(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki – ตอนที่ 13

“หมายความว่าไง นากายะมะ! นาย ทำอะไรกับชิโฮะ!?”

 

ริวซากิโมโหจนดูเหมือนจะกระชากเสื้อ

คงจะวิตกอยู่สินะ ปกติมักจะแสดงสีหน้ายิ้ม อย่างสบายๆ ตอนนี้กำลังสับสน เห็นแบบนั้นแล้ว ความรู้สึกอันดำมืดก็ปะทุขึ้นมา

 

ดูเหมือนผมจะไม่ได้มีนิสัยที่ดีเท่าไร พอเห็นริวซากิกำลังกังวลแล้วก็เผลอรู้สึกสนใจ

ผมรู้ตัวเองอยู่แล้ว แต่มันก็ทนไม่ไหว ตอนนี้ไม่มีชิโมสึกิอยู่ข้างๆด้วย…..บางที อาจจะคุมตัวเองไม่อยู่ก็ได้

 

“ชิโฮะน่ะนะ ร่างกายอ่อนแอ เธออ่อนแอถึงขนาดที่ถ้าไม่นอนในโรงเรียนตลอดเวลาแล้ว สภาพร่างกายจะแย่ลงแท้ๆ….อย่าบอกนะว่า นายพาเธอออกมาข้างนอก!?”

 

…..ร่างกายอ่อนแอ?

เรื่องแบบนั้น ไม่เคยได้ยินเลยนะ

ถึงเพิ่งจะเป็นเพื่อนกับชิโมสึกิได้แค่2วันก็เธอ แต่ไม่เคยเห็นท่าทางว่าเธอจะอ่อนแอเลยนะ

 

ต้องบอกว่า เธอแข็งแรงมากเลยทีเดียว

ที่นอนที่โรงเรียนเพราะว่าเบื่อ และเธอก็เคยพูดว่าเล่นเกมจนถึงดึกดื่นด้วย….หมายความว่าไงกัน?

 

(หรือว่า หมอนี่….มันจะคิดแบบนั้นไปเอง?)

 

ริวซากิอาจจะ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชิโมสึกิเลยก็ได้

ถ้าดูจากท่าทางการแสดงออกของเธอก็แน่นอน กับริวซากินั้น เธอทั้งเย็นชาตลอดเวลา บทสนทนาก็ไม่มี…..ถ้าพูดถึง ร่างกายอ่อนแอ ก็รู้สึกว่าปกติที่ริวซากิจะคิดไปเองแบบนั้น

 

“อะ เอ่อ…..”

 

แล้วก็ อาสึสะที่อยู่หลังริวซากิกำลังกระวนกระวาย

จนถึงเมื่อกี้ เธอยังประหม่าแต่ก็แสดงสีหน้าที่มุ่งมั่นออกมาได้แล้วแท้ๆ ตอนที่เธอกำลังทำหน้าลำบากใจอยู่

 

เพราะเป็นพี่ชาย เลยรู้ว่าน้องสาวกำลังโอบอุ้มความรู้สึกแบบไหนอยู่ โดยแค่ดูสีหน้า

เธอต้องมีอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ อยากบอกริวซากิแน่ๆ

 

เรียกมาที่หลังอาคารเรียนที่ไม่คนแบบนี้

บางทีคง สารภาพรัก…..หรือ คงจะเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับสิ่งนั้น

 

ไม่สิ ไอ้แบบนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นพี่ชายก็รู้

ถูเรียกมาหลังอาคารเรียนแบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่เหมาะที่สุดในการสารภาพรักเลย ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วก็ไม่ผิด

 

แต่ว่าถึงอย่างนั้น ริวซากิกับไม่รู้สึกตัว

ถ้าถามว่าทำไม เพราะเขานั้นกับเรื่องความรักแล้ว หัวทึบและไม่รู้ประสา

 

…..ถึงความเป็นพี่น้องของผมกับเธอจะอ่อนลงแล้วก็เถอะ

แต่พอเห็นความมุ่งมั่นของเธอที่ไม่ได้รับอะไรตอบแทนแล้ว ทำให้ผมเผลอส่งความช่วยเหลือไป

 

“จะว่าไป อยู่ด้วยกัน2คนมีอะไรรึป่าว? มาที่หลังอาคารเรียนลับตาคนแบบนี้…..คงมีอะไรสำคัญที่อยากจะพูดสินะ”

 

ไม่ใช่ ริวซากิ

ผมมองไปที่อาสึสะ และพูดออกมา

 

เธอมองมาที่ผม และก็ทำตาโต

แต่ว่า ก็มองไปทางอื่นทันที ราวกับว่า แสร้งทำเป็นคนไม่รู้จัก

 

“ไม่รู้เฟ้ย อาสึสะน่ะเรียกชั้นออกมา…..เรื่องนั้นช่างมันเถอะ อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ นายทำอะไรกับชิโฮะ บอกมาเดี๋ยวนี้”

 

แต่ว่า ไม่ว่าตอนไหนริวซากิก็หัวทึบ

เหมือนว่า ไม่รู้สึกถึงความรู้สึกของอาสึสะด้วย

ความรู้สึกอันบริสุทธิ์ของเธอ ถูกเมินเฉย

 

นั่นมัน ในฐานะคนในครอบครัวแล้ว….เจ็บปวด

อย่างน้อย ในฐานะพี่ชายแล้ว ก็อยากให้ความรู้สึกของอาสึสะได้รับผลตอบแทนบ้าง

 

“ไม่มีทางที่จะไม่มีอะไรไม่ใช่รึไง? นากายะมะซัง? ถ้ามีเรื่องที่จะพูด พูดให้ชัดๆไปเลยเป็นไง? ถ้าพบรบกวนล่ะก็ จะไปที่อื่นก็ได้นะ?”

