หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.372 – เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนา
“บัดซบเถอะ นี่มันไม่เกี่ยวกับข้าโว้ย ลองอ่านดูดีๆก่อนไหม มันกำลังพูดถึงไอ้พวกที่กำลังจะตกลงสู่นรกในไม่ช้าต่างหาก” เหลียวฮังกล่าว
“แต่ทำไมพวกเราถึงได้รับคำเตือนนี้กัน ทั้งๆที่ชัดเจนว่าพวกเรากำลังอยู่บนโลก?” เย่เฟย์หยูไม่เข้าใจ
ทั้งสี่ต่างมองไปที่ม้วนคัมภีร์ด้วยความงงงวย
ทันใดนั้นเสียงที่ทรงพลังก็พลันดังก้องขึ้น
“ต้องขออภัยจริงๆ เดิมทีแล้วนี่มันเป็นอารัมภบทของทางปรภพน่ะ พอดีพวกเรารีบมากเกินไปหน่อย ดังนั้นเลยไม่ทันได้ทำการเปลี่ยนข้อความ”
ทั้งสี่หันไปมองรอบๆ แต่กลับพบว่าไม่มีสิ่งใดเลยในพื้นที่โล่งกว้าง ยกเว้นแต่ม้วนคัมภีร์ตรงหน้าพวกเขา
“แกเป็นใครกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
เสียงตอบสวนกลับมาว่า “เดี๋ยวได้รู้แน่ แต่ตอนนี้กรุณาเขยิบให้กระผมได้มีพื้นที่เพื่อทำการทิ้งตัวลงไปก่อนจะได้ไหม?”
ทั้งสี่จึงค่อยๆถอยออกมา เว้นระยะออกไปไกล
หลังจากรอสักพัก ก็ได้ยินเสียง ‘ตึง!’ดังสนั่นขึ้น
ตามด้วยหมอกควันหนาฟุ้งออกมา พัดกระพือไปทั่ว
ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างตกลงมาจริงๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ควันหนาก็ค่อยๆจางลง และสลายหายไป
พร้อมกับมีบางสิ่งที่คล้ายกับตู้เย็นปรากฏขึ้นในพื้นที่เปิดโล่ง!?
—ไม่สิ มันไม่ใช่ตู้เย็น แม้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มันมีขนาดใหญ่กว่ามาก
ดูจากรูปทรงแล้ว มันดูเหมือนกับเป็นตู้เล่นเกมหยอดเหรียญขนาดใหญ่ซะมากกว่า!
บนตู้นี้ มีแสงไฟส่องสว่ง ขับคลอด้วยเสียงเพลงๆออกมาเบาๆ
หากตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ จะพบว่าบทเพลงที่กำลังขับขานอยู่นี้ แท้จริงแล้วมันเป็นหลากหลายเสียงที่กำลังสวดอ้อนวอนอยู่
ตู้นี้ ตลอดทั้งเครื่องเป็นสีดำทั้งหมด และมีตัวเลข ‘1’ ขนาดใหญ่ขีดเขียนเอาไว้อยู่ด้านข้าง
“สหายน้อย พวกนายทำได้ดีมากเลยนะ สามารถชะลอการปะทุของนรกเยือกแข็งเอาไว้ชั่วคราวได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว” เสียงที่ดังออกมาจากตู้เกมกล่าวยกย่อง
“แล้วตกลงว่าแกเป็นใครกัน?”กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“กระผมน่ะหรอ? กระผมก็คือเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนา ที่ถูกส่งตรงมาจากสำนักงานของปรภพยังไงล่ะ” มันเอ่ยแนะนำตัว
“อ่า ยินดีที่ได้รู้จัก” กู่ฉิงซานปาดเหงื่อบนหน้าผากที่เกิดจากความตึงเครียดออกและกล่าวทักทาย
มันกลับกลายเป็นว่าเจ้าสิ่งนี้นี่เอง คือกำลังเสริมที่มาถึง
แต่แล้วจู่ๆเสียงของเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาก็ดังกึกก้อง
“คุณมีข้อร้องเรียนใดๆเกี่ยวกับโลกใบนี้หรือไม่? พบเห็นความอยุติธรรมและการกดขี่ข่มเหงบนโลกใบนี้หรือเปล่า? หากมีปัญหาใดๆที่เกิดขึ้นเหมือนกับในข้างต้น โปรดบอกมันแก่กระผมได้ในทันที!”
“เดี๋ยวๆๆ ฉันขอถามคุณก่อน คุณมาจากปรภพจริงๆใช่ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใช่!”
