ในมิติที่ว่างเปล่า
สงครามตกอยู่ในสภาวะเลวร้ายสุดขีด
ชั่วขณะหนึ่ง จู่ๆมารที่แท้จริงก็ถอยทัพกลับไปในเวลาเดียวกัน
การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างกะทันหันนี้ ส่งผลให้เหล่าตัวตนทรงอำนาจต่างเพิ่มความระมัดระวังขึ้นทันที
“พวกมันเตรียมจะปลดปล่อยเทคนิคอะไรหรือเปล่า?” แบรี่ถุยฟองเลือดและเอ่ยถาม
“อ้าว นี่เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ?” จอมมารทะเลเลือดกล่าวพลางอ้าปากหอบหายใจ
แล้วเขาก็พาตัวแบรี่ถอยกลับมาข้างกายเสี่ยวเหมียว
“นี่แกคิดจะทำอะไร?” แบรี่สงสัย
“เจ้าหลุดจากสภาวะต่อสู้แล้ว ข้าจึงพาเจ้ากลับมายังกำแพงทะเลเลือดของข้า เพื่อให้มันใช้ปกป้องเจ้า” จอมมารทะเลเลือดกล่าวอย่างจริงจัง
แบรี่มึนงงทันใด
จริงสิ ช่วงเวลาใดก็ตามที่เขาอยู่ในสภาวะต่อสู้ ไม่ว่ายังไงตัวเองก็จะไม่ตาย แต่ตอนนี้ทั้งศัตรูและตนเองได้ถูกแยกออกจากกันแล้ว ดังนั้นสภาวะต่อสู้ของเขาจึงยุติลง
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ดูเหมือนว่าจริงๆแล้วทะเลเลือดเองก็ดูจะใส่ใจเขาอยู่เหมือนกัน
แบรี่ก้มลงมองไปยังถุงมือเหล็กของเขา
และพบว่าตลอดทั้งถุงมือ บัดนี้แตกร้าว เสียหายไปแล้วโดยสมบูรณ์
การต่อสู้ในครั้งนี้มันดุเดือดมากเกินไป เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองได้สังหารศัตรูไปมากเท่าไหร่แล้ว
จากนี้ไป การต่อสู้คงจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น และตนเองคงจะไม่สามารถปกป้องบางคนที่อยู่เบื้องหลังได้อีกต่อไป
ให้ตายเถอะ!
ทำไมมารที่แท้จริงมันถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้นะ!
แบรี่ลอบสบถในจิตใจ
เสี่ยวเหมียวเอ่ยปากขึ้นทันใด “ทุกคนระวังตัวให้ดี! ฉันสัมผัสได้ว่ารอยแยกมิติกำลังขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และที่พวกมารที่แท้จริงมันถอยกลับไป ก็เป็นเพราะต้องการปกป้องรอยแยกมิติที่ว่านั่น!”
ข้ามูลนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสนามรบอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเหล่าผู้คนมองไปยังมารที่แท้จริง…พวกเขาก็พบว่าพวกมันกำลังตั้งแนวป้องกันอย่างเต็มที่ ชนิดที่ว่าต่อให้ตายก็จะไม่ยอมละทิ้งตำแหน่งของตนเองไป
ชายแก่คนหนึ่งบินเข้ามา และเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา “แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันต่อดี?”
เสี่ยวเหมียวถอนหายใจ “ในส่วนนี้ฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย อีกฝ่ายที่กำลังผ่ารอยแยกมิติมาแข็งแกร่งเกินไป ฉันไม่สามารถปิดกั้นการมาถึงของเขาได้”
“นั่นเจ้ากำลังจะบอกว่า…”
“ใช่ จอมมารที่แท้จริงกำลังจะมาแล้ว”
ทุกคนจมลงสู่ความเงียบ
จอมมารที่แท้จริง…ตัวตนทรงอำนาจมากที่สุดในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น กำลังจะก้าวเข้าสู่สนามรบ!
