หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.491 – สุสานแห่งโลก
มอนสเตอร์ยักษ์นำพาซูเซี่ยเอ๋อทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน ออกจากสถานที่แห่งนั้นไป
ณ ลานกว้างตระกูลหวง
ฉากที่พลุกพล่านและคึกคักไปด้วยผู้คนกลับกลายเป็นความเงียบที่ฟุ้งไปด้วยความตาย
ที่แห่งนี้คือผืนป่าส่วนบนเขตชานเมืองของเมืองหลวง ซึ่งเป็นในส่วนของคฤหาสน์ตระกูลหวง
แต่ในเวลานี้ ตลอดทั้งอาณาเขตคฤหาสน์ ทุกที่กลับถูกปกคลุมไปด้วยซากศพ แขนขาในสภาพไม่สมบูรณ์ เลือดไหลนองไปทั่ว
สายลมพัดพากลิ่นเลือดอันหนาแน่นโชยไกลออกไป
แล้วจู่ๆก็บังเกิดเสียงแปลกๆดังขึ้นทันใด
“นี่มันกลิ่นเลือด กลิ่นอันหอมหวาน ดูเหมือนว่าเราจะมาถึงแล้ว … ”
“มาถึงโลกมนุษย์”
ด้วยเสียงนี้ พื้นดินส่วนหนึ่งของสวนก็เริ่มยุบตัวลง
พร้อมกับสิ่งมีชีวิตที่ตลอดทั้งร่างเป็นสีเทาดำค่อยๆคืบคลานออกมา
มันดูเหมือนเป็นมนุษย์ก็จริง แต่มันไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
เนื่องจากผิวของมันทั้งหมดเป็นสีเทา แขนขาเรียวยาวคล้ายกิ่งไม้ ส่วนมือและเท้าเป็นกรงเล็บแหลม
ขณะที่ดวงตา ปาก และจมูกของมัน มักจะไพ่เปลวไฟปะทุออกมาเป็นครั้งคราว
มันคือผีร้าย เป็นกูลเขมือบวิญญาณที่กล่าวได้ว่าชอบกินวิญญาณเป็นอาหารดังชื่อของมัน
ผีร้ายกางกงเล็บยาวเหยียดของมันออก และจิกเอาหัวมนุษย์ที่ตกอยู่บนพื้นดินขึ้นมา
กูลเขมือบวิญญาณจ้องมองดูหัวของคนตาย
น่าเสียดายจริงๆที่ไม่มีจิตวิญญาณอยู่ในนั้น
มันเป็นผีร้าย ดังนั้นจึงไม่สามารถกินสิ่งที่ไม่มีวิญญาณได้
กูลเขมือบวิญญาณคืบคลานเข้ามาในลานกว้าง
แล้วมันก็พบกับอีกศพหนึ่งบนพื้นดิน
แต่ทั้งตัวศพกลับไม่มีจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่เลย
กล่าวอีกความหมายนึงก็คือ แม้จะมีศพเหล่านี้อยู่ แต่มันก็ไม่สามารถกินได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กูลก็เริ่มที่จะรู้สึกรำคานเล็กน้อย
มันก้มหน้าลง แล้วใช้สองตากวาดไปตลอดทั้งสวน
“หือ?”
เปลวไฟลุกโชนขึ้นทันใด ในแววตาของผีกูลเปลี่ยนเป็นคมชัด
เพราะมันได้พบกับสองคู่รอยเท้าสีแดงสดที่วิ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ผีกูลจึงเริ่มคืบคลานอย่างรวดเร็ว ไล่ตามสองรอยเท้านี้ไป
การเคลื่อนไหวของมันช่างคล่องแคล่วยิ่งนัก มันออกจากลานกว้างไปอย่างรวดเร็ว และไม่นาน มันก็สามารถมาขวางสองชายหญิงที่อยู่บนทางเดินคฤหาสน์ได้สำเร็จ
ทั้งชายหญิงที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความปิติยินดี จู่ๆก็ถูกขวางเอาไว้โดยสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด
ผู้หญิงกรีดร้องออกมาในทันใด
“คนเป็นๆ … อาหาร .. ”
กูลเผยอปาก พร้อมกับเปลวไฟที่หยดย้อยลงจากปากของมัน
นี่คือน้ำลาย
“ตายซะไอ้สัตว์ประหลาด!” มนุษย์ผู้ชายโบกสะบัดเสื้อคลุมสีดำของเขา
ทว่าน่าเสียดาย ที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ผู้ชายร่ำร้องออกมา
ว่ากันว่าโดยปกติแล้ว จ้าวมณฑลที่สวมใส่เสื้อคลุมดวงดาราจะมีผู้พิทักษ์คอยปกป้องอยู่
แต่ตอนนี้ … ผู้พิทักษ์กลับไม่ปรากฏตัวออกมา?
