ในดินแดนชิงอำนาจ
สิ่งมีชีวิตตลอดทั้งโลกสองร้อยล้านชั้นต่างแหงนหน้ามองมนุษย์แสงด้วยความกระตือรือร้น ทั้งหมดต่างไม่ยินดีที่จะละสายตาตนเองออกไปจากมัน
เพราะด้วย ‘ขอบเขต’ ของพวกเขา แน่นอนว่าย่อมสามารถมองเห็นได้ถึงแหล่งที่มาของกฎเกณฑ์แห่งโลกจากมนุษย์แสงเบื้องหน้านี้
เพียงได้จ้องมองมนุษย์แสง ทั้งหมดก็ราวกับได้รับถึงประสบการณ์ และความรู้อันเลอเลิศ ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์แสงยังกล่าวอีกว่า “หนทางสู่การเป็นเทพ”
บางคนมิอาจระงับความตื่นเต้นในจิตใจ เอ่ยตะโกนถามเสียงดัง “แล้วฉันจะกลายเป็นเทพวิญญาณได้อย่างไรกัน?”
มนุษย์แสงผายมือออก ในมือของมัน ปรากฏถึงสองลำแสงที่กำลังหมุนวน
หนึ่งคือแสงสีขาวที่เปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ อีกหนึ่งเป็นแสงสีเขียวมรกต
ท่ามกลางสายตาของสิ่งมีชีวิตตลอดทั้งโลกสองร้อยล้านชั้น มนุษย์แสงก็เริ่มกล่าวต่อ
“ก่อนที่เทพทั้งเจ็ดจะจากไป พวกเขาได้ซ่อนพลังอันไร้ที่สิ้นสุดไว้ในระบบเทพสวรรค์และระบบชีวิต”
“และตอนนี้ สองระบบและพลังที่ว่านั่นก็ได้ถูกข้าดูดกลืนมาแล้วโดยสมบูรณ์”
“ด้วยพลังนี้ จักเพียงพอให้ข้าปลุกอำนาจของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารทั้งเจ็ด!”
ระหว่างกล่าว มนุษย์แสงก็ค่อยๆ ยกมือขึ้น
แล้วแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ก็ผสานไปกับแสงแห่งชีวิต แปรเปลี่ยนเป็นแสงเจ็ดสีที่แตกต่างกันออกไป บินหายเข้าไปในความว่างเปล่า
ในขณะเดียวกัน ภาพจากโลกทั้งเจ็ดใบก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน
แสงสีเขียวตกลงไปในหมื่นพงไพร
แสงสีฟ้าตกลงไปในห้วงทะเลลึก
แสงสีเทาตกลงไปในเกาะหมอกท่ามกลางทะเลแห่งความตาย
แสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์ตกลงไปในเมืองแห่งทูตสวรรค์
แสงสีม่วงเข้มตกลงไปในเขตสงครามของเทพ
แสงสีทองสุกใสตกลงไปในหอคอยสูงแห่งอารยธรรม
แสงอันมืดมิดตกลงไปในถิ่นกันดารแห่งความตาย
แสงทั้งเจ็ดบินไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ และตกลงไปในวิหารของทั้งเจ็ดโลกอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
บังเกิดสายลมแรงอันไร้ที่สิ้นสุดกระพือขึ้นมาจากวิหารของทวยเทพทั้งเจ็ด
วิหารซึ่งแต่เดิมฟุ้งไปด้วยความเคร่งครัดและสงบ บัดนี้เริ่มสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ในเวลานั้นเอง เสียงของมนุษย์แสงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ตั้งแต่วันนี้ไป โลกสองร้อยล้านชั้นและสิ่งมีชีวิตทั้งมวล จะได้รับอนุญาตให้รับใช้เทพ”
“หากสรรพชีวิตตนใดมีความเชื่อในเทพวิญญาณอย่างแท้จริง พวกเขาจะสามารถสักการะหนึ่งในเจ็ดวิหารได้”
จากนั้น พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ศรัทธาในทวยเทพ และจะได้รับคุณสมบัติใหม่ทั้งหมด
“ผู้ศรัทธาจะสามารถเข้าไปจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตามความศรัทธาของตนเอง ในวิหารแห่งเทพทั้งเจ็ดได้”
“โดยอาศัยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เหล่าผู้ศรัทธาก็จะได้รับวิธีการทีละขั้นทีละตอนเพื่อก้าวขึ้นไปสู่เทพ ค่อยๆ พัฒนาตนเองจนถึงขีดสุด และกลายเป็นกึ่งเทพที่น่าภาคภูมิใจของทุกชีวิต”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครบางคนสามารถจุดประกายของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาบรรลุแล้วจนถึงขั้นกึ่งเทพ เขาก็จะได้รับ ‘ความลับ’ ไป”
“ความลับที่สามารถเปลี่ยนตนจากกึ่งเทพ ให้กลายเป็นเทพที่แท้จริง!”
