หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.431 – จุดเริ่มต้น
ปากถ้ำที่ไหม้เกรียมไปด้วยเปลวเพลิงทมิฬค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
หลังจากที่กระโจนเข้าไปในนั้น บนท้องฟ้าก็ไร้ซึ่งวี่แววใดๆของแอนนาและหมาดำอีกเลย
แต่กลับปรากฏเรือรบประจัญบานขนาดเล็กกำลังลดระดับลงมาแทน
เหลียวฮังกลับมาแล้ว
“ฉันได้เห็นทุกอย่างจากนอกโลกแล้วนะ! มันช่างเป็นการต่อสู้ที่งดงามและมีมนต์ขลังมากจริงๆ! ” เขาตะโกน
“คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์นี่ งั้นไหนลองเสนอความคิดมาซิ ว่าพวกเราควรจะทำอะไรกันต่อไปดี?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถาม
“ก็ฝึกยุทธไง! มันต้องเป็นการฝึกยุทธอยู่แล้ว! ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะฝึกยุทธโดยใช้มันอ้างอิงเป็นงานวิจัยหลักทางวิทยาศาสตร์ของฉัน!”
“นั่นสินะ ฉันก็ต้องการฝึกยุทธอย่างเต็มกำลังเหมือนกัน” เย่เฟย์หยูถอนหายใจออกมา
ประธานาธิบดีขบคิดก่อนจะกล่าว “พวกเราคงต้องให้ทุกคนในโลกเข้าสู่สถานะฝึกยุทธโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าหากมีภัยพิบัติใดๆเกิดขึ้นอีก ในอนาคตทุกคนจะได้สามารถช่วยเหลือตนเองได้”
“ข้าเห็นด้วย ฉะนั้นแล้ว พวกเราคงต้องเร่งก่อตั้งกฏเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา” เวโรน่าเอ่ยออกมาในทำนองเดียวกัน
ทันใดนั้นเอง ตะขอเกี่ยววิญญาณก็ปรากฏตัวขึ้นจากในความว่างเปล่า
ขณะที่เบื้องหลังของสิ่งประดิษฐ์เทวะจากปรภพชิ้นนี้ เต็มไปด้วยหลากหลายสิบอาวุธที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ
ตะขอเกี่ยววิญญาณเปล่งเสียงออกมา “ขอจงวางใจ หลังจากโลกผสานรวมกันแล้ว อาวุธจากปรภพอย่างพวกเราก็จะร่วมมือกับพวกเจ้าด้วย”
“และพวกเรา จะเป็นผู้รับรองความมั่นคงของโลกใบนี้เอง” เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนากล่าว
เบื้องหลังของมัน เต็มไปด้วยเครื่องจักรมากมายที่มีรูปทรงแตกต่างกันออกไป กำลังทยอยกันปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ดูเหมือนว่าโลกในอนาคตกำลังจะกลายเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆซะแล้วสิ”
เหลียวฮังกล่าวออกมาด้วยความกระตือรือร้น
ตึ้ง!
