ในโลกทะเลทราย
ท่ามกลางผืนทรายอันกว้างใหญ่
เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มสาดแสง พายุทรายก็เริ่มก่อตัว สร้างความปั่นป่วนขึ้น
กู่ฉิงซานยืนอยู่ในจุดเดิมอย่างเงียบๆ เฝ้าคิดหาวิธีการหลบหนี
เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวเท่านั้น ซึ่งนี่กล่าวได้ว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วน
แต่ในเวลานี้ ตัวเขาไม่สามารถใช้ชื่อของสมาคมกำปั้นเหล็กได้
เพราะอีกฝ่ายจะต้องพบร่องรอยของตัวเขาจากในที่สมัครภารกิจทีมชั่วคราวแล้ว แน่นอน คงเก็บรูปลักษณ์หน้าตาของเขาเอาไว้เช่นกัน
เขาได้สังหารชายชุดคลุมดำด้วยตนเอง
บางที ตอนนี้อีกฝ่ายอาจกำลังส่งคนมาจับตัวเขากับซีน้อยแล้วก็ได้
เนื่องจากตลาดมืดอยู่ภายใต้การควบคุมของคริสตจักรแห่งความตาย เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นที่นั่น มันก็เท่ากับการโยนตัวเองลงไปในกับดัก
แต่ถ้าไม่เข้าไปในตลาดมืด เขาก็จะไม่สามารถใช้ยานพาหนะออกจากโลกทะเลทรายได้
นี่มันน่าปวดหัวจริงๆ
กู่ฉิงซานเดิมวนกลับไปกลับมาเป็นเวลานาน ย้อนนึกเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่มันเกิดขึ้น
‘ซีน้อยเปลี่ยนเป็นไพ่ และปล่อยให้เขาทำหน้าที่พาเธอไป…’
จริงสิ! ในเมื่อตัวกู่ฉิงซานเองก็เป็นราชทูตตัดสินบาป ถ้างั้นเขาก็น่าจะเปลี่ยนตัวเองเป็นไพ่ได้เหมือนกันหรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ พลันบังเกิดรูนสีเทาลอยล่องขึ้นรอบตัวเขา
กรอบรูนสีเทาว่ายวนอยู่ในความว่างเปล่า เสมือนกำลังเฝ้ารอคำสั่งจากเขาอยู่
หัวใจของกู่ฉิงซานบังเกิดความกระจ่างชัด
ตนสามารถเปลี่ยนเป็นไพ่เมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา
เขาสั่งการนึกคิดในจิตใจ
ปุ้ง!
ร่างของกู่ฉิงซานหายไปจากทะเลทราย และถูกแทนที่ด้วยไพ่สีเทา
ในไพ่สีเทา ปรากฏภาพของกู่ฉิงซานที่กำลังหันไปมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น
เขาค้นพบว่าตนเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แสนจะคับแคบ รายล้อมไปด้วยหมอกหนาสีเทา ขยับเพียงนิดตัวก็จะชนกับกำแพงหนา
ในไพ่ของซีน้อยสามารถวางได้ทั้งห้องนอนและเตียงขนาดใหญ่ แต่ทำไมของเขาถึงได้แค่ยืนกันล่ะ?
