เยี่ยนจ้าวเกอทำตามคำแนะนำของเยี่ยนตี๋ เขาไปนำเตาผลึกหินชั้นในที่ผู้เป็นบิดาใช้ก่อนหน้านี้มา
หลังจากนี้ เยี่ยนตี๋จะสามารถสร้างเตาใหม่ที่เหมือนเดิมได้อีกเตาหนึ่ง
ชายหนุ่มพิจารณาเตาผลึกหินชั้นในเตานี้ พบว่าความสามารถของมันใกล้เคียงกับเตาผลึกหินชั้นก่อนมหาภัยพิบัติในความทรงจำของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่ายังมีส่วนที่ต้องปรับปรุงอยู่ แต่ว่าก็ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว
ขอแค่จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์มีวัตถุดิบอยู่ในมือมากพอ ย่อมหลอมสร้างอาวุธชั้นกลางได้ชุดใหญ่
ถ้าหากเพิ่มระดับได้อีกหนึ่งขั้น การหลอมสร้างอาวุธวิญญาณชั้นยอดก็จะเป็นเรื่องที่คาดหวังได้แล้ว
แน่นอนว่า เนื่องจากกรรมวิธีและวัตถุดิบหลักของตัวเตาผลึกหินชั้นในมีจำกัด คิดใช้มันสร้างอาวุธเป็นจำนวนมากยังมีปัญหามากมายรอให้แก้ไข
แต่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้เยี่ยนเจ้าเกอรู้สึกพอใจแล้ว
ถึงอย่างไรอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็หายากอยู่แล้ว ยังมิต้องพูดถึงวัตถุดิบหลักล้ำค่า รอจนสร้างอาวุธวิญญาณชั้นยอดได้เป็นจำนวนมาก และมีวัตถุดิบมากพอ พลังของเขากว่างเฉิงจะเพิ่มขึ้นอีก
การรุกรานของปีศาจอัคคีทำให้สถานการณ์โดยรวมของมหาอำนาจแปดพิภพซับซ้อนยิ่งขึ้น
สำหรับเขากว่างเฉิง เมืองทะเลมรกต และเขาวารีสวรรค์แห่งเขาไร้พรมแดน การถือกำเนิดของกระบี่สัตยามรกตทำให้พลังโดยรวมเพิ่มมากขึ้น เกิดความได้เปรียบในการเผชิญหน้ากับพันธมิตรอัสนีอัคคีของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ชัดเจนกว่าเดิม
ทว่าเมืองทะเลมรกตประสบกับภัยพิบัติใหญ่ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงซึ่งเป็นเจ้าเมืองได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องพักรักษาตัว ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดซึ่งเป็นค่ายกลสำคัญก็พังทลายลงโดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องสร้างขึ้นใหม่
ในช่วงเวลานี้ พลังโดยรวมของพันธมิตรทั้งสามของเขากว่างเฉิงได้ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดชั่วคราว
ยากจะคาดเดาว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์จะฉวยโอกาสนี้เคลื่อนไหวหรือไม่
เพราะหลังจากเมืองทะเลมรกตฟื้นกำลังกลับมา สถานการณ์เลวร้ายของพวกเขาจะยิ่งเด่นชัดมากขึ้น ถึงขั้นอันตรายเลยทีเดียว
ในช่วงเวลาพักฟื้นของเมืองทะเลมรกต เขากว่างเฉิงกับเขาไร้พรมแดนจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวัง
การเพิ่มระดับของเตาผลึกหินชั้นใน และประโยชน์ที่ได้จากการเชื่อมต่อเสาระเบียงวังเทพกับเจดีย์สีแดง ทำให้พลังสั่งสมของเขากว่างเฉิงเฟื่องฟูขึ้น
มีคำพูดกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่ลดทอนกำลังของอีกฝ่าย ก็ต้องเพิ่มกำลังของตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอฟาดกระบองแห่งความคับข้องใส่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์บนที่ราบหิมะแดนเหนือ ทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อึดอัดเป็นประการแรก