ณ ขณะนั้นเอง จู่ๆภายในวิลล่าก็ปรากฏเสียงดังขึ้น
“ใครอยู่ในนั้นน่ะ?” ซางหยิงฮ่าวตะโกนถามอย่างระแวดระวัง
และทันทีที่เสียงของเขาตกลง บานประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน
ผู้คนทั้งหมดต่างหันหน้าไปมอง
เห็นแค่เพียงซูเซี่ยเอ๋อในชุดคลุมยาวสีขาว พร้อมกับคทาในมือ ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้า
เธอกวาดสายตามองผ่านฝูงชนด้วยรอยยิ้มที่แขวนอยู่บนใบหน้า
แต่กลับไม่เห็นกู่ฉิงซาน
“เอ๋? แล้วฉิงซานล่ะ เขาไม่ได้อยู่ที่งั้นหรอ?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้น และก้มลงมองดูเวลาของเธอ
ครั้งนี้ เธอไม่ได้ใช้เวลามากมายนักในการกลับมา
เพราะครั้งล่าสุดที่กลับจากเกาะหมอกมายังที่นี่ เธอได้เสียเวลาในการเดินทางอย่างยากลำบากและยาวนานไปมากมาย
แต่คราวนี้ เธอสามารถอยู่ที่นี่ได้เป็นชั่วโมง
มองไปรอบๆอีกครั้ง ก็ยังไม่พบแม้กระทั่งเงาของกู่ฉิงซาน
ซูเซี่ยเอ๋อจึงหยิบสมองควอนตัมส่วนบุคคลขึ้นมา และเริ่มต้นโทรออกหาหมายเลขของกู่ฉิงซาน
หลายคนหันมามองหน้ากันและกัน
ซางหยิงฮ่าวยกมือขึ้นลูบหน้าอกตนเองและพูดเบาๆออกมาว่า “โชคดีจริงๆที่อีกคนหนึ่งได้ออกไปก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันคิดว่าโลกคงจะถูกทำลายอีกครั้งแน่ๆ”
“เห็นด้วย” เย่เฟย์หยูกระซิบ “แถมบางที หากเป็นในกรณีนั้น ต่อให้เป็นกู่ฉิงซานก็คงจะไม่สามารถช่วยโลกใบนี้เอาไว้ได้ … รวมไปถึงตัวของเขาเองด้วยน่ะนะ”
“เอ๋? นั่นพวกนายกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่หรอ” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถาม
เธอวางสมองควอนตัมของตัวเองลง
และแน่นอน ว่าสมองควอนตัมของเธอไม่สามารถทำการเชื่อมต่อกับกู่ฉิงซานได้
“ว่าแต่พวกนายรู้รึเปล่าว่ากู่ฉิงซานอยู่ที่ไหน?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถามอย่างสุภาพ
ซางหยิงฮ่าวหันไปมองเย่เฟย์หยู ขณะที่เย่เฟย์หยูหันไปมองเหลียวฮัง
เหลียวฮังมองไปยังใบหน้าอันงดงามของซูเซี่ยเอ๋อที่พึ่งปรากฏกายขึ้น ปากเอ่ยพึมพำ “สวยจริงๆ … อ่าฉันไม่ได้จะพูดแบบนั้น เอ่อ ฉันหมายถึงว่า กู่ฉิงซานได้จากไปแล้ว”
“อะไรนะ? แล้วเขาไปที่ไหน? มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาใช่รึเปล่า?” ซูเซี่ยเอ๋อเร่งถาม
เธอกุมคทาในมือแน่นขึ้้น
“เปล่าหรอก ไม่ได้หมายความในแง่ร้ายแบบนั้น เขายังสบายดี ฉันหมายถึงเขาได้ออกเดินทางไปแล้วด้วยดีน่ะ” เหลียวฮังรีบแก้ต่างอย่างรวดเร็ว
“งั้นก็แล้วไป ว่าแต่แล้วเขาไปที่ไหนหรอคะท่านลุง? หนูต้องการจะพบเขาทันที”
“ … เธอไม่สามารถไปพบเขาได้ในตอนนี้” สายตาของเหลียวฮังยังคงกวาดขึ้นๆลงๆไปตามร่างของซูเซี่ยเอ๋อและกล่าวต่อไป
“ทำไมล่ะ?”
“เรื่องมันยาวน่ะ คือเรื่องมันยาวมากจริงๆ”
“แต่หนูอยากจะรู้ ถ้ากรุณาช่วยบอกเรื่องราวทั้งหมดให้หนูฟังก็จะขอบคุณมาก!”
ซูเซี่ยเอ๋อพยายามกล่าวอย่างใจเย็น
…..