กู่ฉิงซานคิด แล้วทันใดนั้นคำตอบก็ถูกส่งผ่านจากหมอกเทามาในหัวใจของเขา
คุณต้องยกระดับไพ่ของคุณ เพื่อที่จะขยายพื้นที่ใช้สอยของมัน
…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
กู่ฉิงซานกระจ่างชัด เขาวางมือลงบนขอบไพ่สีเทา และมองลอดออกไป
เขาค้นพบว่าตนเองสามารถมองดูวิวทะเลทรายจากไพ่ได้
มันช่างน่าทึ่งจริงๆ
เมื่อสั่งการนึกคิดในจิตใจอีกครั้ง ร่างของเขาก็วูบไหวทันที รูนสีเทารอบตัวหายไปโดยสิ้นเชิง ตัวเขาพุ่งออกมาจากไพ่ กลายเป็นร่างมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นกลางทะเลทราย
กู่ฉิงซานคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดนึกแผนการออก
“ฉานนู่”
“นายน้อย ข้าอยู่นี่”
ฉานนู่โผล่ออกมาจากในความว่างเปล่าเบื้องหลังเขา
“ข้ามีแผนเล็กๆน้อยๆ” กู่ฉิงซานกล่าว
“นายน้อยโปรดบัญชา”
“ก่อนอื่น เจ้าจงใช้ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิตแปลงตนเป็นมนุษย์ซะ”
“เจ้าค่ะ”
…
ไม่นานนัก กระแสแสงก็ตัดผ่านขอบฟ้า ร่อนตกลงบนพื้นดินหน้าทางเข้าเมืองเล็กๆ
ร่างของหญิงในชุดคลุมฟ้าปรากฏขึ้น
เธอดูเหมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่มีภูมิหลังบริสุทธิ์ ไร้มลทิน กระทั่งหนังสือหน้าประตูเมืองเล็กๆ ก็ยังไม่อาจตรวจเจอปัญหาใดๆ จากเธอ
หลังจากผ่านด่านทดสอบแล้ว เธอก็เข้าเมืองได้สำเร็จ
เนื่องจากผู้ฝึกยุทธ์หญิงไม่มีเงินเลย ดังนั้นเธอจึงตรงไปยังศูนย์ส่งเสริมแรงงาน และเริ่มรับภารกิจชั่วคราวกับใครบางคน
นี่คือภารกิจทีมชั่วคราวที่ง่ายที่สุด เหมือนกับการสำรวจผิวดินที่กู่ฉิงซานเคยทำ
เป้าหมายของภารกิจคือ ไปยังเขตทะเลทรายที่กำหนด และรวบรวมเศษผิวดิน เศษหินบางอย่าง
โดยรางวัลจะมีมูลค่าเป็นสี่สิบเหรียญ
สี่สิบเหรียญหมายเลขหนึ่ง ซึ่งกำลังแสดงรูปลักษณ์ของมอนสเตอร์กินพืชที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางกระแสมิติ
มันคือเหรียญที่มีมูลค่าต่ำสุดในดินแดนชิงอำนาจ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่สี่สิบเหรียญเลขหนึ่ง ทว่าก็เพียงพอต่อการซื้ออาหารกินในเมืองเล็กๆ
ยังไงก็ตาม สำหรับหน้าใหม่ นี่เป็นงานที่จะต้องทำให้เสร็จ
เมื่อเริ่มออกเดินทาง ผู้ฝึกยุทธ์หญิงก็เอ่ยปากว่าเวลาของเธอมีจำกัด และหวังว่าเพื่อนร่วมทีมทั้งสองจะจับมือของเธอ และมุ่งไปยังจุดหมายด้วยกัน
จากนั้น ร่างของเธอก็กะพริบไหวหลายครั้ง คล้ายกับการเคลื่อนย้ายระยะไกล นำพาสองเพื่อนร่วมทีมของเธอไปยังจุดหมาย
เพื่อนร่วมทีมทั้งสองแน่นอนว่าย่อมต้องตกใจกับสิ่งที่พบเจอ
“ถึงฉันจะไม่มีความสามารถอื่นก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องความสามารถในการย้ายมิติล่ะก็ จัดว่าเชี่ยวชาญไม่น้อยเลย” ผู้ฝึกยุทธ์หญิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองจึงค่อยหายสงสัย
เพราะหากเธอมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายแบบนี้ ผสานไปกับความสามารถในการต่อสู้ดียอดเยี่ยมแล้วล่ะก็ ผู้ฝึกยุทธ์หญิงตรงหน้าคงเข้าไปในตลาดมืดแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาทำงานง่อยๆ อยู่นอกเมืองแบบนี้หรอก
ภารกิจชั่วคราวนั้นง่ายมาก เพียงแต่มันไม่สามารถทำด้วยตัวคนเดียวได้
เมื่อมีท่าย้ายมิติ ทั้งสามจึงสามารถบรรลุภารกิจได้อย่างรวดเร็ว
และก็ทำเช่นนี้ซ้ำๆ อีกหลายครั้ง ผู้ฝึกยุทธ์หญิงพุ่งข้ามผ่านทะเลทรายกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน
กระบวนการทั้งหมด ใช้เวลาทั้งสิ้นสิบนาที
ทั้งสามส่งภารกิจ และแยกย้ายกัน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากต้องการจะได้รับคุณสมบัติตั้งทีมถาวร พวกเขาจะต้องผ่านด่านทีมชั่วคราวซะก่อน
หน้าใหม่อีกสองคนรีบแยกไปหาทีมถาวรของตัวเอง
ผู้ฝึกยุทธ์หญิงยังคงอยู่ในศูนย์แรงงานตลาดมืด รับรางวัลภารกิจที่แสนน้อยนิด และตรงไปหาผู้จัดการเรื่องทีม
“ข้าต้องการสมัครทีมถาวร” ผู้ฝึกยุทธ์หญิงกล่าว
“ต้องใช้อย่างน้อยสามคนเพื่อสร้างทีม และยังต้องจ่ายเหรียญเลขหนึ่งอีกยี่สิบเหรียญ เพื่อให้สมาชิกในทีมของคุณทำการลงทะเบียน” ผู้จัดการทีมกล่าว
ผู้ฝึกยุทธ์หญิงพยักหน้า โค้งกายคารวะและจากไป
เดินไปจนกระทั่งพบมุมอับในเมือง เธอจึงค่อยหยิบไพ่ออกมาจากแขนเสื้อเธอ
“นายน้อย เขาบอกว่าต้องการสมาชิกในการสร้างทีมสามคน” เธอเอ่ยด้วยท่าทีเศร้าๆ
กู่ฉิงซานที่ยืนอยู่ในไพ่กล่าว “ข้าได้ยินแล้ว คราวนี้เดินไปด้วยกันเถอะ”
เขากระโจนออกจากไพ่ และเปิดใช้งานความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต
อย่างรวดเร็ว กู่ฉิงซานได้เปลี่ยนร่างกลายเป็นวังเฉิง
ฉานนู่มองเขาและกล่าว “แต่พวกเราก็ยังมีแค่สองคนอยู่ดี ยังต้องการอีกหนึ่ง”
“เรื่องนั้นไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง” กู่ฉิงซานกล่าว
ทั้งสองเดินกลับไปยังศูนย์ส่งเสริมแรงงาน
“พวกเราต้องการจัดตั้งทีม” กู่ฉิงซานกล่าว
ผู้จัดการทีมเงยหน้า พอเห็นว่ามีแค่สองคน ก็เอ่ยทวนซ้ำด้วยความหงุดหงิด “จ่ายยี่สิบเหรียญเลขหนึ่งและต้องมีสมาชิก ‘อย่างน้อยสามคน’ ถึงจะจัดตั้งทีมได้”
กู่ฉิงซานส่งสัญญาณไปทางฉานนู่ ให้เธอนำเหรียญออกมา
เขายัดสี่สิบเหรียญทั้งหมดให้กับผู้จัดการและยิ้ม “เพื่อนของฉันอีกคนกำลังจะมาในเร็วๆ นี้ ได้โปรดช่วยลงทะเบียนให้พวกเราก่อนจะได้ไหม”
ผู้จัดการทีมรับเงินมา แต่ยังคงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาไม่พูดอะไรมากความอีก และเริ่มทำการลงทะเบียนให้กับพวกกู่ฉิงซาน
กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็ว และติดอยู่แค่ในขั้นตอนสุดท้าย
ขั้นตอนนี้กำหนดให้สมาชิกในทีมแต่ละคนต้องทิ้งเสียง และรูปลักษณ์ของตนเองเอาไว้
ฉานนู่เป็นคนแรก เธอกดมือลงบนหินรูปสี่เหลี่ยมและกล่าว “ฉานนู่ ผู้ฝึกยุทธ์ สมาชิกทีมร้อยบุปผา”
จากนั้นก็เป็นกู่ฉิงซาน
เขากดมือลงบนหิน เปล่งเสียง “วังเฉิง ผู้อัญเชิญปีศาจ สมาชิกทีมร้อยบุปผา”
ผู้จัดการทีมค่อยอารมณ์ดีขึ้น เขาเอ่ยถาม “แล้วอีกคนหนึ่งล่ะ?”
