บทที่ 32 – โรสกับการใช้พลังนิดหน่อย
หลังจากอึ้งกันไปพักใหญ่พวกนั้นก็ทำใจเชื่อกันอย่างอดกลั้น มองชั้นด้วยความเทิดทูน อย่าทำแบบนั้นสิคิดว่าเจอพวกแล้วนะ
สายตาแบบนั้นชั้นอิ่มเอมมามากพอแล้ว.. สุดท้ายชั้นก็ยังเป็นตัวประหลาดอยู่ดีอ่ะ.. ทำไมรันทดเช่นนี้นะ
เอาเถอะๆ ยังไงแค่สกิลสื่อสารผ่านจิตถ้าชั้นจะสร้างก็สร้างได้ก็มีสกิลของเทพธิดาชารอนนั่นนี่น่า เลยทำให้สร้างสกิลได้
แต่แท่งโทรจิตนี่คือใช้สื่อสารกับทุกคนเพราะชั้นต้องออกจากเมืองนี้อีกไม่นานไม่งั้นชั้นกลายเป็นตุ๊กตาขององค์หญิงหื่นกามไปแน่ๆ
หลังจากนั้นพวกเราก็แยกจากกันไปตามปกติ ชั้นก็กลับไปโรงแรมเวลาตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว แน่นอนว่าชั้นยังอยู่ในร่างของโรเสะ
ไม่อย่างนั้นคงโดนทหารจับลากไปหาองค์หญิงแน่ๆ ชั้นกลับเข้ามาในห้องตัวก็หดเล็กลง อ๊า สบายจริงแฮะ ชั้นคิดว่าร่างปกตินี่แหละสบายสุดจริงๆ
ชั้นทิ้งตัวลงบนนอนบนเตียงสักพักก่อนจะลุกขึ้นหยิบเอาของออกมาจากช่องเก็บของเป็นเหล็กต่างๆ ซึ่งชั้นจะใช้มันทำแท่งโทรจิต
ชั้นเริ่มคำนวณและลงมือทำเวลาผ่านพ้นไปไม่นาน ชั้นก็เหงื่อไหล…
“นี่มันไม่ไหว. .”
ชั้นบ่นพึมพำ ใช่ความจริงแล้วการจะเขียนอักษรรูนหรือควบคุมเวทมนตร์ในเหล็กและปรับแต่งมันนั้นค่อนข้างใช้พลังเวทเยอะมหาศาล
ดังนั้นมานา 500/500 ของชั้นไม่สามารถทำมันได้แม้คนธรรมดาจะไม่ถึง 100 ด้วยซ้ำในเลเวลแรกแต่ก็ไม่มีคนธรรมดาคนไหนที่สร้างอักษรรูนหรอก
ใช่ ชั้นต้องเพิ่มมานา! และสิ่งที่เพิ่มคือไปฆ่ามอนสเตอร์! และชั้นต้องไปสมัครเป็นนักผจญภัยด้วยเนื่องจากจะต้องรับภารกิจ
แม้ในความเป็นจริงจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์เลยก็ได้ แต่ชั้นไม่รู้ว่ามอนสเตอร์มันอยู่แถวไหน.. แต่ว่าการที่ชั้นไปสมัครเป็นนักผจญภัยนี่มันค่อนข้างจะแย่
พอชั้นนึกถึงเรื่องเลขประจำตัวก็ใจสั่น ชั้นแน่นอนว่าย่อมไม่มีเลขแน่ๆ เพราะว่าชั้นไม่ได้เกิดในโลกใบนี้จึงได้แต่ถอนหายใจ
ชั้นคิดว่าควรคิดวิธีแทรกแซงเวทมนตร์สักหน่อยแล้วล่ะเพื่อความสบายใจ.. ชั้นคิดแบบนั้นความจริงก็มีความเป็นไปได้ในทางทฤษฎีนะ
เหมือนกับการเจาะระบบในโลกเดิมนั่นแหละ แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าหาวิธีฟาร์มก่อนดีกว่า ชั้นไม่ได้อยากเก่งหรอกนะเพราะตอนนี้ก็น่าจะเกินพอและ
แต่แค่เพิ่มมานาขึ้นมาสักหน่อยเท่านั้นเอง แล้วจะทำไงดีหว่า ชั้นนึกๆ ดูก่อนที่จะทุบมือตัวเอง
“จริงสิ!”
