หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.489 – นายหญิงแห่งเกาะหมอก (3)
ซูเซี่ยเอ๋อมองไปยังสีหน้าเฉื่อยชาของพ่อแม่ ในหัวใจก็อดรู้สึกเศร้าหมองไม่ได้
ชัดเจนว่าพวกเขาถูกควบคุมด้วยเทคนิคมนตราบางอย่าง
และเทคนิคมนตรานี้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเขา
ซูเซี่ยเอ๋อวาดคทาออกไป
“ถวายสายโลหิต”
ปากเปล่งเสียงกระซิบ
สายโลหิตเส้นเล็กๆผุดออกมาจากตัวเธอ มันเวียนว่ายในอากาศเข้าไปเชื่อมต่อกับพ่อแม่
ใบหน้าของซูเซิงเหวินและมาดามซูค่อยๆปรากฏเลือดฝาด คู่ดวงตาที่เมื่อครู่ราวกับมีเมฆหมอกขุ่นมัวค่อยๆกลับมากระจ่างใสอีกครั้ง
ไม่นาน อาการบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจของพวกเขาก็ได้รับการรักษาโดยสมบูรณ์
แต่ตรงกันข้าม ใบหน้าของซูเซี่ยเอ๋อกลับเปลี่ยนเป็นซีดขาวแทน
เม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของเธอ
เหนื่อยจัง
ต้องใช้พลังมากจริงๆ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ผู้อื่นโดยใช้พลังกายและใจของตนเองโดยลำพัง
เธอต้องแบกรับความเจ็บปวดของทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน
แต่เพราะนี่คือพ่อแม่ ดังนั้นซูเซี่ยเอ๋อจึงเต็มใจ
“ท่านพ่อท่านแม่ ใครกันที่ทำร้ายพวกท่าน ตอนนี้สามารถบอกกับหนูได้นะ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว
ขณะที่จ้าวมณฑลคนอื่นๆ ยืนรับฟังจากระยะไกลอย่างเงียบๆ
ในเวลานี้ ทั้งหมดต่างเริ่มส่งสัญญาณทางสายตาออกไป
ในฝูงชน ตัวตนที่ทรงพลังเริ่มที่จะเตรียมตัว
แต่ซูเซิงเหวินที่ยืนอยู่กลับถอนหายใจยาวออกมา สีหน้าเริ่มจะหมองคล้ำคล้ายกำลังแสดงออกถึงความละอายใจ
ส่วนมาดามซูก็ก้มหน้าลงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรเช่นกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับในครั้งสุดท้ายที่จำได้ เริ่มที่จะถูกรื้อฟื้นกลับมา
“บอกมาเถอะ หนูจะไม่ยอมปล่อยพวกมันไปแน่ๆ!” ซูเซี่ยเอ๋อกระตุ้น
ซูเซิงเหวินมองมายังซูเซี่ยเอ๋ฮด้วยสีหน้าซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดี
“ช่างมันเถอะเซี่ยเอ๋อ ผู้คนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขามันน่าหวาดกลัวเกินไป” มาดามซูเปล่งเสียงอ่อนอันหาได้ยากยิ่ง
ซูเซี่ยเอ๋อเปล่งน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่มีทางซะล่ะ! ไม่ว่าใครก็ตามที่แตะต้องคนที่หนูรัก หนูจะสั่งสอนมันให้รู้ซึ้งถึงคำว่าเสียใจเอง!”
เธอกัดฟันและกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ท่านแม่วางใจเถอะ ต่อให้พวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหนู-”
ยังไม่ทันทีเสียงจะตกลง หลายสิบเงาดำก็ผุดออกมาอย่างกระทันหัน และพรวดเข้าหาซูเซี่ยเอ๋อจากทุกทิศทาง
ขณะเดียวกัน พื้นที่บริเวณโดยรอบของตระกูลหวง ก็ได้ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา
นับจากช่วงเวลานี้ไป ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในตระกูลหวง ภายนอกก็จะไม่มีทางล่วงรู้
ซูเซี่ยเอ๋อหันไปมองรอบๆ
เห็นแค่เพียงหลายสิบผู้ฝึกยุทธเริ่มพากันชักอาวุธออกมา ถลาตัวทั้งทิ่มทั้งแทงคมแหลมของมันมาที่เธอ
คนเหล่านี้เดิมทีเป็นคนที่คอยยืนอยู่เบื้องหลังของจ้าวมณฑลแต่ละคน พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว
และยังเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย
ทั้งหมดทุ่มพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสังหารอีกฝ่ายได้ในคราเดียว!
