โลกบรรพกาล
นอกสวรรค์
พวกเทพต่างมีภาระมากมาย
ลั่วปิงหลีรายงานวัตถุดิบมีค่ามาหลายร้อยชิ้น บ้างเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งแม้กระทั่งในโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์
พวกเทพเคลื่อนกำลังออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อค้นหาวัตถุดิบบริสุทธิ์หายากหลากชนิด
แม้กระทั่งเทพจินเยี่ยนก็เข้าร่วมงานครั้งนี้ตามคำขอของราชาเทพด้วย
ในตำหนักของราชาเทพ
ราชาเทพนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงตระหง่าน
ในโถงว่างเปล่า มีเพียงคริสทัลน้ำแข็งขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ลั่วปิงหลีถูกแช่แข็งอยู่ในนั้น
“คาดไม่ถึง เจ้าจะส่งเทพพวกนั้นออกไปค้นหาวัตถุดิบเหล่านี้มาให้ ถ้าเช่นนี้ ผนึกในจุดตันเถียนของข้าคงคลายออกในไม่ช้า” ลั่วปิงหลีกล่าว
“ใช่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ต้องให้อยู่ในคริสทัลน้ำแข็งชั่วคราว” กู่ฉิงซานกล่าวขอโทษ
ลั่วปิงหลีคิดถึงอีกเรื่องอยู่ “เทพแห่งการโกหก”
“เป็นความจริง ทันทีที่เขาใช้ความสามารถนั่น จะไม่มีใครสามารถโกหกต่อหน้าเขาได้”
“อย่างนั้นเจ้า”
“เขาไม่กล้าใช้พลังกับราชาหรอก เว้นแต่ว่าอยากรนหาที่ตาย” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบา
ลั่วปิงหลีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
กู่ฉิงซานถามว่า “เจ้าแยกวิญญาณออกมาเหมือนกับอาจารย์ข้างั้นหรือ”
“เปล่า ข้ายังครบสามสิบสอง ไม่ได้ตายเสียหน่อย” ลั่วปิงหลีกล่าว
นางอธิบายเพิ่มเติมว่า “ทั่วทั้งยุคโบราณ หากไม่นับเต่า ข้าก็เป็นคนเดียวที่รักษาทั้งร่างกายและวิญญาณไว้ได้อย่างสมบูรณ์”
“ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“ข้าคือนักพรตที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านท่วงทำนอง นั่นหมายถึงมีวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ถ้าอยู่ตัวคนเดียว ข้าก็ไม่กลัวว่าพวกเทพทั้งหลายและสัตว์ประหลาดบรรพกาลทั่วไปจะตัดสินใจไว้ชีวิตข้า ยังไงพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบเรื่องการรักษาภาพซ้อนทับทั้งหมดเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดความผิดเพี้ยน” ลั่วปิงหลีกล่าว
“แผนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกเหล่าเทพค้นพบในท้ายที่สุดจนได้” กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา
“ใช่ แต่พวกเรายังมีอีกเส้นทาง เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นทางนี้ยังไม่ถูกค้นพบ มันจะถูกผนึกในจุดตันเถียน ข้าไม่แม้แต่จะรู้รายละเอียดด้วยซ้ำ” ลั่วปิงหลีกล่าว
นางมองกู่ฉิงซานก่อนกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ทันทีที่ผนึกคลายออก ข้าจะบอกเส้นทางให้ผ่านเสียงจิตเทพ จากนั้นข้าจะเผาวิญญาณจนตาย ทำแบบนี้จะได้ไม่รั่วไหลไปถึงเทพจินเยี่ยน”
“เจ้ากลัวเขาหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“ข้าไม่กลัวหรอก แต่ข้ามองออกว่าเขากระตือรือร้นที่จะได้ความลับสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก มันมากจนที่ทำให้เขาอยากฆ่าเจ้าได้เลยล่ะ” ลั่วปิงหลีกล่าว
กู่ฉิงซานเงียบสักพักแล้วกล่าวว่า “อย่าตายเลย”
ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “ข้าต้องตาย ข้าจะทำเหมือนกับไปสัมผัสผนึกแล้วตาย ทำแบบนี้ พวกเทพจะไม่สงสัยว่าเจ้าล่วงรู้ความลับ”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “แบบนี้ไม่ได้ผลหรอก ข้าจะคิดหาทางอื่นให้”
ลั่วปิงหลีส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วที่พวกเราทุกคนเตรียมใจที่จะตาย สหายนับไม่ถ้วนเสียสละตัวเองเพื่อความลับนี้ ข้าจะใช้ความตายเพื่อทำให้แน่ใจว่าความลับจะไม่รั่วไหลออกไปเช่นกัน เจ้าไม่ต้องสนใจไปหรอก”
