ณ สหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้น
บนทางเดินยาวนอกแผนกกิจการอาชีพโลก
เซี่ยเต๋าหลิงกับเหลิงเทียนสิงโค้งกายคำนับเหล่าจ้าววงการ “เช่นนั้นข้าขอคงต้องขอตัวก่อน”
“เข้าใจแล้ว ลาก่อน” เฉินหยางโบกมือด้วยรอยยิ้ม
“ขอเวลาสักครู่สิ” หยุนจีเอ่ยปากออกมา
“ท่านมีอะไรงั้นหรือ?” เซี่ยเต๋าหลิงถาม
หยุนจี “ถ้ากลับไป แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อไป?”
“ข้าจะส่งเขากลับไปก่อน จากนั้นก็ไปยังพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์เพื่อจัดการปัญหาบางอย่าง”
“งั้นปัญหาที่ว่ามันคืออะไร?” หยุนจีถามต่อ
“ข้าคิดจะจัดระเบียบกำลังคนออกไปสำรวจรอบๆ อาณาจักรมาร หรือไม่ก็ก่อสงครามเล็กๆ น้อยๆ กับพวกมัน”
แม้ปากจะเอ่ยตอบ แต่เซี่ยเต๋าหลิงก็อดฉงนเล็กน้อยในหัวใจ
เหตุใดตัวตนทรงอำนาจถึงได้สนใจในสิ่งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับพวกเขากันแน่นะ?
หยุนจียื่นแขนออกมาจากเสื้อคลุมดำ
เป็นตุ๊กตาผ้าอยู่ในมือ และเจ้าตัวก็มอบให้แก่เซี่ยเต๋าหลิง
ตุ๊กตานี้ราวกับมีชีวิต มันมีลักษณะเหมือนกับเซี่ยเต๋าหลิงทุกประการ
เซี่ยเต๋าหลิงก้มลงมองตุ๊กตา ก่อนจะเงยหน้ามองหยุนจีอีกครั้งนึง
หลังจากที่กู่ฉิงซานจากไป หยุนจีก็กลับเข้าไปซ่อนอยู่ในชุดคลุมดำอีกครั้ง ทำให้ไม่สามารถเห็นถึงสีหน้าของเจ้าตัวได้
หยุนจีกลับกลายเป็นดูลึกลับมากขึ้น และทรงเกียรติมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง อย่างไม่อาจอธิบายได้
เฉินหยางมองหยุนจี สลับกับมองเซี่ยเต๋าหลิง
“รับมันไปเถอะ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีกี่คนที่ต้องการมัน ทว่ากลับไม่มีโอกาสได้มันไป” เฉินหยางกระตุ้นเล็กน้อย
เซี่ยเต๋าหลิงจึงค่อยรับตุ๊กตาผ้ามาด้วยความลังเล
เธอแขวนตุ๊กตาผ้าเอาไว้ตรงเอว และกล่าวแสดงความขอบคุณ
หยุนจี “พลังของเจ้าจะถูกเก็บสะสมเอาไว้ และมันจะปะทุออกมาขณะเจ้ากำลังข้ามผ่านอุปสรรคสุดท้ายของมนุษย์ แล้ววันหนึ่ง เจ้าจะกลายมาเป็นเหมือนกับพวกเรา”
“ฉะนั้น ในช่วงเวลาสำคัญเยี่ยงนี้ จงอย่าได้ออกไปไหน จงกลับไปทำสมาธิ ฝึกปรือในที่พักอาศัยเสีย แล้วเจ้าจะได้พบกับชีวิตที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”
“ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะของท่าน ว่าแต่ตุ๊กตาตัวนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคำแนะนำของท่านหรือไม่?” เซี่ยเต๋าหลิงถาม
“แน่นอนว่าเกี่ยว”
หยุนจีขมุบขมิบปากร่ายคาถา
พริบตานั้นเอง ตุ๊กตาผ้าพลันกระตุกไหว มันดิ้นหลุดจากเอว กระโดดไปเกาะมือของเซี่ยเต๋าหลิงและเปล่งเสียงออกมา
“สาวน้อยควรจะใส่ใจเพื่อปกป้องตัวเอง”
พร้อมกันกับเสียงนี้ ทั้งคนทั้งร่างของเซี่ยเต๋าหลิงก็ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ขนาดตัวของเธอเริ่มหดเล็กลง สีผิวของเธอเริ่มขาวนวลมากขึ้น มือและเท้ากลายเป็นกะทัดรัด กลิ่นอายทรงเกียรติได้กระจัดกระจายหายไป
