธนู, ลอบสังหาร, เวทมนตร์, ผู้ใช้คัมภีร์
ผู้ใช้คัมภีร์คือพวกที่เอาวิญญาณบริสุทธิ์มาสถิตในคัมภีร์ ยิ่งคัมภีร์ดียิ่งแข็งแกร่ง สามารถใช้พลังของวิญญาณผ่านคัมภีร์ที่เป็นสื่อ คล้ายเวทมนตร์ แต่อ่อนแอกว่า
ชั้นก็พึ่งรู้จักเพราะมันพึ่งปรากฏขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ราวๆ สหัสวรรษก่อนเท่านั้น
ชั้นเลิกสนใจผู้กล้า ผู้ที่แบกรับภาระของโลกอื่นช่วยนู่นนี่นั่น บ้าหรือเปล่าคิดว่าตัวเองเป็นตัวเอกหรือไงไม่รู้ ช่วยเขาก็มีแต่ผลเสีย
ชั้นเหนื่อยใจแทนพวกนั้นจริงๆ
“จริงสิ.. แล้วโรสจั— โรสล่ะมีหน้าที่อะไรในฐานะผู้กล้า”
“มันแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ…”
ตาชั้นเป็นประกายขึ้นมามองไปที่คลังหนังสือแล้วพูดต่อ “ที่เทพธิดาส่งชั้นมาก็เพื่อให้พิชิตหนังสือทั่วโลกไงล่ะ ฮ่าๆ ๆ”
“เป็นพวกบ้าหนังสือจริงๆ เลยสินะคะ…”
“เธอจะไปเข้าใจอะไร!”
“ก็ไม่ได้อยากเข้าใจหรอกค่ะ”
“หมายความว่าไง ห๊า?”
“ป..เปล่าค่ะ.. ชั้นแค่คิดว่าไม่อยากกลายเป็นคนบ้าเท่านั้น”
อืมมม เหมือนยัยนี่จะหาว่าชั้นบ้าสินะ ช่างเถอะ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไม่มีทางเข้าใจคนแก่แบบชั้นหรอก ชั้นเลยปล่อยๆ ไปแบบไม่สนใจ
ชั้นเป็นคนใจกว้างหรอกนะ เอ่อ.. ถึงชั้นจะไม่ได้บอกว่าอายุสองพันปี แต่ชั้นก็บอกไปแล้วนะว่าชั้นอายุเยอะกว่าลิลิซ
แต่เหมือนเธอจะตอบแบบขอไปที ให้ตายสิเด็กสมัยนี่ยุ่งยากกันจริงๆ!
“เอาล่ะไปกันได้แล้ว!”
“ค่ะ!”
ชั้นกับลิลิซเดินไปทางที่พวกปาร์ตี้นั้นขุดไว้ พอเดินออกมาแล้วชั้นจึงหันไปหาคลังสมุดที่ ที่ชั้นเคยอยู่สงบมาสองพันปี …
“ลาก่อนนะ..”
ชั้นพึมพำแบบนั้นออกมาส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ออกมา ลิลิซเดินมาข้างๆ ชั้นเธอเหมือนจะเข้าใจว่าชั้นกำลังอำลา.. แต่ไม่รู้ว่ารู้เรื่องนี้ไหมที่ชั้นอำลาไม่ใช่ที่แห่งนี้ .เพราะว่า
ชั้นเอามือสัมผัสไปที่คลังหนังสือที่เชื่อมต่อไปทั่วที่ชั้นเคยอยู่ก่อนที่มันจะหายวับไปปรากฏอยู่หน้าจอช่องเก็บของชั้น
“เอ๊ะ…?”
“หือ?”
ชั้นได้ยินเสียงแปลกๆ ของลิลิซดังขึ้นในชั้นเลยหันไปมองเธอเห็นเธอแสดงสีหน้ามึนงงออกมาเธอพูดว่า
“เอ่อ.. เมื่อกี้ทำอะไรคะ..?”