กู่ฉิงซานกวาดสายตามองดูเครื่องจักรตรงหน้า แล้วเปิดปากเอ่ยออกมาว่า “แต่คุณดูไม่เหมือนกับว่าจะเป็นสิ่งที่มาจากทางปรภพเลย”
“เพื่อปรับปรุงการทำงานต่างๆของทางปรภพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นในตอนนี้ทางเราจึงเน้นไปที่การดำเนินการจัดการขั้นตอนต่างๆด้วยระบบอัตโนมัติมากขึ้นน่ะ แล้วตัวกระผมเองก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ตัวแทนอัตโนมัติที่ว่านั่นของทางปรภพเช่นกัน”
แม้จะฟังดูพิกลอยู่บ้าง แต่กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือก เขาจำใจต้องโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อเรื่องนี้
เขาเปลี่ยนแปลงน้ำเสียงในการพูด และกล่าว “ถ้างั้นก็ดี ในเมื่อคุณคือผลิตภัณฑ์จากปรภพ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคุณมีคนที่กำลังคอยรับผิดชอบดูแลอยู่เบื้องหลังน่ะสิใช่ไหม?”
“ใช่”
“งั้นทำไมถึงมีคุณคนเดียวที่มาที่นี่ แล้วพวกเขาล่ะ?”
“มันจบแล้วน่ะสิ”
“จบแล้ว? หมายความว่ายังไง มันเกิดอะไรขึ้น?” กู่ฉิงซานเร่งถาม
“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางปรภพ กระผมไม่สามารถบอกคุณได้ แต่โดยสังเขปแล้ว ทางปรภพยังคงสามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้ โดยใช้พวกเราเหล่า ‘เครื่องจักร’ เท่านั้น”
“พวกคุณเท่านั้น?” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างรวดเร็ว “หมายความว่านอกจากคุณแล้วยังมีเครื่องจักรตัวอื่นๆอยู่อีกใช่ไหม?”
เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนากล่าว “แน่นอน นอกเหนือจากกระผม ยังมีเครื่องจักรกงล้อนรก , เครื่องจักรช่วยเหลือข้ามผ่านทะเลแห่งความขมขื่น , เครื่องจักรสำนึกบาป , เครื่องจักรขจัดโทสะ ทั้งหมดรวมๆกันแล้วกว่า 88 เครื่อง”
มันยังคงกล่าวต่อ “ตั้ง 88 เครื่องแน่ะ! โอ้สวรรค์ ให้ตายเถอะ ในความเป็นจริงแล้ว กระผมคิดว่าบุคลลากรของทางเราค่อนข้างจะเหลือล้นเกินไปด้วยซ้ำ”
“พวกคุณแต่ละเครื่องมีการแบ่งแยกการทำงานที่แตกต่างกันไปอย่างงั้นหรอ?” เหลียวฮังถาม
“ฉลาดนี่นา!”
เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนามองเขาและกล่าว “กระผมเป็นเครื่องจักรที่ถูกรังสรรขึ้นโดยเทพวิญญาณ มีไว้ใช้สำหรับงานอดิเรกทั่วๆไป แต่ก็ยังมีเครื่องจักรอื่นๆที่รับผิดชอบสำหรับการต่อสู้ด้วยนะ เครื่องที่รับผิดชอบในการทำความสะอาดก็มี หรือเครื่องจักรที่ดูแลเรื่องขยายตัวของแผ่นดินก็มี แต่ไม่ว่ายังไงโดยรวมแล้วก็มีทั้งหมด 88 เครื่อง!”
“ทำไมต้อง 88 เครื่องด้วย? ตัวเลขนี้มันมีความหมายอะไรกันแน่??” ซางหยิงฮาวเอ่ยถาม
เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาถอนหายใจและกล่าว “เพราะเทพวิญญาณของพวกเราน่ะเชื่อเรื่องโชคลางมาก และคิดว่าตัวเลขที่ดีย่อมจะส่งผลดีตาม อย่างเช่นที่ว่า ‘ยามเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น หนึ่งในเทพวิญญาณทั้ง 88 องค์จะลงมาขจัดภัย’ – อะไรแบบนี้”
กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ
ลมหนาวพัดโชย และมีเพียงเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาเท่านั้นที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสี่
เขาเอ่ยถาม “แล้วเพื่อนๆของคุณล่ะ ไปอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขากำลังเตรียมความพร้อมอยู่ และกำลังจะมา- เฮ้อ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ พวกนายมาพูดคุยกับกระผมถึงเรื่องภัยพิบัติในปัจจุบันจะดีกว่านะ”
เสียงของเครื่องจักรพิพากษายังคงดังต่อเนื่อง “เราอาจจะสามารถคิดหาทางออกที่จะช่วยโลกของพวกนายให้ผ่านพ้นความยากลำบากไปก็ได้นะ”
“นี่คุณทำได้จริงๆหรอ?” เย่เฟย์หยูเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ
“จงอย่าดูแคลนเรา” เครื่องพิพากษาพ่นลมหายใจออกมา และกล่าว “เราเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เอี่ยมหลังจากที่ทางปรภพได้เข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม! เราเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและแข็งแกร่ง สามารถช่วยเทพวิญญาณในการปกครองนรกทั้งหมด และยังช่วยจัดการกิจการต่างๆในทางปรภพได้อีกด้วยนะ”
พอได้ยินเรื่องเล่านี้ กู่ฉิงซานก็หันไปมองหน้าเหล่าสหายอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเริ่มแสดงท่าทีมีความสุขออกมา
ถ้ามันแข็งแกร่งจริงๆอย่างที่พูดแล้วล่ะก็ โลกใบนี้ก็คงจะปลอดภัยแล้ว!