เธอกลายสภาพมาเป็นเด็กสาวอายุเพียงแปดถึงเก้าขวบ!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
น้ำเสียงของเซี่ยเต๋าหลิงเผยถึงร่องรอยของความตึงเครียด ทว่าด้วยขนาดตัวที่เป็นเพียงเด็กสาว ส่งผลให้เสียงของมันฟังดูน่ารักน่าชังมากทีเดียว
หนึ่งมือยกขึ้น สลับแปรผันเตรียมที่จะปลดปล่อยมนตรา
พลังวิญญาณพลุ่งพล่านออกจากร่างกายเธอ เตรียมที่จะกระตุ้นมนตรา แต่ทว่า…
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ การแสดงออกของเธอมันก็ดูน่ารักเกินไป มันแทบจะไม่สามารถส่งแรงกดดันใดๆออกมาได้เลย
“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าสิ่งนี้แค่ทำให้เจ้ากลับกลายเป็นเด็กชั่วคราว ซึ่งนี่มันดีต่อตัวเจ้าเองนะ” เฉินหยางอธิบาย
เซี่ยเต๋าหลิงมองเขา และสลับไปมองหยุนจีที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ชุดคลุม
แล้วเจ้าตัวก็ยอมปล่อยประทับมนตราของตัวเองและกล่าวอย่างไม่รู้เหตุ “แม้ข้าจะไม่ทราบว่านี่มันคือสิ่งใด แต่ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาดีจากท่านจ้าววงการทั้งหลาย”
เซี่ยเต๋าหลิงกอดตุ๊กตา ปากเอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง ท่าทียังแลดูลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ฉากนี้มิแตกต่างไปจากโลลิน้อยน่ารักที่กำลังเขินอายอยู่เลย
ในที่สุด หยุนจีก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เพราะเจ้ากำลังจะตัดผ่านขอบเขต และหากเวลานั้นมาถึง มันจะเป็นการดึงดูดความสนใจจากทุกฝ่าย และอิทธิพลต่างๆ จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อได้รับตัวตนทรงอำนาจคนใหม่ที่ไม่มีพื้นหลังใดๆ มาไว้ในครอบครอง”
พี่หมีร่วมอธิบาย “บางฝ่ายอาจจะมีวิธีการชักชวนโดยแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอที่ทำให้คุณพอใจ แต่บางฝ่ายก็อาจจะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจ กระทั่งกลุ่มอำนาจมืดก็ยังอาจจะให้ความสนใจคุณ และไม่เลือกวิธีการที่จะได้คุณไว้ในครอบครอง”
“ดังนั้นคุณจะต้องนำตุ๊กตาผ้าตัวนี้ติดตัวเอาไว้ มันคือวิชาลี้ลับที่จะช่วยซ่อนคุณจากโชคชะตา ตราบใดที่ตุ๊กตาอยู่ข้างกับคุณ เมื่อไหร่ที่คุณตัดผ่านอุปสรรค ก็จะไม่มีอิทธิพลใดล่วงรู้ว่าคุณอยู่ในโลกไหน พวกมันจะไม่สามารถตามหาตัวคุณได้”
หยุนจี “เทคนิคมนตราประเภทลี้ลับนี้จะมีผลข้างเคียง นั่นก็คือร่างกายของเจ้าจะอยู่ในวัยเด็กชั่วคราว”
“เอาล่ะ อธิบายจบแล้ว จากนี้ก็ขอให้กลับไปยังโลกของตัวเองก่อน และอย่าเพิ่งออกไปไหนชั่วคราว จนกว่าการข้ามผ่านอุปสรรคของเจ้าจะประสบความสำเร็จ และสามารถรับรู้ถึงพลังของมันได้อย่างคงที่”
เซี่ยเต๋าหลิงรับฟังอย่างตั้งใจ และกำลังจะเอ่ยปาก แต่เธอก็ถูกแตะเบาๆ ลงบนไหล่เสียก่อน
ซึ่งคนที่ตบ คือหยุนจี
หยุนจีที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