ในช่วงเวลาแสนอันตรายนี้เอง ซูเซี่ยเอ๋อก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ในที่สุด
ที่แท้ นี่ก็คือแผนของอีกแปดตระกูลที่คิดจะโค่นล้มตระกูลซูนี่เอง!
ซูเซี่ยเอ๋อยิ้มหยัน คทาในมือถูกกุมแน่น ปากอ้าขยับเพียงไม่กี่คำ
“จงตายให้หมด”
โผล๊ะ! โผล๊ะ! โผล๊ะ! โผล๊ะ!
ผู้ฝึกยุทธคนแล้วคนเล่าที่วิ่งเข้ามาทยอยกันระเบิดตัวแตก และกลายเป็นละอองเลือดเนื้อลอยคลุ้งในอากาศ
ฝนเลือดโปรยปรายลงมา
พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น
ฝูงชนเริ่มที่จะหวาดกลัวและตกอยู่ในความอลหม่าน
อย่างไรก็ตาม ซูเซี่ยเอ๋อกลับหาได้แยแสเสียงนกกาเหล่านั้นไม่ เธอเพียงวาดคทาออกไปยังเหล่าเศษซากศพ
เธอเอ่ยพึมพำอะไรบางอย่าง
และด้วยคำเอ่ยเพียงไม่กี่คำของเธอ หลายสิบร่างลวงตาที่กำลังจะผุดลุกขึ้นจากซากศพ ก็ได้ถูกหยุดด้วยพลังที่มองไม่เห็นและดึงตัวกลับมา
และหากลองสังเกตดีๆ คุณจะพบว่าร่างลวงตาหลายสิบเหล่านั้น ไม่แตกต่างไปจากกลุ่มผู้ฝึกยุทธเมื่อครู่เลย
นี่คือจิตวิญญาณของพวกเขา
ซูเซี่ยเอ๋อดูจะเกิดความชิงชังอย่างสุดแสน แม้กระทั่งจิตวิญญาณของพวกเขา เธอก็ไม่ยินดีที่จะปล่อยไป
“ไหนขอให้ฉันดูความทรงจำของพวกแกหน่อยซิ” ซูเซี่ยเอ๋อเปล่งเสียงกระซิบ
–คนเหล่านี้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของจ้าวมณฑล ดังนั้นทั้งหมดจึงได้คอยติดตามเหล่าจ้าวมณฑลอย่างใกล้ชิด มีหน้าที่รับผิดชอบให้พวกเขาปลอดภัย
ดังนั้น จิตวิญญาณเหล่านี้จะต้องล่วงรู้ถึงความลับมากมายแน่ๆ
ซูเซี่ยเอ๋อลอบสาบานอย่างลับๆว่าจะต้องหาคนที่วางกับดักพ่อแม่เธอให้จงได้!
หมอกสีเทาลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ และไม่ช้าก็รวมตัวกันเป็นบอลคริสตัล
ซูเซี่ยเอ๋อคว้าจับบอลคริสตัลและเริ่มทำการสำรวจไปหลายสิบฉาก
“เหล่าผู้ทรงพลังทั้งหลาย!” จ้าวมณฑลคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
“ทั้งหมดจงไปสังหารเธอซะ!” อีกจ้าวมณฑลสั่ง
ผู้ฝึกยุทธในสถานที่ดังกล่าว คนแล้วคนเล่าพากันโจมตีไปทางซูเซี่ยเอ๋อ
ทว่าช่างน่าฉงนนัก เพราะดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่และมองไม่เห็นคอยขัดขวางอยู่รอบตัวของซูเซี่ยเอ๋อ ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีเช่นไร มันก็ไม่อาจทำให้เธอและพ่อแม่ได้รับบาดเจ็บได้เลย
ซูเซี่ยเอ๋อยังคงก้มหน้า และเพ่งสมาธิดูบอลคริสตัลต่อไป
ภายในบอลคริสตัล ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุยกับฉากภาพเคลื่อนไหว ก็ล้วนแสดงออกมาพร้อมกัน
เกือบจะในทันที ความจริงของพ่อแม่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูเซี่ยเอ๋อ
เห็นแค่เพียงภายในบอลคริสตัล อีกแปดจ้าวมณฑลกำลังปรึกษาถึงเรื่องนี้กันอย่างลับๆ
“ซูเซี่ยเอ๋อปฏิเสธคู่ครองทุกคนที่พวกเราแนะนำไป” จ้าวมณฑลถอนหายใจ
“เธอคงไม่คิดจะแต่งงานกับผู้สืบทอดโดยตรงของพวกเรา”
“นั่นสิ”
“ทำไมถึงทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้!”