ฉานนู่หันไปมองกู่ฉิงซาน
“โปรดรอสักครู่ เดี๋ยวฉันจะไปตามตัวเขา” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แล้วเขาก็วิ่งออกจากประตูไป
ไม่นานนัก ชายอีกคนที่ดูสง่างามก็เดินเข้ามา
ชายคนนั้นตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว เอ่ยกับผู้จัดการทีม “ต้องขออภัยที่ข้ามาสาย”
ผู้จัดการทีมไม่คิดพูดอะไร เขายื่นคอส่งสัญญาณไปทางหินสี่เหลี่ยม
ชายคนนั้นเร่งกดมือลงบนหินและกล่าว “ฉีหยาน ผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ใช้เทคนิคมนตรา สมาชิกทีมร้อยบุปผา”
ก้มลงมองเงินที่ได้รับเพิ่มมาอีกเท่าหนึ่ง เขาก็เอ่ยปาก
“จากนี้ไป ทีมของคุณนับว่าได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว และฉันขอแนะนำให้พวกคุณเริ่มต้นด้วยการหางานง่ายๆ เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกใบนี้ซะก่อน ถึงจะสามารถแสวงหาโชคลาภจากที่นี่ได้”
“ขอบพระคุณมาก”
ฉานนู่กับฉีหยานประสานสองกำปั้นให้แก่อีกฝ่าย
แล้วพวกเขาก็เดินออกมานอกศูนย์แรงงาน เริ่มมองหาภารกิจบนที่แปะบนผนัง
“นายน้อย ท่านดูนั่นสิ” ฉานนู่เตือนเขา
ทั้งสองหันไปมองยังทิศทางเดียวกัน
เห็นแค่เพียงบนผนังแปะภารกิจ มีรางวัลนำจับของกู่ฉิงซานแปะอยู่ด้านบนสุด
และไม่ใช่แค่เพียงเขา แต่ยังมีภาพของซีน้อยอีกด้วย
นี่อาจจะเป็นภาพที่ถูกถ่ายไว้ที่นี่ ในช่วงที่ทั้งสองรับมอบภารกิจ
เบื้องล่างของทั้งสอง คือรางวัลอันแสนน่าอัศจรรย์ใจที่เสนอขึ้นมา
ฝูงชนต่างแออัด เบียดเสียดกันเพื่อตะกายเข้าไปดูรางวัลภารกิจ
“ภารกิจที่ทางวิหารแห่งความตายปล่อยออกมาด้วยตัวเอง น้อยครั้งจริงๆ ที่โลกทะเลทรายจะเจอกับเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้”
บางคนเดาะลิ้นจนเกิดเสียงดัง
“ลืมมันเถอะ สำหรับพวกเราอย่าแม้จะคิดรับภารกิจนี้เลย ได้ยินว่ากระทั่งคนใหญ่คนโตในตลาดมืดก็ยังเสร็จมันเหมือนกัน” คนคนหนึ่งกล่าว
หลายคนพอได้ฟัง ก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ
ยังไงก็ตาม แววตาของพวกเขาก็ยังคงตรึงอยู่บนรายละเอียดรางวัลมหาศาล ไม่ยินยอมที่จะผละจากไป
กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ
แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ เขาถูกหมายหัวโดยวิหารแห่งความตาย และเกรงว่าตนคงจำเป็นต้องระมัดระวังตัวมากกว่านี้ หากคิดท่องไปในดินแดนชิงอำนาจ
“นายน้อย แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดี?” ฉานนู่ถาม
“แน่นอนว่าต้องรีบสะสมเงินและได้รับสิทธิ์ที่จะเข้าสู่ตลาดมืด พวกเราคงต้องเร่งมือกันหน่อยแล้ว”
กู่ฉิงซานเหลือบมองเงินรางวัล สลับกับมองภารกิจทั้งหมดที่แปะบนผนัง และทำการเลือกมาหนึ่งงานที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด
“พวกเราจะไปทำภารกิจนี้กัน” เขากล่าวกับฉานนู่
ฉานนู่มองไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายชี้
เห็นแค่เพียงหนึ่งในภารกิจ รายละเอียดว่า “ทางตลาดมืดได้ออกภารกิจสำคัญ นั่นคือการค้นหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหมายจับของวิหารแห่งความตาย หากได้รับการยืนยันว่าข้อมูลที่คุณกล่าวมาเป็นความจริง จะได้รับรางวัลดังต่อไปนี้ทันที ”
“ได้รับคุณสมบัติในการเข้าสู่ตลาดมืด”
“ได้รับเหรียญเลขสิบ หนึ่งพันเหรียญ”
“ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสำคัญของข้อมูลที่ได้รับ หากเป็นประโยชน์มาก ทางทหารรักษาการจะเพิ่มเติมรางวัลให้”
“หมายเหตุ หากค้นพบว่ามีการฉ้อฉลหรือปลอมแปลงข้อมูล คนที่ให้ข้อมูลจะถูกประหารทันที!”
ฉานนู่อ่านคำอธิบายภารกิจ ชะงักงันไป
เธอเอ่ยผ่านความคิด “นายน้อย พวกเขาต้องการจับท่าน แต่ท่านแท้จริงกลับต้องการรายงานข้อมูลของตัวเองให้กับพวกเขา?”
กู่ฉิงซานพยักหน้า “อืม เพราะยังไงซะ พวกเราก็รู้อยู่แล้วว่าข้อมูลที่จะบอกไปมันเป็นความจริง แบบนี้เรียกว่าได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”
………………………