แล้วเหลียวฮังก็เล่าถึงสถานการณ์ล่าสุดของกู่ฉิงซาน
ในเวลานั้นเอง เย่เฟย์หยูก็เดินกลับไปที่ห้อง ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับยื่นใบหยกให้แก่ซูเซี่ยเอ๋อ
ซูเซี่ยเอ๋อรับใบหยก นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยท่าทีตกใจออกมา
“สามารถข้ามผ่านระหว่างสองโลก? ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมฉันถึงได้เห็นนิมิตแบบนั้น … ”
เธอถอนหายใจออกมา ปากเอ่ยกล่าวอย่างเหม่อลอย
“ในเมื่อเขาไม่อยู่ที่นี่ ถ้าอย่างงั้นฉันก็ขอตัวกลับไปที่บ้านก่อนนะ”
“บ๊ายบายนะทุกคน”
“บาย‘
ฝูงชนกล่าวอำลาเธอ
ซูเซี่ยเอ๋อกำลังจะจากไป แต่แล้วจู่ๆเธอก็นึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงหยุดฝีเท้าลงอย่างกระทันหัน
“หืม? มีอะไรอีกงั้นหรอสาวสวย?” เหลียวฮังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คือหนูต้องขอโทษจริงๆนะคะ ถึงจะเข้าใจดีว่าคำถามนี้มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย แต่หนูก็อดไม่ได้ที่จะถามจริงๆ”
“จะถามอะไรล่ะ?”
“แอนนาละ่? เธอไปอยู่ที่ไหน?”
ขณะกล่าว แววตาของซูเซี่ยเอ๋อฉายแววลำบากใจออกมา
“เอ่อ เรื่องนั้น .. ”
เหลียวฮังเผยอปากขึ้นเล็กน้อย แต่แล้วก็ต้องหยุดไป
—-อ่าว แล้วแบบนี้จะให้ฉันตอบว่ายังไงดีล่ะ?
เขาเริ่มหันไปมองหาความช่วยเหลือรอบตัว
แต่กลับเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของประธานาธิบดีที่เดินหายเข้าไปในวิลล่า
ซางหยิงฮ่าวดูจะเร็วกว่าประธานาธิบดี เพราะเวลานี้เขาหายตัวไปไม่เหลือกระทั่งเงาแล้ว
ขณะที่เย่เฟย์หยูทะยานตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยตรง หันซ้ายแลขวามองหาทิศทางแบบสุ่มๆ แล้วสยายปีกบินหนีไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงส่ายหัว ปากเอ่ยพึมพำเสียงกระซิบ “นี่มันเป็นเรื่องระหว่างพวกรุ่นเยาว์ ไม่เกี่ยวกับข้า … ”
แล้วเธอก็เดินหายเข้าไปในวิลล่าเช่นกัน
เหลียวฮังที่เห็นปฏิกริยาตอบสนองของทุกคนเป็นแบบนี้ ลิ้นของเขาก็เริ่มรู้สึกเฝื่อนๆ
“ขอโทษทีนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแอนน-”
ในเวลานั้นเอง เห็นแค่เพียงวิหคขาวที่ไม่รู้มาโผล่ออกมาจากไหน ร่อนลงมากลางวงสนทนา
มันเกาะลงบนไหล่ของเหลียวฮัง แล้วหันไปกล่าวเสียงแหลมกับซูเซี่ยเอ๋อ “แอนนา? เจ้ากำลังพูดถึงผู้หญิงที่โผเข้าซบอกกู่ฉิงซาน หรือว่าผู้หญิงที่โถมกายเข้าโอบแขนของเขาล่ะ?”