“เช่นนั้นท่านที่เคารพ เอ่อ ทางฉันในฐานะตัวแทนของโลกจะขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกันนะ ว่าตอนนี้น่ะ นรกสามแห่งได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวสั้นๆ
“จบสิ้นกัน! ถ้าเป็นแบบนั้นตัวกระผมเองก็คงจะไม่สามารถช่วยพวกนายได้!!!” เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาคร่ำครวญด้วยความเศร้าสลด
กู่ฉิงซาน “ … ”
ซางหยิงฮ่าว “ … ”
เย่เฟย์หยู “ … ”
เหลียวฮังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา “แม่แกเถอะ! นี่แกมาที่นี่เพื่อเล่นตลกรึไง?”
เครื่องพิพากษากล่าว “แน่นอนว่าไม่ใช่ ตัวกระผมแม้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ก็จริง แต่นั่นเพราะนี่มันเป็นหน้าที่ของเครื่องจักรกงล้อนรกที่จะส่งเหล่าคนตายที่ชั่วร้ายให้กลับไปยังนรกต่างหาก”
“นาย นาย นาย และนายสามารถร่วมมือกับมัน และส่งขยะจากนรกทั้งสามไปยังนรกอื่นๆได้ และจากนั้น ภัยพิบัติในครั้งนี้ก็จะถูกกำจัดออกไปโดยสมบูรณ์” เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนากล่าว
“แต่ในสามนรกน่ะมีมอนสเตอร์อยู่มากมาย เครื่องจักรกงล้อนรกเครื่องเดียวมันจะไปมีประโยชน์อะไร?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถาม
“มีประโยชน์แน่นอน เพราะเครื่องจักรกงล้อนรกน่ะมีลักษณะคล้ายคลึงกับรถไฟ ฉะนั้น ตราบใดที่พวกนายเติมคนตายยัดใส่ลงไปในนั้น พวกมันก็จะถูกควบคุมตัวไว้ทันที และจะออกมาไม่ได้อีกเลยจนกว่าจะถูกพาตัวกลับไปยังนรก”
“หลังจากนั้น เมื่อรถไฟเต็มขบวนแล้ว เครื่องจักรกงล้อนรกที่เต็มไปด้วยคนตาย ก็จะเริ่มทำงาน มันจะขนส่งพวกคนที่ตายไปแล้วกลับไปยังปรภพและจับพวกมันโยนลงในนรกอื่นๆ”
ซางหยิงฮ่าวบ่น “เติมคนตาย … อีกความหมายนึงก็คือ เราจะต้องชนะคนตายพวกนั้นให้ได้ซะก่อนสินะ ถึงจะสามารถนำพวกมันกลับคืนสู่นรกได้”
“แต่พวกคนตายจากสามนรกน่ะเป็นตัวตนที่ถือกำเนิดมาจากหลากหลายยุคสมัย แล้วพวกเราจะไปสู้กับมันได้ยังไง?” เหลียวฮังกล่าว
“ต่อให้สู้ไม่ได้ก็ต้องสู้เท่านั้น พวกเราเหลือเพียงทางเดียวแล้ว” กู่ฉิงซานบ่นงึมงำ
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง จู่ๆก็บังเกิดเสียงคำรามน่าสะพรึงจนพื้นสั่นสะเทือนขึ้นจากในความว่างเปล่า
พร้อมกับการปรากฏกายของตู้เสบียงและหัวรถจักรขึ้นจากอากาศอันบางเบา และ ตึง! ตึงงงงง! – มันก็ร่วงตกไถลลากลงไปกับพื้นเป็นทางยาว
ตามหัวรถจักรและตู้เสบียงกำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงอย่างรุนแรง และไม่นานมันก็ถูกแผดเผาจนกลายเป็นกองเศษเหล็ก
“อ๊ะ ไม่นะ ดูเหมือนว่าเครื่องจักรกงล้อนรกจะข้ามมายังโลกนี้ไม่สำเร็จซะแล้ว”
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? ไม่ใช่เมื่อครู่คุณบอกว่าเจ้านี่คือเครื่องจักรที่จะช่วยพวกเราหรอกหรอ!” ซางหยิงฮ่าวตะโกน
“ใจเย็นๆก่อนสิ เดิมทีแล้วพวกเราหลายคนก็ตั้งใจเดินทางมาในโลกนี้นั่นแหละ … แต่มันไม่ราบลื่นอย่างที่คิดก็เท่านั้นเอง” เครื่องพิพากษากล่าว
