หลังจากมนุษย์แสงกล่าวจบ คลื่นบิดเบี้ยวโปร่งแสงปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา
ความผันผวนนี้ปกคลุมรอบตัวเขากับราชาเทพ
เพียงพริบตา กู่ฉิงซานหายไปพร้อมกับมัน
ในตำหนักราชาเทพ มีเพียงลั่วปิงหลีที่ยังอยู่
นางยังคงขัดเกลาแผ่นหยก แต่ความเร็วกลับตกลงไปมาก
โถงโล่งและว่างเปล่า
ลั่วปิงหลีถอนหายใจด้วยความเศร้าหมอง
ในภาพซ้อนทับของยุคลับที่นางคอยคุ้มกันนั้น เผ่าพันธุ์เทพเข้ามารุกรานและทำลายเส้นทางลับที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ซ่อนเอาไว้
ตอนนี้กลายเป็นว่ามีแผนสำรองที่เผ่าพันธุ์เทพเตรียมเอาไว้
ถ้าไม่ใช่เพราะการจุติในฐานะราชาเทพของกู่ฉิงซานผู้เจ้าเล่ห์เพทุบาย เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ถึงเรื่องนี้
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลั่วปิงหลีพลันนึกถึงบทสนทนากับกู่ฉิงซานก่อนหน้านี้
“เจ้าต้องรอดเพื่อช่วยข้า”
“ช่วยเจ้าหรือ”
“ใช่ ข้าไม่คิดว่าจะสามารถเอาชนะสองเผ่าพันธุ์ทรงพลังที่เตรียมการมาอย่างดีได้ด้วยการพึ่งเพียงตัวเอง”
ลั่วปิงหลีจมดิ่งสู่ความคิด
กลายเป็นว่าการตัดสินของเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เผ่าพันธุ์บรรพกาลแข็งแกร่งกว่าและชวนให้สิ้นหวังยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์เทพ
ในเมื่อเผ่าพันธุ์เทพยังมีแผนสำรอง แล้วเผ่าพันธุ์บรรพกาลจะไม่มีเลยหรือ
ลั่วปิงหลีสั่นสะท้านทันทีที่ความคิดนี้แล่นเข้ามา
นางรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลัง
…
ท่ามกลางหมอกอันไร้ที่สิ้นสุดในความว่างเปล่า
เศษชิ้นส่วนภาพอันหนักอึ้งของแต่ละยุคเหมือนกับดวงดาวระยิบระยับในค่ำคืนอันมืดมิด
บ้างสั่นไหว บ้างหายไป มีจำนวนสุดที่จะนับได้
“เกิดอะไรขึ้น” กู่ฉิงซานถาม
มนุษย์แสงตอบว่า “มันคือภาพซ้อนทับหลายร้อยล้านแห่ง ภาพซ้อนทับแต่ละแห่งประกอบไปด้วยช่วงเวลาหนึ่งในยุคบรรพกาล พวกมันคือของจริง บ้างเชื่อมต่อเข้าหากัน บ้างแยกตัวออกจากกัน”
“ข้าไม่เข้าใจ” กู่ฉิงซานส่ายหน้า
“ทำแบบนี้จะเข้าใจง่ายมาก…”
มนุษย์แสงชี้ไปยังส่วนที่อยู่ใกล้พวกเขาสองคนมากที่สุดก่อนกล่าวต่อว่า “ดูสิ ชิ้นส่วนนี้กำลังจะถึงจุดจบแล้ว”
กู่ฉิงซานมองไปตามทิศทางที่ชี้
เขาเห็นว่าชิ้นส่วนนั้นมีภาพกำลังวูบไหวอยู่
พวกเทพจุติบนสำนักเซียนธารจันทราเพื่อช่วยเผ่าพันธุ์มนุษย์สร้างสำนักฝึกฝนอันเลื่องชื่อนี้ขึ้นมาใหม่
เมื่อสำนักฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง ภาพทั้งหมดกลับหยุดนิ่ง
ทุกสิ่งพลันหายไป
ในภาพซ้อนทับแห่งเวลา ภาพใหม่ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
นั่นคือฉากก่อนหน้าที่สำนักเซียนธารจันทราจะถูกทำลายเป็นครั้งแรก
บนจอ เทพและมนุษย์ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาเริ่มเตรียมสร้างสำนักขึ้นมาใหม่