บังเกิดความวุ่นวายเล็กๆน้อยๆขึ้น
ใครคนหนึ่งตบลงบนโต๊ะ แล้วกล่าวด้วยความโกรธว่า “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ แต่เธอมักจะปฏิเสธที่จะร่วมมือกับพวกเราในทุกๆเรื่องเลย!”
อีกคนกล่าวอย่างใจเย็น “ในพิธีสืบทอดมรดก มีจ้าวมณฑลมากมายที่เลือกจะสืบทอดความแข็งแกร่ง แต่จากทั้งหมดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีเพียงซูเซี่ยเอ๋อเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับมาได้”
อีกคนกล่าวทันที “แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บความลับนั้นไว้ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลของมันแก่เรา!”
อีกคนหนึ่งกล่าว “หลังจากที่ได้กลายเป็นจ้าวมณฑล เธอก็ไม่เคยรับงานที่ได้มอบหมาย และไม่เคยมีส่วมร่วมเกี่ยวกับงานของเก้าตระกูลใหญ่เลย”
“สาวน้อยคนนี้ชักจะดื้อรั้น ไม่รู้จักใช้อำนาจที่มีมากเกินไปแล้ว”
“ฉันคิดว่าตาแก่ซูคงจะเลือกผิดซะแล้วล่ะ”
จ้าวมณฑลคนหนึ่งบ่น
อีกจ้าวมณฑลสรุป “ถ้าตาแก่ซูเลือกไม่ดี งั้นพวกเราก็ต้องหาวิธีแก้ไขมัน”
บรรดาจ้าวมณฑลข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า ระหว่างสนทนาต่างคนต่างจมหายไปในห้วงความคิด
เด็กสาวที่ได้รับการสืบทอดความแข็งแกร่ง …
เธอไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เธอยังล่วงรู้ถึงความลับที่ใช้ในการผ่านการสืบทอดในหนทางเลือกความแข็งแกร่งอีกด้วย
เธอมีค่ามากเกินกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้!
ผู้คนทั้งหลายเริ่มเค้นสมอง
ไม่นานนัก จ้าวมณฑลก็เปิดปากออกมาว่า “ซูเซิงเหวินกับภรรยาของเขาเป็นคนกระหายในอำนาจ และฉันคิดว่าพวกเขาคงจะดีใจมากกว่า ถ้าตนเองได้ขึ้นเป็นจ้าวมณฑล”
“เริ่มต้นด้วยพ่อแม่ของซูเซี่ยเอ๋องั้นหรอ? เป็นความคิดที่ดีนี่นา ว่าแต่คุณจะทำยังไงกัน?” อีกคนถาม
“เราจะบอกกับทั้งสองคนว่าซูเซี่ยเอ๋อน่ะยังเด็กเกินไป และในฐานะที่พวกเขาเป็นพ่อแม่ของเธอ พวกเราก็เลยจะสนับสนุนให้ซูเซิงเหวินขึ้นเป็นจ้าวมณฑลก่อน แล้วค่อยส่งต่อมันให้กับซูเซี่ยเอ๋ออีกที”
“สองคนนี้จะต้องมีความสุขแน่นอน ว่าแต่พวกเราจะยื่นเงื่อนไขอะไรให้พวกเขากัน?”
“เงื่อนไขก็เอาเป็น หลังจากที่พวกเขาได้กลายเป็นจ้าวมณฑล ทั้งสองคนจะต้องคิดหาวิธีให้ซูเซี่ยเอ๋อยอมแต่งงานกับหนึ่งในแปดตระกูลของพวกเราให้จงได้”
“ถ้าเป็นเงื่อนไขนี้ ฉันเห็นด้วย ไม่มีปัญหา”
จ้าวมณฑลหลายคนพยักหน้า
แต่แล้วบางคนก็ก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาทันใด “แล้วทำไมถึงไม่ลองใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ ควบคุมตระกูลซูทั้งหมดให้ตกอยู่ในมือของพวกเราแทนซะเลยล่ะ?”