แต่ในจังหวะนั้นเอง ทั้งหมดก็ราวกับตระหนักได้ถึงบางสิ่งพร้อมๆกัน
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับหลังไป
เห็นแค่เพียงต้นไม้ใหญ่ปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งเบื้องหลังของพวกเขา
มันคือต้นไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุด เป็นการดำรงอยู่อันแข็งกร้าวในโลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้น
“นั่นรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม!”
“มันมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“แปลกจัง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ารุกขชาติศักดิ์สิทธิ์จะเข้ามามีส่วนร่วมในสงครามด้วย แต่จู่ๆ มันกลับปรากฏขึ้นที่นี่”
“ฉันรู้แล้ว! นี่จะต้องเป็นกำลังเสริมจากอาณาจักรหนามแน่ๆเลย!”
ผู้คนเริ่มร้องตะโกนออกมา
ยังไงก็ตาม ถึงจะบอกว่าเป็นกำลังเสริมก็เถอะ แต่ทำไมถึงไม่เห็นคนของทางฝั่งอาณาจักรหนามเลยล่ะ?
ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย บนรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม ใบสีมรกตทั้งหมดบนต้นของมันพลันสาดแสงขึ้นพร้อมกัน
บนใบไม้ ปรากฏถึงรอยแยกมิติเล็กๆที่ถูกเปิดออก
ตามต่อด้วยสมบัตินับไม่ถ้วน สาดประกายแสงพร่างพราวบินออกมาจากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์
ส่งผลให้ฉากนี้ราวกับพายุแสงกระหน่ำ
และคล้ายกับว่าสมบัติเหล่านี้มีจิตนึกคิดเป็นของตนเอง มันกระจายไปยังตัวตนทรงอำนาจในสายอาชีพต่างๆ
นักดาบจะไม่ได้รับกระบี่
นักสู้จะไม่ได้รับไม้เท้ามนตรา
มืออาชีพชายจะไม่ได้รับเกราะรบหญิง
แต่ทุกคนจะได้รับไอเท็มที่เหมาะสมกันกับตนเอง
เห็นแค่เพียงหินสีแดงเข้มก้อนหนึ่งที่ส่องแสงระยิบระยับ ลอยตกลงมาเบื้องหน้าจอมมารทะเลเลือดอย่างเงียบๆ
จอมมารทะเลเลือดลองชี้นิ้วสัมผัสลงบนหิน
วินาทีต่อมา สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนกลับกลาย และคว้าจับมันอย่างไม่ลังเล
ทันใดนั้นหินสีแดงเข้มก็ผลุบหายเข้าไปในร่างกายของเขาทันที
พริบตานั้น ทั้งคนทั้งร่างของจอมมารทะเลเลือดก็สั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ
“เฮ้ เป็นอะไรไป?” แบรี่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
จอมมารทะเลเลือดกล่าว “นี่คือหินแห่งปัญญานิรันดร์ มันจะปรากฏขึ้นเฉพาะแค่ในส่วนลึกของดินแดนอัศจรรย์ เป็นสิ่งที่ยากนักจะพบเจอ”
“ยังไงก็ตาม หากได้พบกับมันแล้วล่ะก็ อำนาจมนตราที่สูญเสียไปของคนผู้นั้นจะถูกฟื้นฟูกลับคืนทันที นอกจากนี้ปริมาณของอำนาจมนตรายังเพิ่มสูงขึ้นถึงหนึ่งในสิบส่วนอย่างถาวรอีกด้วย!”
