มังกรลากโลงศพทั้งเก้าตัวนั้นลากโลงศพสัมริดมาจากท้องฟ้าข้ามผ่านเหนือเมืองหิมะน้ำแข็งมุ่งไปยังเทือกเขาเทียนจิ่ว
มังกรนั้นยิ่งใหญ่และสง่างาม แต่โลงศพโบราณนั้นเรียบง่ายราวกับต้องการจะอยู่ค้ำฟ้าคู่ผืนดินไปชั่วกาล
“มันขยับแล้ว เก้ามังกรลากโลงขยับแล้ว!”
“มันไปแล้วรึ? มันจะไปไหนกัน?”
“เก้ามังกรลากโลงได้ลากโลงศพไปแล้ว เจ้าคิดว่ามันจะไปฝังศพหรือเปล่า?”
ในเมืองหิมะน้ำแข็ง ผู้ฝึกยุทธ์ต่างตื่นตระหนกและรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อไล่ตามเก้ามังกรลากโลง
‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +5 จากเจาลู่’
‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +300 จากหลิวอี้ฉาง’
‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +15 จากหยางชี’
‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +8,999 จากเสวี่ยหรูเยียน’
“ช่างน่าตกใจ แค่คนเดียวก็ได้ตัง 8,999 แต้มงั้นรึ?”
เมื่อได้ฟังเสียงจากระบบ ฉินมู่ก็เอามือบ้องปาก
เสวี่ยหรูเยียน?
เหมือนข้าพึ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้ เหมือนว่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักหิมะน้ำแข็งใช่หรือไม่?
ความแข็งแกร่งของคนๆ นี้มากมายจริงๆ แต้มที่ได้มาจากคนๆ เดียวนั้นมีค่าเทียบเท่ากับคนอื่นอีกมากมาย
เมื่อมองดูแต้มโดยรวมของแต้มตกใจที่ซึ่งขึ้นมาเกือบ 80,000 แต้มแล้ว ฉินมู่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ไม่ต้องห่วง ยังไม่ถึงจุดน่าตื่นเต้นที่สุดหรอก!
…………
นอกเมืองหิมะน้ำแข็ง
เสวี่ยหรูเยียนเดินตามเงาของเกามังกรลากโลงอยู่ไกลๆ ดวงตาอันงดงามของเธอเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
ความเร็วในการเดินของเก้ามังกรลากโลงนั้นไม่ได้เร็วมากดังนั้นเธอจึงสามารถเดินตามได้อย่างง่ายดาย
ทว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจ
เก้ามังกรลากโลงนี้มาจากไหน? และมันจะไปที่ไหน?
จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันคืออะไรกันแน่?
เสวี่ยหรูเยียนเปี่ยมไปด้วยความสงสัยพร้อมกับความตื่นเต้นประหลาดใจ เหล่าจอมยุทธ์ที่เดินทางไล่ตามออกไปจากเมืองหิมะน้ำแข็งเองก็ฉงนสงสัยด้วยเช่นกัน
หึ่ม—–
ขณะที่เสวี่ยหรูเยียนและคนอื่นๆ กำลังเปี่ยมไปด้วยความฉงนสงสัยนั้นเอง ความเปลี่ยนแปลงก็กลับมาอีกครั้ง!
เหนือโลงศพสัมริดนั้น
อากาศพลันกระเพื่อมราวกับน้ำ มีกระทั่งกระแสพลังแห่งความสับสนกระจายออกมาบางๆ
หลังจากนั้นก็มีแสงที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นมายืนอยู่บนโลงศพโบราณนั้น!
ร่างนั้นเป็นอะไรกันแน่? มันเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ แต่ดูราวกับเป็นวิญญาณที่อยู่ยงคงกระพันครอบคลุมไปทั่วทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ภาพของสิ่งอยู่ยงคงกระพันค้ำฟ้าเหนือกาลเวลานั้นทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต้องคุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว!
ใช่แล้ว คุกเข่าลงไปในทันที!
ภายในเมืองหิมะน้ำแข็ง เมื่อเก้ามังกรลากโลงปรากฏตัวขึ้น มนุษย์ได้คุกเข่าลง แต่ผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนไม่
แต่ในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแสงในรูปร่างมนุษย์นี้ กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่สามารถเก็บความสั่นไหวในใจเอาไว้ได้และต้องคุกเข่าลง!
“บ-บรรยากาศแบบนี้มัน…”
เสียของเสวี่ยหรูเยียนสั่นสะท้านหลังจากที่แสงรูปร่างมนุษย์ได้ปรากฏขึ้นมา เธอรู้สึกเพียงว่าขาของเธออ่อนลงและเกือบจะคุกเข่าลงไปเช่นเดียวกันกับทุกคน
มันเป็นดั่งการเคารพบูชาที่หยั่งรากลึกตั้งแต่ต้นกำเนิดของชีวิต
เป็นการสักการะบูชาผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งอื่นใด
“บรรยากาศแบบนี้ หรือว่าจะเป็นจักรพรรดิในตำนานของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างนั้นรึ?”
ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ที่คุกเข่าอยู่นั้น บางคนอดพูดออกมาไม่ได้
ในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว แน่นอนว่าก็เคยมีตัวตนเช่นจักรพรรดิอยู่
เมื่อฝึกฝนไปจนถึงขั้นจักรพรรดิแล้วนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และจะได้รับการบูชาโดยมนุษย์จำนวนมาก
เพราะเหตุนี้ ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้จึงคาดเดาว่าร่างแสงนี้คงจะเป็นถึงระดับจักรพรรดิ
จักรพรรดิโบราณ? จะเป็นจักรพรรดิโบราณไปได้อย่างไรกัน!
ใจของเสวี่ยหรูเยียนสั่นสะท้าน แม้ว่าจักรพรรดิโบราณจะทรงพลัง แต่ก็ไม่ทรงพลังมากเช่นนี้
ไม่ ทั้งสองอย่างนี้อาจเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ
จักรพรรดิโบราณเมื่อเทียบกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วนั้นราวกับเทียบระหว่างหิ่งห้อยและดวงตะวัน ไม่มีทางเทียบกันได้แม้แต่น้อย!
สิ่งนั้น…คืออะไรกันแน่?
ในประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีสิ่งมีชีวิตอันแสนทรงพลังเช่นนี้ถือกำเนิดมาหรือไม่กัน?
เสวี่ยหรูเยียนสั่นสะท้าน
ในจังหวะที่ร่างแสงนี้ปรากฏขึ้นมานั้นเอง เธอก็ได้เหลือบไปเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายเสี้ยวหนึ่ง
ร่างที่เหนือทุกสิ่งนั้นยืนอยู่นิ่งพร้อมกับผมที่ปลิวไสว… ราวกับเป็นมนุษย์ผู้หญิง!
แต่ว่าในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
เสวี่ยหรูเยียนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
อย่างน้อยในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ก็ไม่มีสิ่งเช่นนี้ถูกบันทึกเอาไว้
หากเป็นเช่นนั้น เผ่ามนุษย์คงจะไม่ถูกจัดอันดับอยู่ล่างสุดในกว่า 10,000 เผ่าพันธุ์และถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก
คำถามนี้ไม่เพียงแต่จะอยู่ในความคิดของเสวี่ยหรูเยียนแต่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์คนอื่นๆก็คิดเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
ในวันนี้ ทุกคนได้เห็น
เก้ามังกรลากโลงและร่างแสงของมนุษย์ที่ทรงพลังที่่สุดปรากฏขึ้นมา ราวกับเป็นเรื่องราวในหนังสือประวัติศาสตร์ดูเกินจริง
แต่สิ่งนี้เป็นความจริง!
ร่างมนุษย์แสงนี้นั้นต้องเหนือกว่าจักรพรรดิโบราณของเผ่ามนุษย์อย่างแน่แท้!
เกรงว่า…คนๆ นี้สามารถเทียบได้กับจอมจักรพรรดิโบราณที่เป็นเพียงหนึ่งใน 10,000 เผ่าพันธุ์!
เรียกได้ว่าร่างมนุษย์แสงที่ยืนอยู่บนโลงศพสัมริดนั้นเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ อย่างนั้นหรือ?!
เผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจริงๆ หรือ?
ทุกๆ คนแหงนหน้าขึ้นมอง
ทุกสายตาจับจ้องไปที่บนโลงศพ ที่ร่างนั้นยืนอยู่
พวกเขากำลังรอ
เฝ้ารอคำตอบ!
เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกกลั่นแกล้งมาเป็นเวลานานเพราะไม่มีผู้ใดที่สามารถสยบโลกนี้และกำราบทุกเผ่าพันธุ์บนโลกได้
เผ่าพันธุ์มนุษย์เฝ้ารอผู้ที่แข็งแกร่งให้ปรากฏตัวขึ้นมา
แม้ว่าจะเคยมีเมื่อนานมาแล้วก็ตาม
แต่อย่างน้อย
พวกเขาก็รู้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังสามารถให้กำเนิดผู้ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงได้!
ข้าคือมนุษย์ ข้ามีสิทธิ์ที่จะภูมิใจในความเป็นมนุษย์!
ข้าคือมนุษย์ ข้ายังยืนเย้ยฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุดได้!
“หากจะจดบันทึกตัวตนเช่นนี้ลงในหน้าประวัติศาสตร์ ข้าก็คงจะเรียกท่านผู้นั้นว่าจอมจักรพรรดิ!”