การปรุงโอสถเซียนกลับสวรรค์เพื่อช่วยให้หยวนเจิ้งเฟิงรักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งยังช่วยให้เขาเลื่อนระดับ รวมถึงการศึกษาเตาผลึกหินชั้นใน และการตามหาร่องรอยที่อยู่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งเป็นประการหลัง
ภายใต้การสั่งสมอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขากว่างเฉิงมีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งมหาอำนาจแปดพิภพอีกครั้งอย่างแท้จริง
ถ้าหากไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย และรักษาสถานการณ์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขากว่างเฉิงจะได้เปรียบยิ่งขึ้น จนกระทั่งสลัดขุมกำลังเช่นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไว้เบื้องหลัง
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายมิใช่คนตาย และไม่ใช่คนดี คงจะไม่นิ่งดูดายมองสถานการณ์ปัจจุบันเฉยๆ แน่
ดังนั้นต่อจากนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วถูเตาผลึกหินใช้ในเบื้องหน้า ตบตัวเตาเบาๆ ให้ฝาเตาเบิดออก จากนั้นก็วางกระบอกไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าที่เปล่งแสงสีม่วงไว้ด้านใน
ของประหลาดที่ในอดีตต้องทุ่มเทของวิเศษมากมาย รวมถึงอาวุธวิญญาณจำนวนมาก เพื่อสร้างเป็นของตัวเอง ในตอนนี้กลายเป็นต้นแบบ
เขาเคยทดลองใช้ในที่ราบหิมะแดนเหนือ กับก้นทะเลตะวันออกมาแล้ว
ขณะที่แสดงความสามารถ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้รับผลตอบแทนจากการทดลองอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้สร้างในครั้งต่อไป
เมื่อไม้ไผ่เข้าไปในเตาผลึกหินชั้นในแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยใส่กงจักรเพลิงสุริยะ กับมีดบินอัสนีเข้าไปด้านในด้วย
แสงสองสายพลันสาดออกมาจากปากเตา ก่อนที่เตาผลึกหินชั้นในจะสั่นสะเทือนเลือนลั่น
ของล้ำค่าจากปฐพีพิภพมากมายที่ได้จากซินตงผิง และของล้ำค่ามากมายที่ได้มาจากที่พักของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธ์มังกรน้ำแข็งจากการเดินทางในครั้งนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ใส่มันเข้าไปด้วยเช่นกัน
ในเตาผลึกหินชั้นในมีควันลอยคละคลุ้ง แสงสว่างกะพริบอย่างต่อเนื่อง ดูไปน่าสั่นสะท้านนัก
เยี่ยนจ้าวเกอใช้สองมือกดข้างตัวเตา ปราณหมัดแท้ของตนเองทำให้เตาผลึกหินชั้นในมั่นคง ทั้งยังกระตุ้นให้มันเคลื่อนไหวตามการปรารถนาของตนเอง
เนิ่นนานให้หลัง เยี่ยนจ้าวเกอตบตัวเตา ฝาเตาพลันปิดลง
การเคลื่อนไหวของเตาผลึกหินชั้นในมั่นคงมากขึ้น แต่ก็ยังคงส่งเสียงระเบิดและสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ต่อจากนี้เป็นเวลาใช้น้ำขัดหิน[1] เพื่อรอเวลาตีและหลอม
หลังจากเก็บเตาผลึกหินชั้นใน เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกจากห้อง เดินอยู่บนเขา
เขามิได้ไปหาพวกอวิ๋นเซิงและอิงหลงถู่ แต่ไปสถานที่อื่นแทน
ที่นั่นเคยเป็นที่อยู่ของอาจารย์ลุงใหญ่สือเถี่ย
เมื่อถึงหน้าประตู เยี่ยนจ้าวเกอก็เงี่ยหูฟัง ได้ยินคนพูดอยู่ข้างใน “ท่ากระบี่อำพันลี้ลับเปลี่ยนจากซับซ้อนกลายเป็นเรียบง่าย ท่ากระบี่เจ็ดดาราแฝงความเรียบง่ายในความซับซ้อน ทั้งสองกระบวนท่าคล้ายเดินอยู่คนละทาง แต่ความจริงมีจุดที่เหมือนกันอยู่