“แต่นี่มัน…”
“อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ นี่คือสมบัติของอาณาจักรหนาม” จอมมารทะเลเลือดกล่าวด้วยอารมณ์ “ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็เข้าร่วมสนับสนุนในสงครามครั้งนี้ด้วย”
เสี่ยวเหมียวกล่าว “แต่ตามข้อมูลที่ฉันได้รับมา ราชาและราชินีแห่งอาณาจักรหนามได้ตายไปแล้วตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงคราม บางทีที่สมบัติมากมายของพวกเขาถูกส่งออกมานี้ มันอาจจะเป็นเพียงเพื่อการแก้แค้นก็ได้นะ”
ว่าจบ เธอก็ยกกระบองสั้นที่เพิ่งได้รับขึ้นมา
รอบๆกระบองสั้น ฟุ้งไปด้วยมิติที่ฉีกขาด สั่นสะเทือน บิดเบี้ยว และแตกร้าว
‘กระบองกายสิทธิ์ มิติสิ้นโลกของสรรพชีวิต’ เสี่ยวเหมียวถอนหายใจ “ฉันเคยคิดว่าเจ้าสิ่งนี้มันมีอยู่แค่ในตำนานเสียอีก ไม่นึกเลยว่ามันจะถูกเก็บเอาไว้ในรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงไม่มีใครสามารถค้นพบมันได้”
“ถ้าแม้กระทั่งกระบองกายสิทธิ์ในตำนานก็ยังถูกนำออกมา…ดูเหมือนว่าวิหคนามจะโกรธแค้นมากจริงๆ” จอมมารทะเลเลือดครุ่นคิด
แบรี่ไม่เอ่ยคำใด
เพราะเวลานี้ เขากำลังจ้องมองไปยังอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าตนเองด้วยความประหลาดใจ
ปรากฏให้เห็นถึงถุงมือหนังคู่หนึ่งที่สาดแสงทะมึน ลอยอยู่บริเวณหน้าอกของเขา
แบรี่เพ่งสำรวจถุงมือหนังนี้ ก่อนจะก้มลงมองถุงมือเหล็กที่แตกร้าวไปทั่วของตน -เขารีบเปลี่ยนมันทันทีอย่างไม่ลังเล
เพียงสวมใส่ถุงมือคู่ใหม่ ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็ระเบิดพลังออกมาจนสั่นสะท้าน
ขณะเดียวกัน ก็บังเกิดสะเก็ดไฟปะทุขึ้นมาเป็นระยะๆ จากรอบตัวของถุงมือหนังสีดำ
แบรี่เหวี่ยงกำปั้นของเขาออกไปเบาๆ
เปรี้ยง!
เปลวไฟลุกไหม้ขึ้นในมือของเขา!
“‘สิ่งประดิษฐ์เทวะที่สามแห่งเปลวเพลิง เถ้าแห่งมังกรมนตรา’ นี่มันสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันถึงเสมอมา…” แบรี่กล่าวเสียงกระซิบ
แล้วเจ้าตัวก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เขายกศีรษะขึ้น
เห็นแค่เพียงชุดเกราะสีเข้มตกลงมาจากฟากฟ้า กำลังแยกตัวออกเป็นหลายสิบชิ้น และประกบเข้าตามร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
แบรี่ในสภาพสวมเกราะรบทั้งตัวชูกำปั้นของเขาขึ้น และพยายามรับรู้ถึงมันอย่างเงียบๆ
“ตอนนี้ ขอบอกเลยว่าหากใครคิดจะหยุดฉัน ก็คงฉุดไม่อยู่แล้ว”
เสียงแหบห้าวของเขาดังออกมาจากเบื้องหลังเกราะหมวก
ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
ชุดเกราะรบนับไม่ถ้วน อาวุธ และสมบัติมากมายร่วงลงจากฟากฟ้า ไอเท็มชิ้นแล้วชิ้นเล่าลอยไปหาผู้ที่เหมาะสมจะใช้งานพวกมัน
ท่ามกลางสนามรบ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นแบรี่ เสี่ยวเหมียว หรือจอมมารทะเลเลือด ต่างก็ได้รับสมบัติอันแสนเหลือเชื่อ
“นี่มันจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว!”
“จะต้องเป็นราชวงศ์หนามแน่ๆ! นอกเหนือไปจากพวกเขาแล้ว คงไม่มีใครสามารถสั่งการให้รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือได้อีก!”
“ขอบคุณนะวิหคหนาม!”