“และแล้วเขาก็จะกลายเป็นเทพวิญญาณในที่สุด!” มนุษย์แสงกล่าวอย่างช้าๆ
คำพูดของมันน่าตกตะลึงเกินไป ตลอดทั้งโลกสองร้อยล้านชั้นพลันเงียบงัน จำต้องใช้เวลาสักพักเลยทีเดียวกว่าจะเกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดมนุษย์แสงก็กล่าวต่อ “ศรัทธาคือสิ่งที่มาจากความปรารถนาที่อยู่ลงไปลึกสุดในจิตใจ เทพวิญญาณจะไม่ยอมรับหัวใจที่โอนอ่อนไปๆ มาๆ ดังนั้นเหล่าผู้ที่ยังมิได้ศรัทธาทั้งหลายเอ๋ย พวกเจ้าจึงมีเวลาเพียงสามนาทีเท่านั้น ที่จะตัดสินใจเลือกว่าเทพองค์ใดที่ตนสมควรน้อมสักการะ”
“หากลุแล้วซึ่งสามนาที แต่เจ้ายังมิได้เลือกเทพที่ศรัทธา เจ้าก็จะสูญสิ้นคุณสมบัติที่จะกลายเป็นผู้ศรัทธาไปตลอดกาล”
“หมายความว่าเจ้าจะไม่สามารถจุดประกายของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้”
“หนทางสู่การเป็นเทพของเจ้าจะถูกปิดผนึกไปตลอดกาล”
“ในทางตรงกันข้าม หากเจ้าเลือกเทพประจำตนได้แล้ว ในฐานะผู้ศรัทธา พวกเจ้าก็จะได้รับรางวัลพิเศษ นั่นก็คือ…ผู้ศรัทธาทุกคนจะสามารถเอ่ยถามคำถามจากข้าได้ แต่ในโลกสองร้อยล้านชั้น ในดินแดนชิงอำนาจ เจ็ดเทพได้บัญญัติกฎข้อหนึ่งขึ้น ซึ่งกฎที่ว่านั่นก็คือ ไม่ว่าใครก็จะไม่สามารถบอกออกมาได้ว่าพวกเขาได้รับคำตอบอะไรไป มิฉะนั้นจะถูกสังหารลงโดยคำสาปของเจ็ดเทพ”
“ตอนนี้ พวกเจ้าสามารถเริ่มเลือกเทพที่เจ้าต้องการจะสักการะได้แล้ว”
“จดจำไว้ให้ดี ว่ามีเวลาเพียงสามนาทีเท่านั้น”
หลังจากที่อธิบายจบ มนุษย์แสงก็เงียบไป
โดยเบื้องหลังเขา ภาพฉายของวิหารทั้งเจ็ดยังคงลอยล่อง มิเคยจางหายไป
มนุษย์แสงลอยตัวอยู่เบื้องหน้าทุกสิ่งมีชีวิตอย่างเงียบๆ เฝ้ารอให้ทั้งหมดทำการเลือกสรร
‘จุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์’
‘บรรลุเป็นกึ่งเทพ’
‘ล่วงรู้ถึงความลับในการก้าวเป็นเทพ’
‘ได้รับการแถลงไขข้อข้องใจ แต่ว่าจะต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของเหล่าทวยเทพ’
ซึ่งอันที่จริง ไม่ว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดในเบื้องต้นที่ได้กล่าวมา ก็ล้วนมากพอแล้วที่จะกระตุ้นความสนใจจากทุกตัวตนที่แข็งแกร่ง
ปัจจุบัน เหตุการณ์เหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นพร้อมกันเบื้องหน้าสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในโลกสองร้อยล้านชั้น!