พริบตานั้นเซี่ยเต๋าหลิงก็หายไปจากสหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้นทันที
เฉินหยางก้าวไปข้างหน้าและตบลงบนไหล่ของเหลิงเทียนสิง “จงอย่าท้อถอย กลับไปก็เร่งฝึกปรือให้หนัก”
แล้วเหลิงเทียนสิงก็หายตัวไป
เขาถูกส่งกลับไปยังโลกเทวะ
แขนจักรกลที่เงียบมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงตอนนี้ ค่อยเอ่ยปากออกมา “มนตราน่าเบื่อ”
“น่าเบื่อที่ไหนกัน มันน่าสนใจมากๆ เลยต่างหาก การที่สามารถเปลี่ยนผู้นำพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์ให้กลายเป็นสาวน้อยวัยแปดเก้าขวบเนี่ย” เฉินหยางหัวเราะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหันไปมองหยุนจี ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “วันนี้เจ้าดูผิดปกติออกไปนะ”
“ก็ไม่นี่ ฉันแค่อยากจะปกป้องเธอเท่านั้นเอง เพราะท้ายที่สุดนี้ ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตาย” หยุนจีกล่าว
“อาจารย์ของกู่ฉิงซานจะตายอย่างงั้นหรือ?” แขนจักรกลถาม เขาเริ่มรู้สึกสนใจ
หยุนจี “ไม่ใช่เธอ แต่เป็นพวกเราต่างหาก”
“พวกเรา…?” พี่หมีอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ มีอะไรบางอย่างกำลังมุ่งตรงเข้ามาหาพวกเรา และทุกคนมีโอกาสที่จะตายเพราะมัน ดังนั้นฉันเลยอยากจะช่วยเธอล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรค ในระหว่างที่ไม่มีใครคอยปกป้องเธอ ฉันเลยเลือกที่จะช่วยเธอล่วงหน้า” หยุนจีอธิบาย
ทันทีที่เสียงนี้ตกลง อีกเสียงหนึ่งที่หวีดแหลมก็ร้องดังขึ้น
มันคือเสียงนกหวีดที่กระจายไปตลอดทั้งสหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้น
“นั่นมันสัญญาณเตือนภัยเต็มรูปแบบ?” เฉินหยางอุทานด้วยความประหลาดใจ
“อย่าล้อเล่นน่า ถ้ามันคือสัญญาณเตือนภัยเต็มรูปแบบจริง นั่นหมายความว่าพนักงานทุกคน จากทุกแผนกจะต้องหยุดมือจากสิ่งที่ทำ และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทันที…นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่” พี่หมีตะโกน
ทันใดนั้นเองสีหน้าของแต่ละคนก็กระตุกวูบ ทั้งหมดเร่งดึงหนังสือพิมพ์ออกมาจากร่างกายทันที
เห็นแค่เพียงหนังสือพิมพ์ที่ว่างเปล่า ค่อยๆ ถูกเติมแต่งด้วยบรรทัดข้อความและภาพปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มันเป็นภาพของปืนกลมือ
ไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับมัน ชิ้นส่วนของปืนกลถูกจับแยกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระทั่งปากกระบอกปืนก็หักงอ กระจายอยู่เต็มพื้น
บนพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์เขียนไว้เพียงสองบรรทัด…
“ทีมสำรวจสถาบันเทพของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงทั้งหมดถูกทำลาย!”
“ก่อนตาย พวกเขาได้ส่งคำเตือนสุดท้ายมาว่า นี่คือการดำรงอยู่ที่น่าหวาดกลัวและแปลกประหลาดที่สุดในโลกเก้าร้อยล้านชั้น มันจะต้องถูกทำลายลงในทันที! โดยเร็วที่สุด!”