หลายคนตะโกนสรรเสริญออกมา
ในแนวหน้า ตัวตนทรงอำนาจเกือบทั้งหมด ความแข็งแกร่งของพวกเขาทวีสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ผู้หญิงคนที่ตลอดทั้งร่างของเธอกำลังสาดแสงขาวบริสุทธิ์ออกมา ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
เธอเปล่งเสียงด้วยความยินดี “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของอาณาจักรหนาม ที่ทำให้ตอนนี้พลังทั้งหมดของข้าสามารถฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว ช่างมาได้ถูกจังหวะดีจริงๆ”
ว่าจบ เธอก็เริ่มขับขานบทเพลงออกมาเบาๆ
เสียงอันไพเราะและอ่อนโยนของเธอ ก้องกังวานไปตลอดทั้งโลกหลายสิบชั้นจากรอบตัว
ท่ามกลางการขับขาน ม่านแสงเจ็ดสีก็เริ่มผุดออกมาจากในมิติที่ว่างเปล่า
ภายใต้การกวาดผ่านของม่านแสงนี้ ปรากฏถึงกลุ่มฟองอากาศเล็กๆ ลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทั้งชั้นอากาศแลดูคล้ายกำลังตกอยู่ในห้วงทะเล
ขณะเดียวกัน เหล่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ก็ถูกม่านแสงเหล่านั้นปกคลุมอย่างรวดเร็ว
ต่อมา บาดแผลตามร่างกายของพวกเขาก็เริ่มที่จะถูกฟื้นฟู คำสาปชั่วร้าย และเทคนิคมนตราอันแข็งกร้าวถูกปัดเป่าไปในทันที
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เหล่าผู้ที่ได้รับจากเจ็บสาหัสตลอดทั้งสนามรบ ก็ได้รับการรักษาจนเรียกคืนความสามารถในการเคลื่อนไหวกลับมาได้อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่หายดี แต่เงาแห่งความตายก็ได้สลายไปจากตัวพวกเขาแล้ว
พวกเขาได้ถูกช่วยชีวิตเอาไว้!
และทันใดนั้นบนรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม สมบัติอีกระลอกก็ลอยออกไปทันที
สมบัติเหล่านั้นเลือกเจ้านายที่เหมาะสมกับตนเองอย่างรวดเร็ว
ฝูงชนระเบิดเสียงไชโยออกมาเป็นครั้งคราว
ไม่ช้า ทุกคนก็หันไปมองเหล่ามารที่แท้จริง
ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของทุกคนพุ่งสูงขึ้น แถมอาการบาดเจ็บก็ยังได้รับการรักษาระดับหนึ่งแล้ว
ดังนั้น มันถึงเวลาที่จะโต้กลับสักที!
“มาลุยกันต่อเถอะ” แบรี่กระแทกสองกำปั้นของตนเอง จนเกิดประกายสะเก็ดไฟลุกไหม้
“ลุยก็ลุยสิ!” เสี่ยวเหมียวตะโกน กระบองสั้นหมุนควงไปตามนิ้วมือของเธอ
“ไปกันเลย!” จอมมารทะเลเลือดเริ่มจั่วไพ่ออกมา และประสานพวกมันเข้าด้วยกันอย่างว่องไว
“ไป!! ฆ่าพวกมันซะ!!!”
ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกัน
จ้าววงการจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น ตัวตนทรงอำนาจจากในแต่ละอาณาจักร และเหล่าพันธมิตร ต่างพร้อมใจกันเปิดฉากโจมตี
พวกเขาสับฝีเท้าด้วยกำลังทั้งหมดที่มี พุ่งเข้าไปในช่องว่างมิติที่กำลังเปิดออก เปิดฉากสงครามเต็มกำลัง!
พวกเขาจะต้องโค่นระบบของราชามารลงให้จงได้!