ใช่แล้วล่ะ-
ในตอนที่ซูเซี่ยเอ๋อได้สังหารหมู่แปดจ้าวมณฑล บนร่างกายของพวกเขาก็สวมใส่ชุดคลุมดวงดาราเอาไว้เช่นกัน
แต่เพราะเหตุใด … ท่านผู้พิทักษ์จึงไม่ปรากฏตัวออกมากัน?
ซูเซิงเหวินเริ่มใช้สมองขบคิดอย่างรวดเร็ว
แต่ผีกูลก็ดูเหมือนจะไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป มันกระโจนมายังทั้งสองอย่างรวดเร็ว
เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง มนุษย์ผู้ชายก็ได้ระเบิดศักยภาพที่ตนไม่เคยเผยมาก่อนออกมา
-เขาคว้าร่างของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ และผลักเธอไปยังทิศทางของผีกูล!
“อย่าได้ตำหนิฉัน ฉันเป็นจ้าวมณฑล ดังนั้นฉันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!” ซูเซิงเหวินหันหลังกลับและวิ่งหนีไป
ขณะที่ผู้หญิงร่ำร้องอย่างหมดหวัง “ซูเซิงเหวิน! ต่อให้ฉันต้องกลายเป็นผี ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”
“ผีหรือ?”
พอได้ยินคำนี้ ผีกูลก็พึงตระหนักได้ถึงภารกิจของตน
ผีกูลชะงักมือค้างกลางอากาศอย่างรวดเร็ว และตกลงเบื้องหน้าของผู้หญิง
มันเผชิญหน้ากับผู้หญิง ปากเอ่ยกล่าวออกมา “เจ้าจะเป็นผี หรือว่าจะเป็นอาหาร จงเลือกมา”
ผู้หญิงซึ่งกำลังหมดหวัง แต่หลังจากที่ได้ยินคำนี้ ก็ราวกับเห็นถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เธอไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดใดๆ
“ฉันจะเป็นผี! ฉันยินดีที่จะเลือกเป็นผี!” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวซ้ำๆ
ผีกูลพยักหน้าด้วยความพอใจ
มันย่ำฝีเท้าอย่างนุ่มนวล และกระโจนไปคว้าจับผู้ชายที่กำลังหลบหนีไป
ผู้ชายคนนั้นตกใจ และคว้าปืนพกขนาดเล็กขึ้นมา
ปัง!
กระสุนเหล็กปะทะเข้ากับร่างผีกูล แต่มันก็กระเด็นออกไปโดยตรง
ขณะที่อุ้งเล็บเท้าของผีกูลค่อยๆแทงออกไปเบาๆ
แล้วร่างของมนุษย์ผู้ชายก็เชื่อมติดเข้ากับกรงเล็บของผีกูล
“อ้าาาา!” ผู้ชายคนนั้นร้องโหยหวน
แต่เขาไม่มีหนทางใดที่จะต่อต้านกรงเล็บของผีกูลได้เลย
ผีกูลนิ่งไปครู่หนึ่ง
นิ่งไปจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่สามารถก่อภัยคุกคามใดๆต่อตนเองได้ มันจึงหยุดลงในที่สุด
มนุษย์ … ช่างเปราะบางและอ่อนแอเสียจริงๆ
เมื่อบังเกิดความคิดนี้วาบเข้ามาในจิตใจของผีกูล
มันก็คว้าจับผู้ชายที่เอาแต่ร้องโหยหวนและกลับไปหาผู้หญิง
“จงฆ่าเขาและกลายเป็นผีซะ”
กูลกล่าวกับผู้หญิง
ผู้หญิงทั้งคนทั้งร่างสั่นสะท้าน ปากงึมงำด้วยความสิ้นหวัง “ฉัน … ฉัน … ”
แต่ผู้ชายก็ร้องขอความเมตตาออกมา “อย่าฆ่าฉัน! ฉันเป็นสามีของเธอนะ!”