ทุกชีวิตต่างถูกจับโยนลงมาให้เลือก
เค่อเอ๋อกับแอนนายืนอยู่ในความว่างเปล่า เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“แล้วในฐานะที่เราเป็นผู้ศรัทธาอยู่ก่อนแล้ว เช่นนั้นพวกเราจะยังคงสามารถเอ่ยถามท่านได้ใช่หรือไม่?” เค่อเอ๋อเอ่ยถาม
มนุษย์แสง “ทุกชีวิตจะได้รับสิทธิ์นี้ ข้าจะตอบคำถามของพวกเจ้าแต่ละคน อย่างไรก็ตาม จงจดจำเอาไว้ให้ดีว่าตลอดทั้งโลกสองร้อยล้านชั้นนี้ มันได้ถูกปกคลุมไปด้วยกฎและคำสาปของเทพทั้งเจ็ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นจงอย่าแพร่งพรายคำตอบของตัวเองออกไป มิฉะนั้นเจ้าจะต้องตาย”
“อืม เข้าใจแล้ว”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
สองสาวพยักหน้าพร้อมกัน
มนุษย์แสง “หากเจ้าหวั่นเกรงว่าผู้อื่นจะได้ยินคำถามของเจ้า ก็จงเอ่ยถามมันในจิตใจ และข้าจะเป็นคนตอบให้เอง”
สองสาวตริตรองอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเรื่องนี้
ด้วยกฎของทวยเทพ เขาจะตอบคำถามให้แก่ผู้ศรัทธาในตนเอง
ว่าแต่คำถามอะไรกันหนอ ที่พวกเธออยากจะถามออกไป?
…
ในอาณาเขตโลกใหม่
“ยอดไปเลย! โชคดีจริงๆ ที่ไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่ในที่บ้าๆ แบบนี้อีกต่อไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอเลือกวิหารแห่งโชคชะตา!” หน้าใหม่คนหนึ่งที่มีกรีนการ์ดตะโกนเสียงดัง
มนุษย์แสงที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเขา “วิหารแห่งโชคชะตา นั่นคือตัวเลือกของเจ้าใช่หรือไม่?”
“ใช่ ฉันเลือกวิหารแห่งโชคชะตา!” หน้าใหม่คนนั้นกัดฟันกล่าว
มนุษย์แสง “เช่นนั้น นับจากนี้ไป เจ้าคือผู้ศรัทธาในเทพแห่งโชคชะตา จงรีบไปยังโลกของเกาะหมอก จากนั้นก็จงเข้าไปในวิหารแห่งโชคชะตา และใช้พลังของวิหาร จุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเสีย”
หน้าใหม่เอ่ยถามด้วยความสงสัย “แล้วมันยากลำบากมากหรือไม่?”
มนุษย์แสงมิเอ่ยปากตอบ แต่ส่งเสียงไปในจิตใจของอีกฝ่ายโดยตรงแทน “ใช่ นี่เป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็น เป็นขั้นตอนที่เรียกว่าการแสวงบุญ”
“จงจดจำเอาไว้ให้ดี แม้คำตอบนี้จะเรียบง่าย แต่เจ้าจะต้องไม่บอกมันแก่ผู้ใด”
ว่าจบ มนุษย์แสงก็หายไปจากเบื้องหน้าเขา
หน้าใหม่คนนั้นนิ่งงันไป จำต้องใช้เวลาอยู่สักพัก ปากเอ่ยพึมพำ “เอ…ทำไมถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดไปกันนะ?”
เป็นเวลานาน ทันใดนั้นหน้าใหม่ก็เริ่มตอบสนอง เขาตะโกนเสียงดัง “ช้าก่อน ท่านจะต้องตอบคำถามข้าก่อนแล้วจึงค่อยจากไปไม่ใช่หรือ!?”
ข้างๆ กันกับเขา เหล่าสหายต่างมองหน้าใหม่คนแรก อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ
เจ้าบ้า ก็แกเผลอหลุดปากถามคำถามโง่ๆ นั่นไปแล้วไม่ใช่รึไง!