พวกเขาคล้ายกับย้อนไปในอดีต ไม่รู้ว่ากำลังสร้างสำนักเซียนธารจันทราขึ้นมาใหม่อีกหน
ทุกสิ่งกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้ง
“ทำไมล่ะ…” กู่ฉิงซานพึมพำ
มนุษย์แสงกล่าวว่า “เพราะเศษชิ้นส่วนของยุคที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นมีระยะเวลาเพียงเท่านี้ พวกเขาจะทำกระบวนการนี้ไปตลอดกาล”
กู่ฉิงซานคล้ายกับรับรู้ถึงอะไรบางอย่างก่อนพลันถามว่า “เจ้าหมายความว่าข้าเองก็อยู่ในเศษชิ้นส่วนนั่นเหมือนกันงั้นหรือ”
มนุษย์แสงตอบว่า “ถูกต้อง ในยุคจำนวนนับไม่ถ้วน มีเทพแห่งความเย็นยะเยือกจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนท่านเป็นองค์เดียวที่เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีแห่งชะตากรรมเพราะการมาถึงของพวกข้า”
“ทำไมเวลาและมิติถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”
“เวลาและมิติจริงไม่ใช่แบบนี้ มันเคลื่อนไปข้างหน้าตลอดไม่มีวันย้อนกลับมาใหม่ ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปในอดีตเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้”
“ที่เจ้าหมายถึงก็คือ…”
“ใช่แล้ว เวลาและมิติที่ท่านอยู่เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนหนึ่งของเวลาและมิติจริง มันมาจากวิชาหนึ่ง วิชาของมนุษย์”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะเชี่ยวชาญวิชาที่ทรงพลังเช่นนี้”
มนุษย์แสงกล่าวว่า “เผ่าพันธุ์เทพทั้งหมดเชื่อว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถเชี่ยวชาญวิชาเช่นนั้นได้ แต่พวกเขาก็ทำได้ พวกข้าเดาว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้รับการสืบทอดส่วนหนึ่งจากยุคบรรพกาลผ่านวิธีการบางอย่าง”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดก่อนกล่าวช้าๆ ว่า “เพราะเหตุนี้พวกเขาถึงสามารถสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพได้ เพราะงั้นพวกเขาถึงสามารถสำแดงวิชาที่สุดแสนเหลือเชื่อได้ใช่หรือไม่”
“อะไรประมาณนั้น” มนุษย์แสงกล่าว
กู่ฉิงซานก้มศีรษะก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “ข้าถึงกับเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเวลา… ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ …”
มนุษย์แสงหันมามองก่อนกล่าวกับเขาว่า “ไม่มีเวลาให้มาถอนหายใจแล้ว นายท่าน ท่านต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้”
“ตัดสินใจอะไร”
“ในภาพซ้อนทับของยุคที่ท่านอาศัยอยู่ ช่วงล่าสุดถึงกับเป็นช่วงเมื่อครึ่งปีก่อน ในตอนนั้น ท่านยังนั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาเทพสูงตระหง่าน ปกครองสองเผ่าพันธุ์ทั้งเทพและมนุษย์”