ทว่าประโยคนี้กลับได้ผลตรงกันข้าม มันกระตุ้นผู้หญิงอย่างแรง เธอเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ “สามีงั้นหรอ? แล้วเมื่อกี้นี้คุณทำอะไรกับฉัน?”
ณ ขณะนี้ กล่าวได้ว่าเธอรู้สึกหดหู่อย่างแท้จริง
ทั้งหมดที่ตัวเธอทุ่มเทไปก่อนหน้านี้ มันเพื่ออะไรกันแน่?
ถึงแม้ว่าตนจะสามารถคว้าเอาชายที่มีทั้งอิทธิพลและอำนาจชนิดหาตัวจับได้ยากในโลกใบนี้มาไว้ในครอบครองได้ แต่ในเวลานี้เธอกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนต่ออีกฝ่ายอย่างแท้จริง
มันคงจะดีกว่า … ถ้าไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก
ความสัมพันธ์ …
“จิ๊ … ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว เพราะฉันไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับแกอีก”
นี่คือสิ่งที่ลูกสาวของเธอพูดออกมา
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ในช่วงเวลาที่หมดสิ้นซึ่งความหวัง จู่ๆเธอก็นึกถึงลูกสาวของตัวเองขึ้นมา
เหตุการณ์ในอดีตทยอยกันวาบผ่านเข้ามาในความทรงจำ
ลูกสาวที่อ่อนแอเอ๋ย
ลูกสาวที่น่าสงสาร
ลูกสาวที่ไม่เคยจะสนใจถึงเรื่องของอำนาจและอิทธิพล
-แม่หวังว่าลูกจะดูแลตัวเองได้นะ
ทุกชนิดของความอาทรได้ปรากฏขึ้น ความห่วงใยที่ในห้วงอดีตตนเองคิดว่ามันมิใช่สิ่งที่จำเป็นเสมอมา
แต่ในเวลานี้ …
ตัวเธอเองได้สูญเสียมันไปแล้ว มิอาจดูแลลูกสาวได้อีกตลอดกาล
มาดามซูส่ายหัว รอยยิ้มไร้ความปราณีผุดขึ้นมา
เธอคว้าปืนจากมือของซูเซิงเหวิน
“ฉันผิดไปแล้ว อย่าฆ่าฉัน! เร็วเข้า! คฤหาสน์นี้อยู่ไกลเกินไป เธอจะต้องตะโกนให้สุดเสียงถึงจะขอความช่วยเหลือได้นะ!!” ซูเซิงเหวินยังคงร้องขอความเมตตา
“ไม่หรอก ฉันจะไม่ฆ่าคุณ เพราะฉันไม่อยากจะให้มือของตัวเองต้องสกปรก” มาดามซูกล่าวอย่างสงบ
แล้วเธอก็ค่อยๆยกปืนขึ้นมา จี้ปลายกระบอกเข้ากับขมับของตัวเอง
เซี่ยเอ๋อ ลูกสาวสุดที่รัก
แม่ขอโทษ
ปัง!
ร่างของมาดามซูทิ้งตัวลง
โฮกกก!
ผีกูลที่กำลังเฝ้ามองฉากตรงหน้าคำรามคลั่ง
มันไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมของมนุษย์โดยสมบูรณ์
มนุษย์ .. เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนจะซับซ้อน ตามที่บันทึกในสมัยโบราณว่าเอาไว้จริงๆ
—ช่างแม่งเถอะ หิวแล้ว ขอเติมเต็มกระเพาะก่อนก็แล้วกัน
ดวงตาของผีกูลสลับไปมาระหว่างชายหญิง
ผู้หญิงได้ตายไปแล้ว
จิตวิญญาณก็จากไปแล้วเช่นกัน
ดังนั้น ดวงตาของผีกูลจึงมาตกลงมาร่างของผู้ชาย
มันค่อยๆอ้าปากที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟขึ้น แล้วงับ! กัดกระชากแขนของผู้ชายอย่างแรงจนขาดกระเด็น
เลือดไหลทะลักออกมา
“อ๊ากกกกกกกก”
ชายคนนั้นกรีดร้องเสียงดังยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก
ทว่าผีกูลกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน
ห้วงสติและอารมณ์ของมันกำลังแช่อยู่กับความเอร็ดอร่อยของอาหาร
เนื้อหนังสดๆที่มีจิตวิญญาณ!