 

มันยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ที่ต้องเรียกอาสึสะว่านากายะมะซัง

แต่ว่าก่อนหน้านี้ สัญญากับเธอเอาไว้ ว่าต่อหน้าริวซากิ ไม่อยากให้รู้เรื่องที่ผมเป็นพี่น้องกับเธอ สำหรับเธอ พี่ชายในอุดมคตินั้น ไม่ใช่ผม…..แต่เป็นริวซากิ

 

“อะ อา….”

 

แต่ ดูเหมือนว่าอาสึสะจะคิดเรื่องล่าถอย

เพราะแต่เดิมเธอเป็นสาวเงียบ การจะรวบรวมความมุ่งมั่นเพื่อจะสารภาพรัก คงต้องใช้ความกล้าด้วย

การที่ก้าวผ่านมันมาและเรียกออกมาได้ คิดว่ามันยอดเยี่ยมมากๆ

 

พิคิดถึงความรู้สึกของอาสึสะแล้วก็เจ็บอก

ถึงแม้ ความรู้สึกจะไม่ได้มาที่ผมก็ตาม…..แต่ก็อยากอวยพรให้อาสึสะมีความสุข

 

ก็เพราะ ครั้งหนึ่งผมเคยเป็น’โอนี่จัง’อย่างไงล่ะ

…..แต่ความรู้สึกเหล่านั้น เหมือนจะส่งไปไม่ถึงริวซากิ

 

“เจ้ากี้เจ้าการจนน่ารำคาญจังเลยนะ……โทษทีนะ อาสึสะ ให้อยู่กับหมอนี่2คนได้มั้ย? ถ้าอะไรอยากบอกล่ะก็ เดี๋ยวเอาไหวคราวหลังนะ”

 

ด้วยแบบนี้ ริวซากิจึงได้เลี่ยงความรู้สึกของสาวน้อยที่กำลังมีความรัก

เพราะหัวทึบ แต่ไม่ได้มีเจตนาร้าย เพราะอย่างงั้นจึงไม่ผิด…….ผมไม่คิดแบบนั้น

 

ผิดเพราะไม่รู้สึกตัว

ทั้งๆที่ปล่อยความรู้สึกรักออกมามากขนาดนี้แท้ๆ ไม่รู้สึกตัวแบบนั้นมันก็แค่การไม่รับผิดชอบ

 

เพราะอย่างนั้น ริวซากิน่ะ……เกลียดสุดๆเลย

 

“อะ อืม เข้าใจแล้ว…….แล้วเจอกันนะ เรียวมะโอนี่จัง”

 

แล้วก็อาสึสะที่ยอมถอนตัวไปเงียบๆแบบนั้น ผมก็โกรธ

 

แบบนั้นดีแล้วหรอ?

ความรู้สึกของอาสึสะมีแค่นั้นเองหรอ?

คนที่พูดกับผมว่า ‘เจอคนที่ชอบแล้ว’ และก็ยอมตัดความสัมพันธ์กับผมที่เป็นครอบครัวคนสำคัญ……ถอนตัวแบบนี้หรอ?

 

อยากจะตระโกนดังๆ

ว่า ความรู้สึกของตัวเองน่ะ ตั้งใจพูดไปเลยเซ่ー

 

แต่ว่าเพราะผมมีความทรงจำที่สนุกร่วมกับอาสึสะอยู่มาก จนพูดออกมาไม่ได้

ผมไม่อยากเห็นหน้าเธอตอนร้องไห้

 

“……”

 

เพราะอย่างงั้น ผมจึงทำได้แค่เงียบๆและมองส่งเธอ

 

….อา เข้าใจแล้ว

ผมเองครั้งหนึ่งก็เคยคิดว่าตัวเองเป็นตัวเอก…..แต่ไม่ใช่จริงๆด้วย

 

สำหรับผม ยิ่งกว่าการต้องทำเมินความรู้สึกของสาวน้อยบริสุทธิ์ คือผมไม่สามารถเป็นคนเห็นแก่ตัวได้

 

ไม่สิ ผมไม่อยากทำแบบนั้น……ถ้าต้องปล่อยตัวทำอย่างนั้นและทำให้สาวๆที่วิเศษต้องเจ็บ ผมคิดว่าเป็นตัวประกอบยังดีกว่า…..

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง (wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga sukiผมนั้น ก่อนที่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองเป็นตัวประกอบ ไม่สิ ผมคิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า’ตัวเอก’ด้วยซ้ำ แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นมัธยมปลายและได้พบกับหมอนั่น ผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset