ในอัลเบอัส
เมื่อทริสเต้ถูกจับ อีเลียก็ทำการเรียกกองทัพของอาณาจักรมาสมทบทันที
กำลังพลทั้งหมดยกทัพออกจากอาณาจักรหนาม และกระจายตัวปิดล้อมตลอดทั้งโรงแรมอันมีชื่อเสียงแห่งนี้โดยสมบูรณ์
ตอนนี้ อัลเบอัสจึงอยู่ในการป้องกันเฉกเช่นเดียวกับป้อมปราการเหล็กกล้า!
และการมอบของรางวัลจากราชินีหนามก็กำลังเริ่มขึ้น
กู่ฉิงซานปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะ ติดตามแบรี่กับเสี่ยวเหมียวเข้าสู่ห้องโถง
เนื่องจากข้อจำกัดของสถานที่แห่งนี้ ทำให้ในโถง จะมีเฉพาะเพียงตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการและผู้นำองค์ใหญ่ๆ เท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม ทางเผ่าพันธุ์หนามก็มิได้กีดกัน หรือป้องกันวิธีการต่างๆ ที่สามารถใช้เฝ้าดูสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในแต่อย่างใด
แม้แต่โลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้น ก็ยังมีโลกอีกมากมายที่กำลังรับชมพิธีมอบรางวัลของราชินีอยู่เช่นกัน
เพราะดินแดนอัศจรรย์นั้น เพียงได้ยินชื่อก็สัมผัสได้ถึงมนต์ขลังแล้ว!
แน่นอน ว่าผู้คนไม่เพียงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับดินแดนนี้ แต่ยังต้องการที่จะเห็นรางวัลที่ราชินีหนามจะประทานให้ในครั้งนี้เช่นกัน!
ราชินีลอร่ากุมคทาในมือ นั่งอยู่บนราชบัลลังก์ ด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างามและทรงเกียรติ
ส่วนเหล่าตัวตนทรงอำนาจ เมื่อถูกขานชื่อแล้ว พวกเขาก็จะเดินเข้ามายังเบื้องหน้าของลอร่า เพื่อรับรางวัลและคำสรรเสริญจากเธอ
หากเป็นกองกำลังที่ทั้งสองฝ่ายมิเคยได้ติดต่อกัน หรือเคยติดต่อกันแค่นิดหน่อย ผู้มารับรางวัลจะทำแค่เพียงน้อมกายโค้งคารวะลงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่หากผู้ที่เข้ามารับรางวัลเป็นคนที่ติดต่อกับทางวิคหนามอยู่บ่อยครั้ง และรู้จักกับลอร่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ตัวตนทรงอำนาจเหล่านั้นก็จะคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อแสดงไมตรีที่มีต่อกัน
ตลอดทั้งพิธีดำเนินการไปอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ การแสดงของลอร่าช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนทรงอำนาจทุกคน ลอร่าสามารถสนทนาได้อย่างลื่นไหล สุภาพและเหมาะสม…แม้ว่าจะมีอีเลียคอยกล่าวย้ำเตือนอยู่เบื้องหลังก็ตาม แต่ในฐานะกษัตริย์ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ การที่สามารถสนทนาทางการทูตได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ ก็นับว่าสุดยอดไปเลยมิใช่หรือ?
เมื่อรางวัลทั้งหมดถูกมอบจนสิ้น อีเลียก็ก้าวออกมา
เธอบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคน
ว่าทริสเต้ทรยศราชวงศ์อย่างไร และสังหารกษัตริย์องค์ก่อนลงด้วยวิธีใด
และลอร่าซ่อนตัวอย่างไร
รวมไปถึงวิธีการที่เธอเข้าสู่โลกของทริสเต้ และค้นพบว่าเชื้อไฟกำลังแพร่กระจาย
ในที่สุดเธอก็งัดสมบัติบางอย่างออกมา จัดตั้งมัน เฝ้ารอซุ่มโจมตี และสามารถสังหารสองร้อยล้านผู้เข้าสู่วิถีมารได้ในคราเดียว
เมื่อไร้ซึ่งผู้ดาวน์โหลด เชื้อไฟก็ถูกทำลายลง
ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก อีเลียสังหารหมู่ผู้เข้าสู่วิถีมารไปกว่าสองร้อยล้านคน แต่กลับแทบจะไม่มีใครตำหนิเธอเกี่ยวกับมันเลย
เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เลือกจะไปซบอกระบบของราชามาร คนผู้นั้นก็จักถูกกำหนดให้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโลกเก้าร้อยล้านชั้น!
ตามบทเรียนทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ผู้เข้าสู่วิถีมารจะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วโดยการสังหารสิ่งมีชีวิตในโลกอื่นๆ พวกมันไม่รับฟังหรือทำตามกฎเกณฑ์ใดๆ ของตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นเลย ซึ่งนั่นเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวไม่น้อย
ส่งผลให้พวกมันนี่แหละ ที่เป็นตัวการล้มล้างทุกกฎเกณฑ์ที่ทุกคนอุตส่าห์ร่วมกันสร้างมันขึ้นมา!
ดังนั้นสำหรับผู้ที่เลือกเข้าสู่วิถีมาร ไม่ว่าจะเป็นคนไร้อำนาจหรือตัวตนทรงอำนาจ ก็ไม่มีใครเห็นใจพวกมัน!
แต่ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่มิได้เลือกเข้าสู่วิถีมาร สามารถต่อต้านต่อการล่อลวงขอเชื้อไฟได้ แม้สุดท้ายจะถูกสังหารโดยผู้เข้าสู่วิถีมารก็ตาม หนุ่มสาวผู้กล้าหาญทั้งหมดเหล่านั้นก็ได้ถูกนับจำนวนโดยเทคนิคมนตราของอีเลีย
สำหรับบุคคลเหล่านี้ ทางอาณาจักรหนามจะทำการมอบเงินช่วยเหลือจำนวนมากให้ เมื่อให้แน่ใจว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยไร้ซึ่งความยากลำบากใดๆ
เท่านี้ ทุกอย่างก็เป็นอันจบเรียบร้อย
ทริสเต้ และบรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดของเธอถูกนำตัวมา
อีเลียเดินไปยังบัลลังก์กษัตริย์ คุกเข่าลงกับพื้นและกล่าว “ฝ่าบาทโปรดบัญชา”
ลอร่าพยักหน้า
ก่อนหน้านี้เมื่อเธอต้องพบปะกับเหล่าตัวตนทรงอำนาจ เด็กสาวมักจะแขวนรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรและไม่แสดงกิริยาหยาบคายใดๆ ออกมา
แต่เวลานี้ สีหน้าของเจ้าตัวกลับเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
“ผู้สมรู้ร่วมคิดกับทริสเต้ทั้งหมดจะต้องถูกประหารชีวิตลง”
“รับทราบ”
ด้วยคำสั่งของราชินี องครักษ์ที่ร่วมมือกับทริสเต้ คอยช่วยเหลือเธอไล่จับตัวลอร่า ทั้งหมดก็ได้ถูกตัดหัวลงในสถานที่แห่งนั้นทันที
ศพแล้วศพเล่าร่วงกระแทกลงกับพื้น
“ฝ่าบาท ตอนนี้เหลือแค่ทริสเต้แล้ว” อีเลียรายงาน
“ลงทัณฑ์เสีย” ลอร่าเอ่ยเสียงเย็นออกมาเพียงสามคำสั้นๆ
“รับบัญชา” อีเลียตอบรับ
ในความว่างเปล่า กิ่งก้านและใบของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น
ภายใต้เสียงกรีดร้องหวาดกลัวด้วยความสิ้นหวังของทริสเต้ เถาวัลย์นับไม่ถ้วนได้ทิ่มแทงเข้าไปในหัวของเธอทันที
เถาวัลย์เหล่านี้ค่อยๆ แพร่กระจายไปตามร่างกายส่วนต่างๆ ของหญิงสาว ก่อนจะเริ่มปรากฏหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดผุดขึ้นตามร่างกายของเธอ
นี่คือความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เป็นการลงทัณฑ์อย่างไร้ซึ่งมนุษยธรรม
โดยผู้ที่ได้รับการลงทัณฑ์ดังกล่าว จะต้องถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตในอยู่ตลอดทุกนาที และในทุกๆ วินาทีก็จะจมอยู่ในความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุด ชนิดที่ว่าแม้กระทั่งอยากจะนึกคิดสิ่งใดในสมอง ก็มิอาจทำได้
ผู้รับชมตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นบังเกิดความหนาวเหน็บกัดกินเข้ามาในจิตใจของพวกเขา
เพราะฉากการลงทัณฑ์โดยรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามที่ปรากฏอยู่นี้
เพียงแค่มองก็รู้ว่าในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น ย่อมไม่มีใครสามารถต้านทานมันได้เลย!
ไม่ว่าใครก็มิอาจหลุดพ้นไปจากการลงทัณฑ์ดังกล่าวนี้ไปได้!
ในขณะที่ผู้คนกำลังเฝ้าดูฉากถูกทรมานของทริสเต้ ราชินีแห่งหนามก็ได้เปล่งวาจาบางอย่างที่ทำให้จิตใจของทุกคนต้องสั่นสะท้านออกมา
“อีเลีย จงจดจำเอาไว้ให้ดี ว่าห้ามยกเลิกการลงทัณฑ์นี้โดยเด็ดขาด จนกว่าจะครบหนึ่งพันปี”
“พ่ะย่ะค่ะ!” อีเลียตอบ “หากในกรณีที่ครบหนึ่งพันปีแล้วล่ะเจ้าคะ?”
“หลังจากพันปีต่อมา ก็ค่อยเปลี่ยนเป็นการลงทัณฑ์ชนิดอื่นแทน”
“รับด้วยเกล้า ฝ่าบาท”
สำหรับในช่วงเวลานี้ ตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นราวกับจมสู่ความเงียบงัน
กระทั่งบรรดาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน สูญเสีย และบอบช้ำเนื่องจากแผนการของทริสเต้ เมื่อได้เห็นโศกนาฏกรรมที่เจ้าตัวต้องเผชิญ ต่างก็ไร้ซึ่งคำใดจะกล่าว
อย่างแรกเลย พวกเขาราวกับได้รับการปลดเปลื้องซึ่งความแค้น
อย่างที่สอง พวกเขากลับบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ
นี่คือความหวาดกลัวอย่างแท้จริง…จักต้องถูกทัณฑ์ทรมานไม่หยุดนับพันปี โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ตกตาย หลังจากนั้นก็ยังคงถูกทรมานอีกรอบ เมื่อได้ยินแบบนี้ แล้วใครเล่าจะไม่หวาดกลัว?
ตั้งแต่ช่วงเวลานี้เป็นต้นไป
ชื่อของราชินีหนามรุ่นปัจจุบัน จะถูกกล่าวขวัญไปตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นในฐานะผู้เอื้อเฟื้อ ประทานรางวัลอันแสนเลอค่าให้เหล่าวีรบุรุษ แต่ขณะเดียวกัน ก็จะถูกเล่าลือในฐานะผู้เลือดเย็นที่สั่งลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยมเช่นกัน!