“ถ้าท่านอยากเป็นอิสระจากภาพซ้อนทับของยุคนั้นและใช้ชีวิตอย่างแท้จริงนับจากนี้เป็นต้นไป ท่านจะต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบนับไม่ถ้วนที่อาจทำให้ถึงตายได้ตลอดเวลา ท้ายที่สุดก็จะมีโอกาสเข้าสู่โลกจริง”
“จะเลือกช่วงที่เป็นราชาเทพในเศษเสี้ยวแห่งเวลาหรือจะสู้แม้ว่าจะมีความตายรออยู่ ท่านจะต้องเข้าสู่โลกจริงและเริ่มอนาคตที่สุดจะคาดเดาอย่างสมบูรณ์”
“ระหว่างสองสิ่งนี้ นายท่านจะต้องเลือกเพียงสิ่งเดียว”
กู่ฉิงซานเงียบไปสักพักแล้วกล่าวว่า “ข้าขอถามหน่อย ในมิติและเวลาจริง เกิดอะไรขึ้นกับพวกข้าเผ่าพันธุ์เทพ”
มนุษย์แสงตอบว่า “เทพส่วนใหญ่ตาย มีเพียงน้อยนิดซ่อนตัวอยู่ในชั้นโลกเก้าพันเก้าร้อยล้านชั้นที่ถูกสร้างเลียนแบบจากเผ่าพันธุ์มนุษย์บรรพกาลโดยพวกข้า นับว่าเส้นย่าแดงผ่าแปดเลยก็ไม่ผิด”
ความเศร้าโศกพอประมาณปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน
ฉับพลันนั้นเอง ในใจของเขานึกถึงบทสนทนาระหว่างผู้ปกครองโลกบรรพกาลและราชาเทพที่กำลังจะล่วงลับ
ราชาเทพในตอนนั้นกล่าวว่า “เหตุผลที่ทำไมพวกข้าสร้างโลกหลายใบก็เพื่อตรวจสอบและดูว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ในสมัยบรรพกาลนั้นเป็นเช่นไรก่อนตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งเพื่อเข้าสู่ประตูบานนั้น”
ผู้ปกครองโลกบรรพกาลกล่าวอย่างเหยียดหยันว่า “เจ้าอยากสอดแนมความลับสุดยอดที่ถูกฝังไว้ในสมัยบรรพกาลใช่หรือไม่”
…
“หวนคืนชาติภพหกวิถีเกินการควบคุมของข้า ถ้าเจ้ากล้าเลียนแบบพลังของมนุษย์เพื่อสร้างมันขึ้นมา นั่นเท่ากับเป็นการท้าทายความยิ่งใหญ่ของข้า”
“ผู้ปกครองโลกบรรพกาล… หวนคืนชาติภพหกวิถีเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา ไร้ซึ่งพลังใดๆ … ข้า… ทำเพื่อท่าน”
นี่คือประโยคสุดท้ายของราชาเทพก่อนถึงแก่ความตาย
ความลับของสิ่งนี้คืออะไร
ความคิดของกู่ฉิงซานวูบไหวขณะนึกถึงเรื่องราวอย่างเงียบงัน
เขาไม่มีเวลาจะมาคิดถึงมันตอนนี้
มนุษย์แสงเปิดปากพูดขึ้นว่า “ท่านราชาเทพ โปรดตัดสินใจด้วย จะกลับสู่ส่วนหนึ่งของเวลาเพื่อกลายเป็นราชาอย่างปลอดภัยหรือจะเผชิญหน้ากับการทดสอบอันโหดหินที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อมุ่งสู่โลกจริง”
กู่ฉิงซานกล่าวเสียงเจื่อน “นี่เจ้ายังจะให้เลือกอีกหรือ”
มนุษย์แสงมองเขา “ท่านหมายความว่าอย่างไร”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ราชาเทพจะใช้ชีวิตอยู่ในภาพลวงตาหรือ”
มนุษย์แสงนิดสักพักก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านราชาเทพ ข้าขอยืนยันอีกครั้งว่าท่านคือราชาที่ควรค่าต่อการแบกรับความหวังของเผ่าพันธุ์เทพเอาไว้”
“นายท่าน ตอนนี้ท่านกำลังเผชิญหน้ากับบททดสอบที่หนึ่งอยู่”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เจ้าพูดเองนะ”
มนุษย์แสงกล่าวว่า “ในเศษเสี้ยวของยุคนี้ที่ท่านอยู่ มันคือช่วงเวลาที่ท่านกลายเป็นราชาเทพและราชาเทพคือสิ่งที่สำคัญกับเผ่าพันธุ์มนุษย์”