บังเกิดความเงียบขึ้นโดยรอบ
ทันใดนั้นอากาศทั่วบริเวณก็เต็มไปด้วยความสยองเกล้าอย่างที่ไม่เคยปรากฏออกมาก่อน
เจตนาฆ่าอันแรงกล้าพวยพุ่งออกมา จนเหลียวฮังสำลัก แทบจะหายใจไม่ออก
“เห? ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ฉันยังไม่ได้รู้อยู่อีกสินะ”
ใบหน้าที่แขวนไว้ด้วยรอยยิ้มของซูเซี่ยเอ๋อกำลังเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
ฉับพลันนั้น ในหูของเขาพลันได้ยินเสียงหวีดหวิวราวกับพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่กำลังทะลวงสู่ชั้นอากาศ
เห็นแค่เพียงคทาในมือของซูเซี่ยเอ๋อสาดแสงสีขาวบริสุทธิ์ออกมา ทะยานเป็นเสาแสงขึ้นสู่ชั้นเมฆ
พลังอำนาจนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก มันปัดเป่าเมฆทั่วฟ้า และแหวกชั้นบรรยากาศจนก่อให้เกิดหลุมดำขึ้นมา
เมื่อต้องเผชิญกับพลังอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และโลก คนธรรมดาทั่วไปย่อมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
“อุ๊ย เผลอหนักมือเกินไปหน่อย … มันเป็นความผิดของหนูเอง ดูเหมือนว่าหนูจะยังควบคุมพลังของคทาได้ไม่ชำนาญเท่าไหร่”
ซูเซี่ยเอ๋อเลื่อนสายตาลงและกล่าว
เธอสะบัดคทาออกไป และพลังอำนาจทั้งหมดก็สลายหายไปทันที
“เอาล่ะ ที่นี้โปรดบอกหนูมาตามตรง ว่าเรื่องของผู้หญิงสองคนที่ว่านั่น มันยังไงกันแน่?”
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจถกเถียงหรือปฏิเสธได้
เหลียวฮังขยับริมฝีปากของเขาอย่างยากลำบาก
แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ แม้จะผ่านไปครู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเด็กเบื้องหน้าเขาเป็นเพียงลูกเจี๊ยบที่มีหน้าตางดงาม แต่ทำไม … ทำไมเธอถึงได้ …
วิหคขาวที่เกาะอยู่บนไหล่ของเขากำลังจ้องมองไปยังฉากนี้ และตัดสินใจเลือกหนทางที่ตัวเองมีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุดออกมา
ทันใดนั้นมันก็หันไปหาเหลียวฮังและตะโกนกล่าว “เอ้า! คุณหนูถามว่าเกิดอะไรขึ้นไงเล่าตาแก่ ไหงต้องเอาแต่สั่นเป็นเจ้าเข้าด้วย เป็นลมชักหรอ?”
…….
กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นในความว่างเปล่า
เขาหันไปมองข้างกายตัวเอง
เห็นแค่เพียงสีหน้าของฉินรั่วและว่านเอ๋อที่ดูอ่อนล้า ขณะที่ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล
ในระยะไกลออกไป เบื้องหน้าพวกเขา สามารถเห็นได้ถึงประตูที่กำลังเรืองแสงรางๆ
และยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ได้จากระยะไกลอีกด้วย
“นั่นคงจะเป็นพลังวิญญาณจากค่ายกล พวกเราคงต้องใช้โอกาสนี้ดูดซับมันเพื่อฟื้นฟูพลังให้เร็วยิ่งขึ้น” ฉินรั่วหันไปกล่าวกับว่านเอ๋อ
ว่านเอ๋อรีบพยักหน้ารับ
“ดูเหมือนว่าจะใกล้แล้วสินะ – ว่าแต่พอจะสามารถระบุเวลาแบบเฉพาะเจาะจงได้หรือไม่ว่าเวลาดใดที่จะไปถึง?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“น่าจะภายในช่วงหนึ่งส่วนสี่ชั่วยาม พวกเราก็จะไปถึงโลกนั่น” ฉินรั่วกล่าว
กู่ฉิงซานพยักหน้า
นายน้อยชุดคลุมม่วงฉีหยาน ในตอนนี้คิดว่าคงจะตายไปแล้วในโลกของมารสวรรค์
แต่ท้ายที่สุดนี้ บิดาของฉีหยานน่ะเป็นถึงผู้ฝึกยุทธในขอบเขตขีดสุดความว่างเปล่า