หลังจากจบเรื่องของทริสเต้ พิธีของราชินีแห่งหนามก็ได้สิ้นสุดลง
ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน ราชินีลอร่าได้ถูกโอบล้อมโดยเหล่ารัฐมนตรีของอาณาจักรหนาม ขุนนาง และทหารพิทักษ์ คอยคุ้มกันเดินออกจากห้องโถงไป
สำหรับเผ่าพันธุ์หนาม เรื่องราวทั้งหมดได้จบลงแล้ว
พวกเขาคุ้มกันราชินีของตนเอง ขึ้นไปยังเรือใหญ่ของอาณาจักรหนาม และเดินทางกลับไปยังดินแดนอัศจรรย์
ส่วนสำหรับผู้คนทั้งหมดที่เข้าร่วมสงคราม ทุกอย่างจบลงด้วยชัยชนะ
ตลอดทั้งอัลเบอัสถูกโยนลงสู่งานรื่นเริงครั้งใหญ่
ท่ามกลางเสียงอึกทึก ตลอดทั้งจัตุรัสเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
กู่ฉิงซานเฝ้ามองขบวนเรือบินลอยตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าของอัลเบอัส เรือที่ค่อยๆ ลอยหายเข้าไปสู่ท้องฟ้าอันห่างไกลที่เต็มไปด้วยแสงดาว
เรือของกองทัพอาณาจักรหนามได้จากไปแล้ว
เรือที่มีลอร่าอยู่ที่นั่น
เฝ้ารอจนกระทั่งกองเรือลับหายลับไป กู่ฉิงซานจึงค่อยถอนสายตากลับคืน
เขาถอนหายใจ
นับจากนี้ไปเด็กสาวจะต้องก้าวเดินเพียงลำพัง
แต่ก่อนที่ตนเองจะแข็งแกร่งขึ้น มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถช่วยเหลือเรื่องใดๆ แก่เธอได้อีก
“เฮ้กู่ฉิงซาน”
มีคนเรียกเขาจากเบื้องหลัง
กู่ฉิงซานหันกลับไปมอง และพบว่าเป็นเสี่ยวเหมียว
เธอกับแบรี่เดินออกจากห้องโถง และตรงมายังเขา
“นายไม่ไปดื่มกับคนอื่นๆ หรือ ฉันนึกว่านายเป็นนักดื่มตัวยงเสียอีก” เสี่ยวเหมียวถาม
“อืม พอดีว่าผมยังไม่มีอารมณ์แบบนั้นในตอนนี้ ว่าแต่ที่พวกคุณแยกตัวออกมานี่เพราะจะกลับแล้วงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานถามกลับ
“พอดีว่ามีเรื่องเร่งด่วน ทำให้พวกเราจะต้องรีบกลับไปในสมาคมทันที” แบรี่ตอบ
“เรื่องเร่งด่วน?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำด้วยความประหลาดใจ
ตอนนี้ สงครามก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว เรื่องราวทุกอย่างสมควรจะจบลง แล้วยังจะมีอะไรเร่งด่วนอีก?
“ใช่ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนมากเสียด้วย”
ขณะกล่าว แบรี่ก็เหลือบไปมองเสี่ยวเหมียววูบหนึ่ง พร้อมกันเผยถึงรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า
“กลับกันเถอะ” เสี่ยวเหมียวเดินมาตรงหน้ากู่ฉิงซาน และส่ายมือข้างที่สวมแหวนวงใหม่ให้เขาเห็น “ตอนนี้ ฉันสามารถพานายกลับไปได้เลยในทันที”
หนึ่งมือคว้าจับแบรี่ อีกหนึ่งคว้าจับกู่ฉิงซาน ปากเอ่ยร่ายมนตรางึมงำ
เปรี้ยง!
และทั้งสามก็หายไปจากอัลเบอัสโดยตรง
ณ โลกมิติอนันต์
ภายในสมาคมกำปั้นเหล็ก
ร่างทั้งสามปรากฏตัวขึ้น และค่อยๆ ลดระดับลงจากกลางอากาศ
เมื่อหยั่งเท้า กู่ฉิงซานก็ยืนนิ่งและหันไปมองรอบๆ
โลกทั้งใบเงียบสงบ
ในสมาคมว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดอยู่เลย
เขาปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะเข้าไปในสมาคม และกวาดไปรอบนอกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบสิ่งใด
“ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติเลย พวกเราจะรีบกลับมากันทำไมหรือ?” กู่ฉิงซานอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม
แบรี่ไม่ตอบทันที เขาค่อยๆหยิบกล่องใบเล็กอันประณีตออกมาอย่างระมัดระวัง
“หลังจากที่จบพิธีของราชินี ในตอนที่ฉันกำลังจะออกมา ทหารพิทักษ์ก็แอบนำเจ้าสิ่งนี้มามอบให้แก่ฉันอย่างเงียบๆ” เขากล่าว
……………………………………………