“แล้วอย่างไรต่อ”
“เผ่าพันธุ์มนุษย์บางส่วนถอยหนีจากการเฝ้ามองของพวกเราก่อนมุ่งสู่โลกบรรพกาล โลกที่พวกเรากำลังศึกษาประวัติศาสตร์ หลังจากนั้นจึงพบว่าครั้งนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างหลังจากเข้าสู่โลกบรรพกาล”
“ดังนั้น พวกเรามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าในโลกบรรพกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ค้นพบความลับบางอย่างเข้า”
“บางทีดาบทั้งสองเล่มของเผ่าพันธุ์มนุษย์กับวิชามิติและเวลาอาจจะได้รับในตอนนี้ก็ได้”
“นายท่าน ท่านคือเทพผู้แข็งแกร่งที่สุด ท่านต้องไปโลกบรรพกาลเพื่อตามหาความลับนั่น”
หัวใจของกู่ฉิงซานเต้นรัว
อันที่จริง ณ ปลายทางของยุคบรรพกาล เหล่าเทพที่เหลืออยู่เป็นผลสะท้อนจากหน้าประวัติศาสตร์และการเริ่มต้นใหม่
ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
เซี่ยกูหงไปโลกบรรพกาลแล้วกลับออกมาอย่างปลอดภัย
เผ่าพันธุ์มนุษย์ค่อยๆ เปลี่ยนไป
…นี่คือสิ่งที่กู่ฉิงซานได้คิดเอาไว้แล้ว
เขาวางแผนจะไปโลกบรรพกาลเพราะจะออกจากเศษเสี้ยวมิติและเวลาแห่งนี้ เขาไม่มั่นใจว่าในเศษเสี้ยวแห่งอื่นนั้นตนจะยังมีความมั่นใจเหมือนอย่างเวลานี้และตอนนี้หรือเปล่า แต่เซี่ยกูหงเคยไปโลกบรรพกาลมาแล้วจริงๆ
สำหรับกู่ฉิงซาน ความต้องการของมนุษย์แสงนับว่าถูกต้อง
“ก็ย่อมได้ ทันทีที่แผ่นหยกที่ใช้ตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้น ข้าจะไปทันที” กู่ฉิงซานกล่าว
มนุษย์แสงกล่าวว่า “นายท่าน ทันทีที่ท่านถูกผู้ปกครองโลกบรรพกาลพบตัวเข้า ท่านจะถูกโทสะของเขาเล่นงานจนทำให้ถึงแก่ความตาย ท่านแน่ใจหรือว่าจะยังรับบททดสอบนี้”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าต้องไป”
มนุษย์แสงจ้องมองเขา น้ำเสียงเผยความโล่งอกออกมา “ยอดเยี่ยม ท่านราชาเทพ ข้าจะตระเตรียมการช่วยเหลือเอาไว้ให้”
“ความช่วยเหลืออะไร”
“ท่านไม่สามารถไปโลกบรรพกาลในฐานะเทพได้ ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะถูกพบตัว ข้าจะใช้พลังลี้ลับเพื่อปลอมตัวท่านให้เป็นนักพรตมนุษย์พร้อมกับมอบตัวตนที่ปลอดภัยให้เพื่อช่วยในการลอบเข้าสู่โลกบรรพกาลได้”
กู่ฉิงซานฟังอย่างตั้งใจ
คาดไม่ถึงว่าเทพจะมาไม้นี้ นี่มันช่าง…
มีร่องรอยความกังวลเล็กน้อยบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน
“ราชาผู้นี้ต้องปลอมตัวเป็นมนุษย์หรือ วิธีนี้มันจะได้ผลใช่หรือไม่”
เขาถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย
มนุษย์แสงตอบว่า “นายท่าน อย่ากังวลไปเลย การปลอมตัวเป็นหนทางการซ่อนตัวที่ดี ข้ารับปากว่าหลังจากปลอมเป็นนักพรตมนุษย์แล้ว จะไม่มีใครตรวจพบตัวตนที่แท้จริงของท่านได้”
“…ถ้าเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะยอมปลอมตัวสักครั้งก็แล้วกัน”
ราชาเทพกล่าวอย่างเคร่งขรึม
…………………………