เพื่อนๆ ที่อยู่ข้างๆ สงบใจลง และเอ่ยกับมนุษย์แสงที่อยู่ตรงหน้า “ท่านเทพที่เคารพ ฉันเลือกที่จะรับใช้เทพแห่งชีวิต”
“นั่นคือการตัดสินใจสุดท้ายของเจ้าใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“เช่นนั้น นับจากนี้ไป เจ้าคือผู้ศรัทธาในเทพแห่งชีวิต จงเร่งออกจากที่นี่ไปยังโลกแห่งหมื่นพงไพรจากนั้นจงเข้าไปในวิหารแห่งชีวิต และใช้พลังของวิหาร จุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเสีย”
“ฉันเข้าใจแล้วท่านเทพที่เคารพ เช่นนั้นสามารถเอ่ยคำถามเลยจะได้หรือไม่?”
“ย่อมสามารถ”
“สิ่งที่ฉันอยากจะถามก็คือ…”
…
สามนาทีได้ผ่านพ้นไป
ท่ามกลางโลกสองร้อยล้านชั้น
ภายในโลกนับพันล้าน
เกือบทุกชีวิตต่างขบคิด เลือกเทพที่ศรัทธา แล้วตั้งคำถาม
ภายในถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง
ทุกชนิดของมอนสเตอร์ที่โดยปกติแล้วมักจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืด บัดนี้ไม่สามารถปกปิดรูปลักษณ์อันน่าหวาดหวั่นของพวกมันเอาไว้ได้อีกต่อไป
เนื่องจากเบื้องหน้าของพวกมัน ปรากฏถึงมนุษย์แสงที่สาดประกายสว่าง สลายความมืดมิดไป
มอนสเตอร์ทุกตัวล้วนมีสติปัญญา ดังนั้นพวกมันจึงกำลังพิจารณาในตัวเลือก
ลึกเข้าไปในถ้ำใต้ดิน
ปรากฏให้เห็นถึงมนุษย์คนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในพื้นที่โล่งกว้าง
เขาคือชายที่สวมใส่แจ็คเก็ตหนังสีดำ ถุงมือที่ใส่ก็ยังเป็นสีดำ กุมมีดสั้นไว้ในสองมือ และคาบไพ่ใบหน้าไว้ในปากของเขา
ลักษณะของชายผู้นี้ คล้ายกับข้ามผ่านมาแล้วซึ่งทุกประสบการณ์อันหลากหลาย ผ่านพ้นมาแล้วซึ่งทุกชนิดของความเจ็บปวด
โดยข้างกายเขา มีกิ้งก่าเกล็ดเขียวตัวหนึ่งกำลังคืบคลานอยู่
“เจ้าหนูหยิงฮ่าว ข้าไม่คิดฝันเลยว่าเจ้าจะได้รับโอกาสเช่นนี้” กิ้งก่ากล่าวด้วยอารมณ์
ชายคนนั้นเก็บมีดสั้นของเขา และหยิบไพ่ที่คาบในปากออกมา เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง
“ฮะฮ่า! หนทางสู่การเป็นเทพอย่างนั้นหรือ? ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ฉันควรจะเลือกวิหารอะไรดีนะ ถึงจะเหมาะสมกับการพัฒนาของฉัน”
ซางหยิงฮ่าวกล่าวอย่างช้าๆ
แต่ระหว่างที่ตนกำลังสงสัย กลับเห็นแค่เพียงประกายวาบจากมนุษย์แสงเบื้องหน้า โถมเข้าตรึงร่างของเขาอย่างกะทันหัน
“เฮ้ๆ จะทำอะไรน่ะ ฉันยังไม่ทันจะได้เลือกเทพที่ศรัทธาเลยนะ!” ซางหยิงฮ่าวถามสวนกลับไป
ระหว่างถาม ประกายที่ห่อหุ้มกายเขาก็ถูกเรียกกลับคืน
มนุษย์แสงส่งเสียงผ่านเข้าไปในจิตใจของเขา “เจ้าเป็นผู้ใช้ไพ่ประเภทลอบสังหาร ดังนั้นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดคือวิหารแห่งความตายและวิหารแห่งความลับ”
ซางหยิงฮ่าวนิ่งงันไปทันใด
กลับกลายเป็นว่าเมื่อครู่คือคำถาม และมนุษย์แสงก็ได้ตอบคำถามเขาไปซะแล้ว
ซางหยิงฮ่าวแทบจะไม่เสียเวลาคิดเลย เขาเอ่ยปาก
“…ฉันเคยเห็นความตายมามากเกินไปแล้ว ฉะนั้นฉันขอเลือกวิหารแห่งความลึกลับ”
………………………………….