ผู้คนในฉากชะงักไป
“ความหมายของคุณก็คือ … ” บางคนเอ่ยถาม
“ซูเซิงเหวินกับภรรยาของเขากระหายในอำนาจ แต่พวกเขาไม่ได้มีความสามารถ ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรในด้านนี้ ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาก้าวออกมาจากพื้นที่ตระกูลซู พวกเราก็จะใช้กำลังอันแข็งแกร่งของทั้งแปดมณฑล ลอบเข้าโจมตีและทำการควบคุมพวกเขาในคราวเดียว”
หนึ่งในจ้าวมณฑลขบคิด “งั้นพวกเราจะวางกับดัก แสร้งเชิญพวกเขาเข้ามาหารือเกี่ยวกับเรื่องของจ้าวมณฑลว่ายังไงดี”
อีกจ้าวมณฑลกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคิดมาก เพราะตราบใดที่ลูกสาวยังคงต่อต้านพวกเขา ยังไงพวกเขาก็จะต้องออกมาจากพื้นที่ของตระกูลตามคำเชิญของพวกเราอย่างแน่นอน”
บรรดาจ้าวมณฑลเริ่มจะรู้สึกตื่นเต้น
พวกเขาเริ่มจะคาดการณ์ และเฟ้นหาวิธีที่ดีที่สุดกันอย่างรวดเร็ว
“เป็นความคิดที่ดีนี่นา ควบคุมพวกเขาซะ แล้วทีนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรของตระกูลซูก็จะถูกตัดสินใจผ่านพวกเรา”
“ไม่เพียงแค่ซูเซี่ยเอ๋อจะไม่สามารถปกป้องพ่อแม่ของเธอได้ แต่พวกเรายังสามารถได้รับตัวเธอมาอีกด้วย”
….
เพล้ง!
บอลคริสตัลร่วงตกลงกับพื้น
ขณะที่ซูเซี่ยเอ๋อยังคงยืนอยู่กับที่
ซูเซิงเหวินลังเล อธิบายแห้งๆว่า “เซี่ยเอ๋อ จริงๆแล้วพวกเราหวังดีกับเจ้า … ”
“หวังดีกับหนู?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยทวนซ้ำด้วยน้ำเสียงราวกับเครื่องจักร
มาดามซูเร่งเอ่ย “ใช่แล้วล่ะเซี่ยเอ๋อ พวกเราหวังว่าเจ้าจะได้มีที่พักพิงดีๆไง”
“หนูไม่เข้าใจจริงๆ” ซูเซี่ยเอ๋อพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “หนูอุตส่าห์ไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับตระกูล และมอบทั้งหมดให้พ่อแม่คอยดูแล เท่านี้ก็ยังไม่เพียงพออีกหรอ?”
ซูเซิงเหวินและมาดามซูเหลือบมองกันวูบหนึ่ง
มาดามซูคว้าจับสองมือของลูกสาวและกล่าว “เซี่ยเอ๋อ ในเมื่อเจ้าไม่คิดจะทำอะไรอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ส่งเสื้อคลุมดวงดาราที่เป็นสัญลักษณ์ของจ้าวมณฑลมาล่ะ แล้วพวกเราจะทำให้ทุกๆอย่างมันถูกต้องเอง”
ซูเซี่ยเอ๋อพอได้ฟังก็ตกใจ
เสื้อคลุมดวงดารา …
นับตั้งแต่ที่เธอเข้าสู่เกาะหมอก สมบัติชิ้นแล้วชิ้นเล่าของเธอก็ค่อยๆทยอยถูกทิ้งไป
เสื้อคลุมนี้เป็นเพียงสมบัติเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ
มันคือความทรงจำของเธอ ที่คอยย้ำเตือนว่าเธอกำลังต่อสู้กับโชคชะตา
แต่ตอนนี้ กระทั่งเสื้อคลุมก็ยังมีคนคิดจะฉกชิงมันไปจากเธอ
นี่เธอจะไม่สามารถรักษาอะไรไว้ได้เลยหรือ?
โดยไม่ทันรู้ตัว น้ำใสๆก็เริ่มเอ่อล้นในดวงตา
มันบดบังจนตลอดทั้งวิสัยทัศน์จนเกือบจะมองไม่เห็น
ซูเซี่ยเอ๋อรีบปาดน้ำตาของเธออย่างรวดเร็ว
‘อย่าร้องไห้นะ’
‘สาบานเอาไว้แล้วไม่ใช่หรอว่าจะไม่ร้องไห้ง่ายๆอีกต่อไป’
ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว
แล้วทำไมถึงต้องร้องไห้อีก?
ทำไมกัน?