ชั้นนึกออกแล้วที่ต้องทำคือนั่นไง สร้างสกิลตรวจจับขึ้นมาซะก็สิ้นเรื่องแล้วตรวจจับหามอนสเตอร์ก็จบนี่น่า
ชั้นคิดแบบนั้นก็หลับตาลงนึกถึงเรดาห์ในความทรงจำ.. แต่พอนึกไปนึกมาเพื่อควาทงมละเอียดชั้นเลยสร้างทำให้ความคิดเป็นแบบสามมิติ ไม่พอใจ
เลยทำให้ตรวจสอบเวทมนตร์แทนเพราะในตัวมอนสเตอร์มีตัวเวทมนตร์… พอคิดแบบนั้นสกิลก็ถูกสร้างขึ้นมาสำเร็จ
“ฮ้าย.. สบายจริงแฮะ”
ชั้นหัวเราะออกมาใช้สกิลโดยทันที พอหลับตาลงชั้นก็ต้องผงะ.. นี่มันค่อนข้างจะ… แปลกไปหน่อยมั้ง เพราะที่ชั้นเห็นไม่ใช่แผนที่ที่มีภาพจำลองแล้วเจอมอนสเตอร์
แต่เป็นภาพจากท้องฟ้า.. แถมมันเห็นทั้งทวีปเลย.. เอ่อ.. ทวีปนี้มันจะเล็กไปหน่อยมั้งแค่ใช้จิตสัมผัสหนึ่งทีก็กวาดได้ทั่วทวีปแล้วเนี่ย (ความมโนของเจ๊)
แถมทักษะนี่ค่อนข้างจะสบายเห็นรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทวีปเหมือนกับเวทมนตร์มันผสมกับภาพสามมิติจนกลายเป็นรูปร่างเหมือนดาวเทียม
ใช่..ดาวเทียมจริงๆ นะ เพราะอาศัยการตรวจสอบคลื่นพลังเวทและการก่อสร้างภาพสามมิติจึงทำให้มีรูปร่างเช่นนี้ได้
“ความคิดนี้ไว้ใช้ในการสร้างดาวเทียมได้เลยแหะ..”
ชั้นพึมพำ … ใช่ชั้นกะไว้แล้วว่าจะสร้างดาวเทียมสักหน่อยเพื่อไรน่ะเหรอ.. ตรวจสอบหากระดาษหรือหนังสือไงล่ะ! จะได้ไม่ต้องเตร็ดเตร่ไปทั่ว ความคิดนี้ชั้นคิดได้ตั้งแต่ตอนคิดจะสร้างแท่งโทรจิตแล้วล่ะ
แต่ไม่ใช่ตอนนี้.. ตอนนี้ชั้นจะฟาร์มเลเวล เลยกวาดหาแหล่งฟาร์มดีๆ .. โอ๊ะ.. นี่มันห่างจากอาณาจักรฟิโอน่าไปไม่มาก..
เป็นทางใต้สุดของทวีป.. หืม.. นี่มันค่อนข้างที่จะแปลกชั้นคิดแบบนั้นเพราะในที่แห่งนี้สัมผัสได้ถึงคำสาปรางๆ .. แต่ช่างเถอะชั้นเลยตรวจสอบดูพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิต
มีแต่มอนสเตอร์ที่น่าจะอยู่ชั้นใต้ดิน.. และเป็นมอนสเตอร์ที่แกร่งที่สุดในเขตใต้ตอนนี้ด้วยชั้นคิดว่าการจะไปฆ่ามันคงง่ายมากเพราะไม่ห่างไกลมาก
ลักษณะที่แห่งนี้เหมือนจะเป็นปราสาทมีกลิ่นอายน่ากลัวหน่อยๆ .. เจ้ามอนสเตอร์นั่นน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ปราสาทนี้ สิบกว่าตัวแน่ะ
ชั้นคิดว่าน่าจะฆ่ามันแล้วระดับคงเพิ่มเป็นสามสี่ระดับได้ละมั้ง.. ชั้นเลยเปลี่ยนเป็นร่างโรเสะ
“อืมชั้นคิดว่า.. ชั้นน่าจะไปอย่างรวดเร็ว”
ชั้นพึมพำกระโดดไปบนกำแพงเมืองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกระทืบเท้าหนึ่งครั้งบนกำแพงเมืองฉับพลัน ร่างชั้นพุ่งไปข้างหน้าทางทิศใต้ของทวีปลงไปอีก
ชั่วพริบตาก็หายไปจากเมืองและยังพุ่งเหนือพื้น.. นี่คือความเร็วที่หลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วง.. อ๊า. ชั้นพูดเองก็ยังไงอยู่แต่นี่มันเร็วกว่าแปดพันกิโลเมตรต่อวินาทีแน่นอน
ชั้นค่อนข้างตกใจเพราะว่า… เมื่อกี้ชั้นออกแรงน้อยมากก็จริง.. อื้ม.. ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงพอๆ กับตีลิลิซละมั้ง..