นี่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อร่อยที่สุด นับตั้งแต่ที่มันได้กินมาในช่วงหลายร้อยปี
ผีกูลอ้าปากอีกครั้ง และเริ่มงับ! ตามด้วยกระชากอย่างรวดเร็ว
มันกัดกินจิตวิญญาณและร่างกายของผู้ชาย ทั้งๆที่อีกฝ่ายยังคงมีชีวิตอยู่
….
ในขณะเดียวกัน
ณ ขั้วโลกเหนือ
บนจุดสูงสุด
กระท่อมได้ถูกทำลายลงไปแล้ว
ผู้พิทักษ์แห่งเก้าตระกูลใหญ่นอนหมอบอยู่กับพื้น คล้ายกำลังใกล้ตาย
เธออาเจียนออกมาเป็นเลือด ปากเอ่ยถามอย่างไม่ยินยอม “สถานที่แห่งนี้เป็นโลกกระจัดกระจายชัดๆ มันอยู่ในมุมที่แสนธรรมดา นอกสุดห้วงจักรวาล แล้วทำไมกัน-”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “ก็เพราะว่าที่นี่มันธรรมดาน่ะซี ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่ามันเป็นที่ซ่อนของสุสานแห่งโลก”
“สุสานแห่งโลก … ” ผู้พิทักษ์กล่าวด้วยความสับสน
อีกเสียงหนึ่งเอ่ยหยันออกมา “ยังไงก็ตาม ในเมื่อเจ้าเจอพวกเรา และได้ยินถึงสิ่งนี้แล้ว ดังนั้นก็ควรตายซะ”
คมแหลมของน้ำแข็งชี้มาทางหัวของผู้พิทักษ์เก้าตระกูล
ผู้พิทักษ์แห่งเก้าตระกูลรู้ว่าตนจักต้องตกตายเป็นแน่ เธอจึงเร่งตะโกนออกไปในอากาศที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว “ข้าอนุมัติ! ปลดปล่อยพันธนาการทั้งหมดของเจ้า จงดูแลเธอให้ดี!”
ทันทีที่เสียงนี้ตกลง ทั้งคนทั้งร่างของเธอก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ
กระแสลมหอนของขั้วโลกเหนือพัดกระพือ ปัดเป่าเศษเลือดเนื้อที่ถูกสับหายไปในพริบตา
หลังจากนั้นไม่นาน
อีกเสียงก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้น “ประโยคสุดท้ายที่มันพูดออกมา หมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่รู้สิ ก็แกรีบฆ่ามันเกินไปนี่”
“เหอะ คงไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้นแหละ อย่ากังวลไปเลย”
แล้วพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ตกลงแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”
“ยังไม่มีวิธีตรวจสอบที่แน่ชัด แต่โลกแห่งนี้พึ่งเกิดการผสานรวม ดังนั้นเลยอาจจะเกิดความผันผวนขึ้นได้”
“อ่า เราก็มาสำรวจกันอีกครั้งเถอะ ถ้าหากที่นี่เป็นสุสานแห่งโลกจริงๆแล้วล่ะก็ … ”
…
ในห้วงจักรวาล
ภายในป้อมปราการดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า
บนจอม่านแสงขนาดใหญ่ การศึกษาวิจัยได้มาอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
“โปรเจ็ค : การวิจัยกฏเกณฑ์ขั้นสูงและการยับยั้งพลังงานของโลก”
“ความคืบหน้างานวิจัย : 99.999999%”
“ระยะเวลาการวิจัยขยายออกไปไม่มีกำหนด”
“ข้อสรุป : สูตรสุดท้ายจะต้องได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยบางอย่าง และไม่สามารถที่จะจบการศึกษาวิจัยโดยสมบูรณ์ได้ในเวลานี้”
“เตรียมรายงานต่อบุคคลวงในทั้งสอง”
แต่แล้วจู่ๆ ตัวอักษรบนจอม่านแสงก็นิ่งงันไปอย่างกระทันหัน
ตลอดทั้งยานอวกาศจมลงสู่ความเงียบ
หลงเหลือเพียงบรรทัดแสงตัวอักษรใหม่ที่ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสงอย่างต่อเนื่อง
“ได้รับคำสั่งจากเจ้านายผู้มีอำนาจสูงสุด”
“คำสั่งนี้ ถือเป็นคำสั่งสุดท้ายก่อนสิ้นใจ
“เนื้อหาของคำสั่ง : ปลดปล่อยพันธนาการ”
“คำร้องของคำสั่ง : จงปกป้องซูเซี่ยเอ๋อ”