กู่ฉิงซานเห็นนางกระตือรือร้นที่จะตาย ทำเอาจิตใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ยิ่งเจ้าอยู่ช่วงเวลานี้นานเท่าไหร่ โอกาสที่เจ้าจะตายยิ่งน้อยลงตามไปด้วย”
“ทำไมล่ะ” ลั่วปิงหลีถาม
“ตอนเส้นทางแรกถูกทำลายโดยเหล่าเทพ มันก็ได้อธิบายถึงปัญหาของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
ลั่วปิงหลีสนใจคำพูดของเขาก่อนถามว่า “มีปัญหาอะไรกับเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือ”
“การประเมินศัตรูต่ำไปน่ะ”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เจ้าต้องเข้าใจเรื่องหนึ่งก่อน เทพไม่ได้รับมือได้ง่าย พวกเขาถึงขั้นสามารถนำหวนคืนชาติภพหกวิถีออกมาได้ พวกเขาต้องซ่อนวิถีลับเอาไว้มากมายแน่ๆ ”
เขาเผยสีหน้าดูแคลนตัวเองออกมา “ทำไมข้าถึงเอาแต่อยู่ในตำหนักเทพแล้วนั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ด้วย แค่เพราะข้ารู้เกี่ยวกับเทพมากเกินไปนิดหน่อยก็เลยไม่สามารถออกจากตำหนักเพื่อไปทำสิ่งอื่นได้ ไม่อย่างนั้น คงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะพาเจ้าหลบหนีจากการจับกุมของเหล่าเทพได้”
“หากไม่นับเทพ สัตว์ประหลาดบรรพกาลก็รับมือได้ยากยิ่งกว่า ผู้ปกครองโลกบรรพกาลมีความเข้าใจเกี่ยวกับเหล่าเทพมาก บางครั้งก็เงียบ แต่บางครั้งจู่ๆ ก็พุ่งพรวดออกมาฆ่าเทพเสียอย่างนั้น”
“ผู้ปกครองโลกบรรพกาลระมัดระวังเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าเดาว่าความเข้าใจของเขาที่มีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์น่าจะสูงกว่าเทพด้วยซ้ำ”
ลั่วปิงหลีประหลาดใจสักพัก นางมองกู่ฉิงซานแล้วถามว่า “เจ้าไม่มั่นใจในตัวเองหรือ”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ก็ไม่น่ะสิ”
“ทำไมล่ะ” ลั่วปิงหลีถาม
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ความมั่นใจเป็นพื้นฐานการรู้ตัวเองและรู้ศัตรู ข้าไม่แม้แต่จะรู้ว่ามีสิ่งเหลือเชื่อมากมายที่เผ่าพันธุ์เทพเลียนแบบสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์บรรพกาลแข็งแกร่งแค่ไหน ไม่รู้ว่าพวกเขามีความลับกับเป้าหมายอะไรที่ทำให้หันมาเล่นงานเผ่าพันธุ์มนุษย์”
เขากล่าวอย่างจนใจว่า “ข้าไม่รู้อะไรเลย ข้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ไม่มีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือแม้แต่นิดเดียว เจ้าคิดว่าข้าจะไปมีโอกาสชนะได้อย่างไร”
ลั่วปิงหลีเงียบไปสักพัก
นางกล่าวอย่างยากลำบากว่า “ในเมื่อสถานการณ์มันตึงเครียดขนาดนี้ ข้ายิ่งควรต้องใช้ความตายเข้าแลกเพื่อรักษาความลับของมนุษย์เอาไว้”
“ไม่ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าต้องรอดเพื่อช่วยข้า” กู่ฉิงซานกล่าว
“ช่วยเจ้าหรือ”
“ใช่ ข้าไม่คิดว่าจะสามารถเอาชนะสองเผ่าพันธุ์ทรงพลังที่เตรียมการมาอย่างดีได้ด้วยการพึ่งเพียงตัวเอง มันเหมือนกับฝันกลางวัน ข้าต้องการใครสักคนมาช่วย”
กู่ฉิงซานคล้ายกับคิดถึงคนอื่นอยู่ก่อนถอนหายใจออกมา “สหายข้าจำนวนมากมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมกับศักยภาพอันน่าทึ่ง แต่พวกเขาอาจจะต้องการเวลาในการเติบโต ตอนนี้ข้าจึงต้องสู้เพียงลำพัง”
“เพราะงั้นข้าถึงขอร้องเจ้าว่าอย่าตาย มาช่วยข้าเถอะ”
ลั่วปิงหลีฟังเงียบๆ จนเกิดลังเลสักพักก่อนกล่าวว่า “ถ้าข้ารอด ความลับอาจจะถูกเปิดเผยได้นะ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เก็บความลับด้วยความตายมันเป็นมาตรการที่คนอ่อนแอคิดค้นขึ้นมา”
ลั่วปิงหลีจ้องมองเขา
กู่ฉิงซานเปลี่ยนคำพูดอีกครั้ง “ที่จริง จากประสบการณ์ข้า สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในสงครามคือเจตจำนงของผู้คน ขอเพียงมีใครสักคนรอดก็จะทำให้มีหวังในการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง”
ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “ข้าเต็มใจช่วยเจ้า แต่ถ้าข้ารอด ข้าจะต้องเปิดเผยความลับสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์แน่ๆ …”
“ข้าสัญญาว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น” กู่ฉิงซานเน้นยำทีละคำ
“ถ้าเช่นนี้ ข้าก็เต็มใจช่วยเจ้า แต่ถ้าสถานการณ์บังคับให้ข้าต้องตาย โปรดอย่ามาห้ามข้าล่ะ” ลั่วปิงหลีกล่าว
“พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
ตอนนี้เอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากนอกโถง “ท่านราชาเทพ ตามที่ท่านบัญชา วัตถุดิบถูกเก็บรวบรวมมาแล้ว”
กู่ฉิงซานและลั่วปิงหลีมองหน้ากัน
ทันทีที่วัตถุดิบสร้างแผ่นหยกถูกเก็บครบแล้ว ผนึกของลั่วปิงหลีในจุดตันเถียนจะคลายออก
ความลับสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะปรากฏต่อหน้าเทพในไม่ช้า
ลั่วปิงหลีถามว่า “เจ้ามีแผนอะไร พวกเขากำลังจะบังคับให้ข้าบอกวิธีสร้างแผ่นหยกแล้วนะ”
กู่ฉิงซานนั่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเศร้าโศก
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา หัวใจของลั่วปิงหลีค่อยๆ ดิ่งลง
นางกล่าวช้าๆ ว่า “ไม่มีทางอย่างนั้นสินะ เช่นนั้นก็ทำตามแผนเดิมของข้า ทันทีที่วัตถุดิบทั้งหมดนี้ปรากฏขึ้นที่ข้างข้า ข้าจะส่งต่อความลับไปให้เจ้าด้วยความรู้วิญญาณ จากนั้นข้าจะเผาวิญญาณจนถึงแก่ความตายในทันที”
“ไม่” กู่ฉิงซานกลับมามีสติก่อนกล่าวว่า “ข้าไม่ได้กังวลสถานการณ์ตรงหน้าสักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ากังวลอะไรล่ะ” ลั่วปิงหลีถามด้วยความฉงนสนเท่ห์
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วพึมพำออกมา “จนถึงช่วงเวลานี้ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากเผ่าพันธุ์บรรพกาล ไม่น่าเป็นแบบนี้สิ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร…”
“ผู้ปกครองโลกบรรพกาลรับมือยากยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์เทพ แต่เขากลับไม่ออกมาสู้เพื่อความลับนี้… มันเกินกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้…”
กู่ฉิงซานยังคงพึมพำกับตัวเองต่อไป “ข้าเตรียมการมามากมาย แต่เผ่าพันธุ์บรรพกาลกลับไม่มา นี่คือสถานการณ์ที่ข้าอยากเห็นก็จริง เพราะนั่นเป็นการพิสูจน์ว่าสถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุม”
“ต่อไป ข้าต้องใช้วิธีอื่นเพื่อทำลาย…”
ดวงตาของกู่ฉิงซานหลับลงราวกับกำลังจมดิ่งสู่ความคิด
เมื่อเห็นกู่ฉิงซานกำลังครุ่นคิด ลั่วปิงหลีจึงตกตะลึงเล็กน้อย
คนคนนี้
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่นิดเดียว เขาไม่แม้แต่จะพินิจพิเคราะห์ด้วยซ้ำ
สิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้ในใจคือจะรับมือกับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวสุดจะหยั่งยังไงต่างหาก
เขาเป็นคนประเภทนี้นี่แหละ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของลั่วปิงหลีพลันก่อเกิดเศษเสี้ยวความหวังขึ้นมา
ในวันที่มืดมนและสิ้นหวังนับครั้งไม่ถ้วน นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีความหวัง
บางที…
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจนาง
บางทีนางไม่แม้แต่จะเข้าใจว่าตั้งแต่แรกเริ่ม ตัวนางเองไม่ได้คิดว่าความลับและแผนของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะประสบผลสำเร็จ แต่เพื่อการต่อสู้อันสิ้นหวัง นางจึงหลอกตัวเอง บอกกับตัวเองว่าให้รอคอยคนนำความหวังมาให้
แต่ตอนนี้ ความหวังที่แท้จริงเริ่มผุดขึ้นในใจนางแล้ว
……………………………….