ใช้ไปประมาณ 0.10% ได้.. ชั้นไม่ได้โม้นะ.. นี่ชั้นแค่ว่าจะทดลองว่ากำลังชั้นมีเยอะขนาดไหนจริงๆ .. เอ่อ.. มานึกๆ ดูชั้นอาจจะโกหกก็ได้
ชั้นจะไปเป็นปีศาจแบบนั้นได้ไงเล่า ฮะๆ .. ฮะๆ …
…..
สิ่งที่โรสไม่รู้… เมื่อพริบตาที่เธอพุ่งตัวไปด้วยความเร็วที่ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของพลัง.. กำแพงเมืองถล่มลงฮับพลันหายนะมาเยือน
บาเรียล้อมเมืองล้วนเกิดขึ้นเพราะคริสตัลพลังงานจากกำแพงเมืองและใจกลางเมือง เมื่อกำแพงเมืองพังลงเป็นแถบ บาเรียก็พังทลาย
และที่น่าเวทนาอย่างยิ่งคือบ้านช่องที่อยู่ใกล้ๆ กำแพงเมืองถูกแรงที่ไหนไม่รู้กระแทกจนถล่มทลาย..ไปกว่า 30% ของเมือง..
ทุกคนต่างคิดว่านี่คือการโจมตีลับๆ ของปีศาจที่น่าหวาดหวั่นแน่นอนในภายหลัง…..
และอีกอย่างที่โรสไม่รู้คือ..ทวีปแห่งนี้ใหญ่กว่าทวีปเอเชียหลายเท่า.. แม้ว่าเธอจะเคยอ่านแต่ด้วยทักษะตรวจสอบของเธอ เธอจึงคิดว่ามันไม่ใหญ่เกินไปนัก
……
เพียงพริบตา..พริบตาจริงๆ นะ ชั้นพุ่งมาในพริบตาท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นสีแดงก่อนจะเห็นปราสาทที่ชั้นเล็งไว้
มุ่งตัวดิ่งลงปราสาททันที… “ตู้มมมมมมม!!!!” แรงสั่นสะเทือนดังสนั่นแปดทิศแม้แต่ชั้นยังหูอึงอลไปเลยล่ะ..
น่าแปลกที่ปราสาทที่พังทลายง่ายดายขนาดนี้ .เอ่อ.. ชั้นรู้หรอกน่าเป็นเพราะชั้นที่พุ่งมาด้วยความเร็วระดับนั้นเมื่อเกิดแรงปะทะต่อให้เป็นเมืองก็คงพังหมดแน่
เอาจริงๆ ตอนที่ชั้นพุ่งมันก็แค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจเท่านั้นนะ.. ชั้นรู้สึกว่ากำแพงเมืองอาจจะ… เน่าไปแล้ว.. ไม่สิ มีบาเรียอยู่นี่น่า
ใช่.. มันต้องไม่เป็นไรแน่ๆ แต่ถ้าชั้นกลับไปเจอมันพังอยู่แสดงว่าเจ้ามังกรที่แอบอยู่นั่นมาลอบโจมตีเมืองแน่ๆ
นี่ค่อนข้างจะสมเหตุสมผล.. (โรสเริ่มการแถเพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้น)
……….