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ แถมนอกจากนี้ยังกำลังข้ามผ่านโทษทัณฑ์อยู่อีก
ยามเมื่อเขาข้ามผ่านโทษทัณฑ์ได้สำเร็จ ยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตลมปราณจิต เขาก็จะกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายกวงหยาง
แม้กระทั่งอาวุโสที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ก็จะไม่สามารถต่อกรกับเขาได้อีกต่อไป
เพราะถึงแม้อาวุโสผู้นี้จะเป็นผู้ฝึกยุทธในขอบเขตลมปราณจิตเช่นกัน แต่เขาได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของอสูรกายอันน่าสะพรึง จนไม่อาจฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์อีกเลย
ระยะทางระหว่างประตูแสงค่อยๆใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
อีกไม่นาน กู่ฉิงซานก็จะต้องเผชิญหน้ากับบิดาของนายนายชุดคลุมม่วง
ในเวลานั้นเอง บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ภารกิจแห่งโชคชะตา : ต่อสู้กับการล่มสลายของโลก”
“คำอธิบายภารกิจ : เมื่อโลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการล่มสลายเกินกว่าจะแก้ไขได้ แต่แล้วคุณกลับสามารถค้นพบวิธีเดินทางไปสู่ปรภพอย่างกระทันหัน เพื่อทำการค้นหาสาเหตุของภัยพิบัติ – ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์อันหาได้ยากยิ่ง และหากสำเร็จ มันจะช่วยให้ชะตากรรมของโลกทั้งใบหักเหไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้”
“วัตถุประสงค์ภารกิจ : โปรดทำทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือปรภพและโลกมนุษย์”
หลังจากที่กู่ฉิงซานอ่านบรรทัดเส้นแสงเหล่านั้น พวกมันก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าไป
“คุณได้บรรลุภารกิจแล้ว”
“คุณได้รับรางวัลสำหรับเนื้อเรื่องพิเศษ : พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพสงคราม (จากขอบเขตประทับเทพ)”
”
จากนั้น จู่ๆหน้าต่างระบบเทพสงครามก็เปลี่ยนเป็นมืดมิด
“เอ๊ะ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
กู่ฉิงซานอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
เห็นแค่เพียงเส้นแสงหิ่งห้อยที่ร้อยเรียงด้วยตัวอักษรขนาดเล็กผุดออกมาในความมืดมิดอย่างไม่รู้จบ
“โลกที่กำลังจะไปถึงนี้ เคยเป็นโลกที่มีอารยธรรมแห่งการฝึกยุทธอันทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม มันกำลังจะล่มสลายลงแล้วในไม่ช้า”
“การปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ทันที ย่อมจะต้องถูกตรวจจับได้โดยกฏเกณฑ์ของโลกปัจจุบันอย่างแน่นอน”
“ก่อนหน้านี้ที่คุณปลุกสกิลเทวะร่างเงาแทนที่ขึ้นมา มันก็เป็นการดึงพลังมาจากรากฐานของโลกเทวะเช่นกัน ”
“ร้องขอให้ผู้เล่นดำเนินการสำรวจเกี่ยวกับโลกที่กำลังล่มสลายใบนี้ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบของมันเสียก่อน”
“และเมื่อคุณตระหนักรู้เพียงพอแล้วเกี่ยวกับโลกซวนคง(ล่องเวหา)ใบนี้ รางวัลภารกิจก็จะกลับคืนมาอีกครั้ง”
หลังจากที่กู่ฉิงซานได้อ่านมัน คำอธิบายเหล่านี้ ทั้งหมดก็ได้สลายหายไป
ขณะที่บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ยังคงหลงเหลือเพียงความมืดมิดเท่านั้น