หลายคนกวาดสายตาอ่านหนังสือพิมพ์ ทั้งคนทั้งร่างนิ่งงันไปครู่
พวกเขาเป็นตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการที่พบเผชิญกับประสบการณ์ต่างๆ มามากมาย แต่ในช่วงเวลานี้ กลับบังเกิดถึงความโศกเศร้าที่มองไม่เห็นเข้าปกคลุมพวกเขา
“ปืนกลตายแล้ว” เฉินหยางกล่าวเสียงต่ำ
“ใช่ ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นเรื่องจริง ทั้งๆ ที่มันแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับต้องตายลงอย่างกะทันหัน” แขนจักรกลกล่าว
เสียงของผู้หญิงที่ดูสูงศักดิ์เริ่มประกาศดังออกไปทั่วทั้งสหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้น
“ทุกคนโปรดทราบ”
“ทุกคนโปรดทราบ”
“สงครามใกล้เข้ามาแล้ว”
“ระดับชั้นโลกของสถาบันเทพถูกแยกออกจากมิติเดิม และมันกำลังมุ่งหน้าไปยังทางตอนใต้ของยี่สิบเจ็ดชั้นโลกของเรา”
“ทุกคนโปรดเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ด้วย”
“ขอย้ำ ทุกคนโปรดเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”
จ้าววงการทั้งสี่รับฟังอย่างเงียบๆ
“ท่านหญิงแบล็กซีถึงขั้นประกาศคำเตือนด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าสถานการณ์มันจะเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ”
“ยี่สิบเจ็ดชั้นโลกทางใต้ของพวกเรา…ก็ไม่ไกลมากนะ ที่ตรงนั้นมันมีอะไรอยู่กันแน่?” แขนจักรกลเอ่ยถาม
“สำนักงานใหญ่ของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูง” เฉินหยางตอบ
ช่วงเวลานั้นเอง สองพนักงานได้วิ่งตรงมายังทั้งสี่
“ท่านผู้ทรงเกียรติ การประชุมระดับสูงกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ขอพวกท่านได้โปรดเข้าร่วมประชุมในทันทีด้วย” พวกเขากล่าวด้วยความนอบน้อม
“เข้าใจแล้ว เจ้าไปตามคนอื่นๆ เถอะ ส่วนพวกเราจะไปทันที” เฉินหยางกล่าว
“รับทราบ!”
แล้วสองพนักงานก็วิ่งจากไป
ในขณะนี้ บริเวณโดยรอบไม่มีใครอยู่อีกต่อไป เฉินหยางหันมามองหยุนจี สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความน่าเกรงขามอย่างเป็นประวัติการณ์
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “จ้าวแห่งหมอก ผู้คุ้มภัยแห่งโชคชะตาลี้ลับ ภัยพิบัติแห่งอาณาจักรทั้งมวล นายหญิงหยุนผู้สูงศักดิ์ เวลานี้ ข้าขอถามเจ้าถึงความลับที่เจ้าเก็บกุมเอาไว้ ว่าเราทั้งหลายนั้นมีโอกาสจะรอดพ้นจากความตายหรือไม่”
หยุนจีที่ทั้งกายซ่อนอยู่ในชุดคลุมดำ จู่ๆ ก็มีหมอกหนารายล้อมรอบตัวเธอทันที
เมื่อเฉินหยางทำการไต่ถามอย่างเป็นทางการ สองเสียงก็ดังออกมาจากในชุดคลุมพร้อมกัน
มันเป็นเสียงที่เย็นชาและไร้อารมณ์ เป็นสองเสียงของหยุนจีที่เอ่ยออกมาในห้วงอารมณ์ที่ต่างกัน
“โชคชะตาไม่เคยอยู่ในการควบคุมของเรา ไม่มีใครสามารถต้านทานความโกรธของมันได้ วิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรอดชีวิตไปได้ คือหลีกลี้ หนีให้ห่างจากมันให้ไกลที่สุด!”
…………………………………………….