“ดูจากสภาพของคุณกับเครื่องจักรกงล้อนรกแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าพวกคุณถูกลอบโจมตีระหว่างทาง?” กู่ฉิงซานถามเสียงหม่นทะมึน
“ขอโทษด้วย แต่เรื่องนี้กระผมไม่สามารถบอกได้” เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนากล่าว
หลายคนหันมามองกันและกัน ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อทำการตรวจสอบซากรถไฟ
“เจ้านี่น่ะหรอกงล้อนรก? พวกเราพอจะสามารถซ่อมแซมมันได้ไหม?” เหลียวฮังเอ่ยถาม
“เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อมแซม นอกเสียจากว่าจะเป็นเทพวิญญาณเอง ถ้าเป็นเขาล่ะก็คงซ่อมมันได้” เครื่องพิพากษากล่าว
“หรืออีกความหมายนึงก็คือ พวกเราได้สูญเสียความหวังเดียวของเราไปแล้วอย่างงั้นสินะ” ซางหยิงฮ่าวตัดพ้อ
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ อันที่จริงแล้วยังมีเครื่องจักรอีกมากมายที่จะช่วยโลกได้ เพียงแต่มันมีวิธีการเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไปก็เท่านั้นเอง” เครื่องพิพากษากล่าว
“แล้วที่ว่ามานั่นมันคืออะไร – ได้โปรดช่วยอธิบายให้มันชัดเจนไปเลยในครั้งเดียวเลยจะได้ไหม” กู่ฉิงซานบ่น
เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาเงียบไปครู่หนึ่ง
มันบิดร่างกายของมันอย่างเชื่องช้า ด้วยลักษณะท่าทีดูเก้ๆกังๆ หันไปมองรอบๆ
ในพื้นที่โล่งกว้าง ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย ยกเว้นพวกกู่ฉิงซานทั้งสี่
ไม่มีถนนที่นี่
มันอ้างว้างและไร้ซึ่งผู้คน
มีเพียงลมหนาวมีพัดมาเป็นระยะๆ
“ดูเหมือนว่ากระผมจะทำพลาดไปเล็กน้อย กระผมคงต้องออกไปจัดการ ‘ธุระ’ ของตัวเองทันที นี่ก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์สร้างใกล้ชิดกับโลกใบนี้ให้มากขึ้น มิเช่นนั้นกระผมจะถูกกฏเกณฑ์ของโลกใบนี้ปฏิเสธ และจะถูกส่งกลับไปยังนรกในทันที”
มันหันไปทางกู่ฉิงซานและผองเพื่อน “กระผมคงต้องขอตัวไปจัดการธุระก่อน และนั่นคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก จากนั้นพวกเราค่อยมาพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดในเรื่องกันอีกครั้ง ตกลงไหม?”
“นี่ …ก็ได้” กู่ฉิงซานถอนหายใจ “แต่ทางฉันหวังว่าคุณต้องเร่งมือนะ เพราะความเร็วในการรุกรานของนรกก็กำลังเพิ่มพูนขึ้นอยู่ตลอดเวลา”
“ไม่ต้องกังวลไป กระผมจะกลับมาอีกครั้งในเร็วๆนี้”
‘ปัง!’ บังเกิดเสียงสนั่น เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาถูกแยกออกเป็นสอง
และพวกมันก็หายวับไปในทันที
หลายคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ
เหลียวฮังเอ่ยขึ้นมาว่า “ก็เข้าใจหรอกนะที่บอกว่าจะต้องรีบเปิดกิจการน่ะ แต่นี่ถึงขั้นแยกร่างอวตาร – ”
ปัง! บังเกิดเสียงดังขึ้นอีกระลอก หนึ่งในสองเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาปรากฏขึ้นอีกครา ต่อหน้าคนทั้งหลาย
“กระผมต้องการยืมตัวพวกคนซักคนหนึ่ง โอ้ วางใจเถอะ ไม่ได้ใช้ให้ช่วยงานฟรีๆอย่างแน่นอน” มันกล่าว