ผู้ฝึกยุทธ์ชราแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าพร้อมพูดด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน
ในหน้าประวัติศาสตร์ของทุกเผ่าพันธุ์ ทุกเผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจต่างเคยให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังหาที่เทียบไม่ได้ที่คอยปกครองทั่วทั้งจักรวาลเหนือเก้าสวรรค์สิบโลกา
และเผ่าพันธุ์เหล่านั้นก็จะให้เกียรติเรียกผู้ที่เหนือกว่าทุกสิ่งเช่นนี้ว่าจอมจักรพรรดิ!
ในโลกของหวงเจิ้น ไม่มีใครกล้าขัดขืน!
แต่เพียงว่าในประวัติศาสตร์ที่น้อยนิดของมนุษย์นั้น ไม่เคยมีตัวตนที่ทรงพลังไร้ที่เทียบเช่นนี้ถือกำเนิดมาก่อน
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์จึงถูกรังแกโดยเผ่าพันธุ์อื่น
เผ่าพันธุ์ที่ไม่มีจอมจักรพรรดิ ไม่ว่าจะมีจำนวนมากเพียงใดก็อ่อนแอ!
และในตอนนี้ หากร่างแสงนี้เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ
นั่นจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า เมื่อเนิ่นนานมาแล้วเผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถเทียบได้กับจอมจักรพรรดิ!
และถ้าหากมีตัวตนเช่นนี้ในประวัติศาสตร์มนุษย์จริงๆ…
“หากสิ่งนี้เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ และในตอนนี้มันก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์แล้ว! ข้า หลู่วู่ฉิวพร้อมจะยกให้สิ่งนี้เป็นจอมจักรพรรดิ!”
“ข้า เฉินเจียงไห่ก็ขอยกให้สิ่งนี้เป็นจอมจักรพรรดิด้วยเช่นกัน!”
“ข้า เฉินหวู่เหนียนก็พร้อมจะขอยกให้สิ่งนี้เป็นจอมจักรพรรดิ!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์เริ่มเอ่ยปากยอมรับ
เผ่าพันธุ์มนุษย์พร้อมใจกันยอมรับว่านี่คือจอมจักรพรรดิของพวกเขา!
เทียบเท่ากับจอมจักรพรรดิเผ่าพันธุ์หมื่นเซียน!
กระทั่งเสวี่ยหรูเยียนก็กู่ร้องอยู่ในใจอย่างเงียบงัน!
เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องการตัวตนเช่นจอมจักรพรรดิเช่นนี้
แม้จะอยู่เพียงในประวัติศาสตร์ก็ตาม
เพียงแค่นี้ก็ให้ความหวังอันไร้สิ้นสุดแก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้แล้ว
และนั่นจะสามารถทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์กลับขึ้นมายืนขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง!
บนท้องฟ้า เก้ามังกรลากโลงก็ยังเคลื่อนไปอย่างช้าๆ
และร่างแสงที่ยืนอยู่บนโลกศพสัมริดนั้นก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงกู่ร้องของมนุษย์ด้านล่าง
ร่างแสงค่อยๆ สลัวลงทีละนิดๆ เผยให้เห็นร่างได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เธอปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าราวกับเดินก้าวออกมาจากช่วงเวลาโบราณชั่วกัลป์ หลุดพ้นจากพันธนาการของสายธารแห่งกาลเวลาและหวนคืนคืนสู่โลกา
เส้นผมที่ปลิวไสว ชุดล่าสัตว์ ราวกับปรากฏออกมาจากเทพนิยาย หลุดพ้นจากทุกสิ่ง ราวกับเทพสถิตลงมาสู่ผืนดิน
ร่างของเธอนั้นผอมเพรียว เสื้อผ้าปลิวไสวท่ามกลางสายฝนเบาๆ ที่ร่วงโรยพร้อมกับบรรยากาศที่ดูวุ่นวาย บนใบหน้าของเธอมีหน้ากากหน้าตาบูดบึ้งที่ดูราวกับกำลังจ้องมองไปยังดวงดาวอันเป็นนิรันดร์ปกปิดเอาไว้!
แม้ว่าเธอจะไม่แสดงใบหน้าที่แท้จริง
แม้ว่าร่างของเธอจะดูเลือนราง
แต่ ณ ตอนนี้ ดวงตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างมีน้ำตาที่ไหลรินหลั่งออกมา
พวกเขาทุกคนรู้แล้วว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นคือเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ!
หลังจากที่เธอปรากฏตัวขึ้นมา ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างรู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย
ความสั่นพ้องที่ดังมาจากสายเลือดนั้นไม่สามารถปลอมแปลงได้แม้แต่น้อย!
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในอดีตมีตัวตนที่เทียบได้กับจอมจักรพรรดิอยู่!
และยังเป็น…จักรพรรดินีอีกด้วย!