“ก็เก็บคลังหนังสือของชั้นน่ะสิ”
“…”
เธอมองชั้นอย่างโง่งมก่อนที่จะพูดถามต่อว่า
“แล้วเมื่อกี้ยืนอำลาอะไรคะ?”
“นี่เธอไม่รู้เหรอ..?”
“ค่ะ..”
“มันแน่อยู่แล้วก็อำลาความสงบของชั้นยังไงล่ะ!!”
“ม..หมายความว่าไงคะ?”
“ก็คสามสงบสุขอันเงียบสงบของชั้นกำลังจะหายไปเพราะว่ามีเธอตามมาด้วยไง ชั้นคิดว่าเธอน่าจะเป็นตัวนำปัญหาให้บ่อยๆ แน่”
“…”
เธอพูดไม่ออกแฮะ มันเรื่องจริงนี่น่าชีวิตที่โดดเดี่ยวต้องจบลงเชียวนะ! โดยเฉพาะผู้หญิงสไตล์คลั่งเด็กแบบนี้นี่ตัวปัญหาแน่ๆ
“เอาล่ะไปกันได้แล้ว” ชั้นเดินนำทันที
“ด…เดี๋ยวก่อนสิคะ ที่ว่าตัวปัญหาหมายความว่าไงคะ!?”
ชั้นเมินไม่สนใจเธอและพวกเราก็ออกจากใต้ดินด้วยประการฉะนี้.. อันที่จริงนะรู้สึกเศร้าไงไม่รู้ที่ต้องออกมาจากที่เงียบสงบแบบนั้น
จริงสิ.. ถ้าชั้นรวบรวมหนังสือจากทั่วโลกแล้วกลับลงไปปิดผนึกไว้อีกรอบแล้วเริ่มอ่านนี่มันจะเป็นยังไงน้า ฮ่าๆ แค่คิดก็รู้สึกดีแล้ววว
3 วันต่อมา..
ชั้นกับลิลิซกำลังต่อแถวเข้าหน้าประตูเมืองฟิโอน่า เป็นเมืองหลวงขออาณาจักรฟิโอน่า เมืองหลวงกินอาณาเขตกว่า 500 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ใหญ่เว่อร์เกินจริงมาก
เนื่องเพราะเป็นเมืองที่ใหญ่กำแพงเมืองจึงใหญ่การป้องกันจึงแน่นหน้าชั้นคิดว่ากำแพงเมืองนี่ไม่สูงเกินหน้าเกินตา แต่ความแข็งแกร่งของมันชั้นคิดว่า
เจ้าไรเนอร์ในร่างไททันก็ยังเตะไม่แตกเลยอยากจะบอก เพราะเมืองใหญ่คนเข้าเมืองแต่ละวันจึงเยอะชั้นยืนต่อคิวมานานแล้วนะเนี่ย
ถึงจะไม่เหนื่อยเลยแต่สภาพจิตใจมันเหนื่อยจะอ่านหนังสือก็ไม่ได้ให้ตายสิ แย่แน่ๆ แบบนี้แย่แน่ๆ แดดก็แรงถึงผิวจะไม่เสียแต่ทางด้านจิตใจนี่ลดทอนลงมาก
“นี่ ลิลิซ ไม่มีทางอื่นให้ไปได้เร็วกว่านี้เลยเหรอ”
“มีสิคะ.. ตรงนู้นไง”
ลิลิซใช้นิ้วชี้ไปอีกทิศของประตูเมืองเป็นประตูที่ใหญ่พอตัวเป็นทางของพ่อค้าระดับสูงหรือพวกขุนนางที่ได้รับการยอมรับหรือมีบัตรผ่านเท่านั้น
เธออธิบายมาแบบนี้.. มันขี้โกงกันเกินไปแล้วเด็กสมัยนี้ขี้โกงกันจริงๆ ชั้นมีอายุมามากกว่าสองพันปีเชียวนะ… อ่าวไม่เกี่ยวสินะ
“แล้วจะเข้าไปได้ไงล่— จริงสิ!”
ชั้นนึกออกในที่สุดก็เดินออกแถวไปจับลากลิลิซไปด้วย ชั้นเดินไปประตูทิศที่เป็นทางของพวกขุนนาง.. ชั้นเดินไปหาคนสวมชุดเกราะดูหรูหราน่าจะยศสูงพอตัว
“นี่ๆ .. พี่ชายพี่ชาย”
ชั้นเรียกพี่ชายสวมชุดเกราะด้วยเสียงเด็กผู้หญิงทั่วไปชายคนนั้นหันมามองเห็นชั้นก็ผงะไปเล็กน้อยวางมือลงบนหัวชั้น
อดทนไว้ตัวชั้น.. เพื่อความสะดวกสบาย.. น้ำตาซึมออกมาจากหางตาเพราะว่าต้องมาทำเรื่องน่าอายแลกกับความสบาย
“มีอะไรเหรอจ๊ะหนูน้อย..” (เอ็งโคตรหมี)
“ค…คือว่า.. คุณแม่.. คุณแม่ของหนูรออยู่ในเมืองแต่ว่า แต่ว่าหนูกับพี่สาวสองคนตามไม่ทันจึงโดนเบียดตกแถว.. พ..พี่ชายช่วยหนูหน่อยได้ไหม..”
“….”
ลิลิซที่เดินตามหลังมาพูดไม่ออกพร้อมมองชั้นด้วยสายตาแปลกๆ ชั้นในตอนนี้ที่มาตาเล็ดออกจากหางตาช้อนตามองขึ้นไปที่ชายสวมชุดเกราะ
ไม่รู้ทำไมจู่ๆ หน้าเขาก็แดงขึ้น อ๊า.. โลลิค่อนอีกคนสินะ..
“น..น่าสงสาร.. ใครกันที่เบียดหนูน้อยน่าสงสารแบบนี้ได้ลงคอ! ข้าจะไปจัดการกับมัน!”
“มะ.. ไม่ได้นะพี่ชาย.. เรื่องแค่นี้เอง แต่หนู แต่หนูอยากเจอกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว”
“ฮืออ ช่างเป็นเด็กดีอะไรขนาดนี้ เชิญเลยๆ”
เขาเดินนำทางชั้นกับลิลิซแต่ในตอนนั้นเองมีทหารอีกคนวิ่งมาแล้วกล่าวว่า “ไม่ได้นะหัวหน้า ถ้าทำแบบนั้นพวกเราจะถูกลงโทษเอานะ!”
“ห๊า.. แกจะบอกว่าให้ชั้นปล่อยหนูน้อยคนนี้ทิ้งไว้เหรอ?”
“มะ..ไม่ใช่—”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบชั้นเลยเดินไปอยู่ต่อหน้าทหารคนนั้นแล้วพูดว่า “พ..พี่ชาย.. หนูอยากเจอคุณแม่…ไม่ได้เหรอ..”
“อึก..”
หน้าทหารคนนั้นแดงอีกแล้ว.. อ๊า โลลิค่อนอีกคนล่ะทำไมโลกนี้เต็มไปด้วยโลลิค่อนกันนะ ชั้นทำหน้าตาน่าสงสารนัยน์ตาสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้
“เป.. เปล่า มาเดี๋ยวพี่ชายนำไปเอง”
ทหารคนนั้นพูดขึ้น
“เดี๋ยวสินั่นมันหน้าที่ของข้านะ!”
“หัวหน้าต้องเฝ้าหน้าประตูไม่ใช่เหรอ!?”
“นะ..นั่นก็ใช่อยู่หรอก แต่ว่า..”
“หัวหน้าเฝ้าไปเถอะให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”
อ๊า.. วันนี้ชั้นเห็นคุณหมีตีกันเพื่อแย่งชิงโลลิล่ะ.. แต่เสียใจพวกคนแก่อายุน้อยทั้งหลายที่ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยก็แค่ 99% ล่ะที่เป็นหญิง..
……….