“เส้นทางในโลกนี้ เมื่อถึงระดับล้ำลึก ล้วนกลับมาอยู่บนทางเดียวกัน เจ้าลองใคร่ครวญอย่างละเอียดดู”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย นั่นเป็นเสียงของสวีเฟย
สวีเฟยมิได้พักอยู่ที่นี่ เพียงแค่มาสอนผู้สืบทอดอีกคนเท่านั้น
ตามเหตุผลแล้ว ลูกศิษย์ควรจะไปอยู่กับอาจารย์ ไม่ใช่อาจารย์มาหาลูกศิษย์ แต่ว่าสวีเฟยชอบมาที่นี่มากกว่า
ชายหนุ่มไม่ได้ปิดบังร่องรอยของตัวเอง หลังจากเข้าใกล้แล้ว สวีเฟยที่อยู่ด้านในก็สัมผัสได้ทันที จึงหยุดการสอน ส่งเสียงถามว่า “เป็นศิษย์น้องเยี่ยนหรือ”
“ข้าเอง ไม่รบกวนพวกท่านกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยรอยยิ้ม
ประตูใหญ่ตรงหน้าเปิดให้กับเยี่ยนจ้าวเกอด้วยตัวเอง เขาเกอมองเข้าไปด้านใน เห็นสวีเฟยกำลังยืนอยู่บนลานว่างในตัวเรือน ด้านข้ามีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่
เด็กคนนั้นมีอายุประมาณสิบกว่าปี เค้าหน้าเหมือนกับสือเถี่ยและสือซงเทาอยู่เจ็ดแปดส่วน แต่ว่าใบหน้าไม่เหลี่ยม คางแหลมเล็กน้อย
พอเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ เด็กหนุ่มก็พลันยิ้มขึ้น “อาจารย์อาเสี่ยวเยี่ยน”
เด็กหนุ่มคนนี้คือสือจวิน หลานของซือเถี่ย ลูกของสือซงเทา องคาพยพของเขาดูคล้ายบิดา แค่ใบหน้าเหมือนอิ๋งอวี่เจินผู้เป็นมารดา
“ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง มีจุดที่ยังติดขัดอยู่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้ามา พิจารณาสือจวินตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางรำพึงรำพันในใจ
ตอนที่คุยกับเยี่ยนตี๋เมื่อครู่ บิดาได้เปรยถึงสือจวินโดยเฉพาะ
เยี่ยนตี๋พอใจกับการเดินทางไปยังที่ราบหิมะแดนเหนือของเยี่ยนจ้าวเกอมาก สิ่งที่เขายินดีที่สุดก็คือ อิ๋งอวี่เจิน สือจวิน สองแม่ลูกมีความหวังที่จะมีชีวิตอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ปลื้มใจเช่นกัน
สือจวินส่ายหน้า “ข้าสบายดี เพียงแต่ท่านแม่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา”
ชายหนุ่มตบไหล่สือจวินเบาๆ “วางใจเถอะ ฟ้าช่วยคนดีเสมอ”
อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเงียบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอหันหน้าไปมองสวีเฟย ก่อนยื่นกำปั้นข้างขวาออกมา สวีเฟยทำแบบเดียวกัน กำปั้นของคนทั้งสองชนกันเบาๆ กลางอากาศ เข้าใจกันโดยไม่ต้องใช้คำพูด
เขายังไม่ทันได้ถาม สวีเฟยก็กระซิบว่า “จวินเอ๋อร์เฉลียวฉลาด หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้ว สติปัญญาก็สุกงอมอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก เหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด”
“ข้าพอมองออก” เยี่ยนจ้าวเกอพนักหน้า
สวีเฟยกล่าวต่อ “สิ่งที่บอกเขาได้ ข้าล้วนบอกไปแล้ว”
หางตาของเยี่ยนจ้าวเกอกวาดผ่านสือจวิน “ดูแล้วไม่เลว”
“ดูแล้วไม่เลวก็เท่านั้นแหละ” สวีเฟยเม้มปากเล็กน้อย “ตอนนี้เขาความรู้สึกไวมาก เฉลียวฉลาดมิใช่เรื่องแย่ แต่ว่าชะตาของครอบครัวพัวพันกันล้ำลึก ทำให้เขาคิดมากได้ง่ยเสมอ
“ท่าทางของเขาในตอนนี้ เป็นเพราะจิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับเรื่องเดียว ซึ่งก็คือมารดาของเขา”
……………………………………….
[1] ใช้น้ำขัดหิน สุภาษิตจีน หมายถึงการทำงานเข้าสู่ช่วงที่ต้องใช้ความละเอียด และต้องทุ่มเทเวลามากมาย