อีกด้านหนึ่ง มารที่แท้จริงกำลังเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ
พวกมันกำลังเฝ้ารอคอยคนที่กำลังจะมาถึง
“ไม่สำคัญหรอกว่าศัตรูจะได้รับอาวุธอะไรมา เพราะเจ้านายกำลังจะมาถึงแล้ว” มารที่แท้จริง ผู้เพาะพันธุ์อสูรกล่าวเสียงกระซิบ
“ใช่แล้วล่ะ ปล่อยให้เจ้าพวกมนุษย์มันตื่นเต้นกันไปก่อน เดี๋ยวอีกไม่นานพวกมันก็จะตกอยู่ในความสิ้นหวัง และเจ็บปวดทรมานอย่างไม่รู้จบเอง” มารที่แท้จริงอีกตนแสยะยิ้มหัวเราะ
มารที่แท้จริงตนอื่นกล่าว “รอก่อนเถอะเจ้าพวกมนุษย์ อีกเดี๋ยวความไร้เดียงสานั่นของพวกเขาก็จักถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ!”
‘จอมมารที่แท้จริง’ คือการดำรงอยู่ที่ใกล้เคียงที่สุดกับราชามาร ตราบใดที่เขาย่างกรายเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ทิศทางแนวโน้มของสงครามทั้งหมดก็จะเปลี่ยนแปลงไปทันที
และแล้วในวินาทีถัดมา สีหน้าของมารที่แท้จริงก็แปรเปลี่ยนพร้อมกัน
เบื้องหลังพวกมัน รอยแยกมิติยักษ์ใหญ่เริ่มแหวกออก และคืบคลานอย่างบ้าคลั่ง
คล้ายกับว่ามีบางอย่างกำลังดิ้นรนอยู่เบื้องหลังรอยแยกนี้ และพยายามที่จะเจาะมิติทั้งหมดเพื่อปรากฏกายออกมา
อำนาจอันยิ่งใหญ่กวาดกระจายไปตลอดทั้งสนามรบ
เหล่าตัวตนทรงอำนาจ กระทั่งแบรี่ก็ยังชะงักไป
พวกเขาสัมผัสได้ถึงอำนาจอันยากจะหาผู้ใดเปรียบ
มันกำลังมาแล้ว!
จอมมารที่แท้จริงกำลังจะปรากฏตัว!
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป
ขณะที่เหล่ามารที่แท้จริงต่างเริ่มยิ้มหยันด้วยความสุข
อย่างไรก็ตาม
การเคลื่อนไหวของรอยแยกมิติที่คลุ้มคลั่งกลับค่อยๆชะลอลง
อำนาจอันยากจะพบเจอปรากฏขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆจากนั้นก็เหือดหาย ถูกเก็บกลับคืนไป
เหล่ามารที่แท้จริงหยุดยิ้ม
หืม? หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้น?
นี่มันไม่ถูกต้อง ด้วยอำนาจของเจ้านาย ไม่น่าจะมีใครสามารถบังคับให้เขาถอนตัวกลับไปได้สิ?
ในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถกระทำเรื่องดังกล่าวได้!
ขณะที่มารแต่ละคนกำลังสงสัยอยู่นั้นเอง เสียงถอนหายใจก็ดังสะท้อนออกมาจากรอยแยกมิติ
“คราวนี้พวกเราพ่ายแพ้แล้ว”
“สู้ต่อไป…ก็ไร้ความหมาย”
“จงกลับมา”
พร้อมกันกับเสียงนี้ รอยแยกมิติก็ขยายกว้างขึ้นทันที
รอยแยกมิติทอดยาวไปหลายสิบกิโลเมตร ครอบคลุมกองทัพมาร รวมไปถึงเหล่านายพลมารที่แท้จริง
ทันใดนั้นรอยแยกที่ขยายตัวก็หดกลับอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นเพียงเส้นบางๆ และวิ่งข้ามผ่านมิติอันโกลาหลไป
เส้นแสงบางๆ เริ่มจางหายไป
รอยแยกมิติทั้งหมดถูกลบหาย
มารที่แท้จริงทั้งหมด ถอนทัพออกจากสนามรบ!
………………………………………