เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 162: เผชิญกับความจริง (2)

< < 116 Sec2 > >

เพราะสังหรณ์ใจไม่ดีเลยวิ่งมาทางที่เกิดปฏิกิริยามานา และพอมาถึงที่ ผมก็ได้พบเห็นภาพเบื้องหน้านั่นทำให้ผมแทบจะล้มทั้งยืน ..สภาพที่ยับเยินของทุกคน

คุณมิรันด้านอนอยู่บนพื้นในสภาพที่ตัวขาดครึ่ง ใกล้จะตายเต็มทีแล้ว ..คุณเรเซอร์เองก็ด้วย เขากำลังโดนเพลิงสีขาวคลอกอยู่จนไม่เห็นแม้แต่ผิวร่าง ถึงกระนั้นก็สัมผัสกลิ่นอายได้ว่าคือคุณเรเซอร์ ตามพื้นตั้งแต่ข้างหน้าไปจนถึงป่าก็มีลอยเลือด–เป็นคุณหนิงไม่ผิดแน่ ตอนนี้เขาเป็นยังไงกันนะ ..ไม่รู้เลย

อาจจะตายแล้วก็ได้ ..เหมือนกับ

สุดท้ายคือคุณโซล่า

เธอตายแล้ว

ผมนั่งลงกับพื้นและสัมผัสบริเวณต้นคอของเธอ ..ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ ถ้าตอนนี้ล่ะก็–ยังไม่สาย

“[หักล้าง]”

ไม่ได้ ไม่สามารถหักล้างได้

“[หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง] [หักล้าง]”

ทั้งหมดมันเปล่าประโยชน์ ..ไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างของเธอแล้ว

เป็นไปไม่ได้ ถ้าพึ่งตายอย่างน้อยก็ต้องยังอยู่ใกล้ๆสิ หายไปเลยแบบนี้มันผิดจากปกติ—ไม่จริงใช่ไหม ไม่เอานะ แบบนี้น่ะมัน..มัน

ผมจับศรีษะของตัวเองและขยี้ผม

“ครั้งนี้เองก็ ..อีกแล้วเหรอ”

‘เศษเสี้ยวความทรงจำ’ ไหลเข้ามาในหัว ความทรงจำของตัวผม? มันย้อนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง เรื่องราวการสูญเสียครั้งสำคัญมันฉายซ้ำไปมาราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ไม่สามารถพูดอะไรได้แล้วนอกจาก ‘อีกแล้วเหรอ’

เศษเสี้ยวความทรงจำมันบอกมาว่าไม่ว่าจะกี่ครั้ง ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ผมไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้—มันไม่ใช่โชคชะตา แต่เป็นความไร้พลังของผมเอง

“..ทำไมกัน”

ผมหันไปมองคุณเบลลามี ..

“ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วยล่ะครับ ..คุณน่ะไม่ได้เห็นพวกเราเป็นเพื่อนเหรอไง”

ไร้เหตุผลที่สุด ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมถึงทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าคุณเบลลามีรักคุณเรเซอร์เหรอ? ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะ? ผมอยากจะรู้เหลือเกิน ..ถ้ารู้บางทีผมอาจจะให้อภัยเธอได้ …

เธอไม่ตอบอะไร คำตอบคือการเดินเข้าหาผมพร้อมกับดาบบนมือนั่น ไม่จำเป็นต้องเดาเลย คำตอบของเธอคือ—ไม่ใช่

‘ยูจิ รีบถอยออกมา’ 

อลันเตือนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แต่..ตอนนี้ผมไม่สามารถยอมรับได้อีกแล้ว 

“..อะไรกันท่าทางแบบนั้น ..ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอครับ”

“ไม่จำเป็น”

ไม่จำเป็นนั้นเหรอ—-ราวกับอะไรบางอย่างได้พังทลายลงมา

“อย่ามาล้อเล่นนะ ..คิดว่าพวกเราเป็นอะไรกันหะ!!!?”

‘ยูจิ!!’

ผมเสียสติโดยสมบูรณ์ ในหัวตอนนี้มีแต่ความต้องการที่จะเด็ดหัวของคุณเบลลามีทิ้งเสียจึงพุ่งตัวออกไปโดยไม่สนอะไร

คุณเบลลามีตอบโต้โดยการก้าวเท้าถอยหลังและเหวี่ยงดาบเฉือนแขนขวาอย่างงดงาม ไม่มีการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่าเลย ต้องบอกว่าทุกการเคลื่อนไหวมันสมบูรณ์แบบ ในฐานะนักดาบแล้วอาจจะเหนือกว่าเรย์เสียอีก ..เอ๊ะ

การเคลื่อนไหวเช่นนี้ไม่ใช่ของคุณเบลลามี เธอไม่มีทางทำอย่างนี้ได้

ตุ้บ.. แขนขวาหล่นลงพื้น ช่างง่ายดายและรวดเร็ว

อีกทั้ง ..

“..รักษาไม่ได้”

‘ดาบแห่งโซโลม่อนมีความสามารถในการสังหารและตัดพลังของทวยเทพ ..ถ้าอยากจะรักษาแขนคืนก็ต้องชนะให้ได้ก่อนครับ’

ดาบแห่งโซโลม่อน? มีนคืออะไรกันล่ะ

คุณเบลลามีไม่รอให้คิดอะไร เธอเดินเข้าใส่ ตั้งใจจะสังหารให้โดยเร็วที่สุดอีกทั้ง–คิดจะทำทั้งหมดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ทั้งการฆ่าคุณโซล่าทั้งการฆ่าผม สำหรับเธอมันคง..เป็นแค่เรื่องน่าเบื่อสินะ การฆ่าเพื่อนของตัวเองน่ะมันง่ายเหมือนกับการแกว่งดาบครั้งสองครั้งเลยเหรอ?

ทั้งๆที่สิ่งที่สำคัญที่สุดของผมคือทุกคนแท้ๆ ผมพร้อมจะแลกทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องทุกคน แล้วทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ..ทำไมถึงได้หักหลังผมแบบนี้–อภัยให้ไม่ได้ 

ในมือกำแขนข้างที่ขาดไว้ กัดฟันกรามแน่นและโพล่งออกมา

“..[ออโรโบรอส]”

นามที่แท้จริงของออร่าไหลเข้ามาในหัว ไม่จำเป็นต้องชักถามหรืออะไร ทั้งหมดคือเรื่องปกติที่ผมจะรู้นามที่แท้จริง

พลังมากมายไหลเข้าสู่ร่างกาย ทั้งร่างกาย เวทมนตร์ ไสยศาสตร์ เล่นแร่แปรธาตุหรือกระทั่งวิชาการอาวุธทุกแขนงต่าง ภูมิความรู้ทั้งหมดไหลเข้าสู่ร่างประหนึ่งกับครั้งหนึ่งเคยเรียนรู้มันมาแล้ว

ในทุกอย่างที่ไหลเข้ามาอยู่ในขั้น ‘สูงสุด’ ไม่ใช่ ‘บรรลุ’ แต่เป็น ‘สูงสุด’ หรือขีดสุดที่จะไปถึงได้ของทุกๆสาย จุดสูงสุดของโลกอยู่ใมือของยูจิทั้งหมด

ดวงตาเองก็พลันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองชั่วขณะ

ทั้งผมและคุณเบลลามีต่างรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ดี

“นี่เองเหรอ ศาสตร์ของเทพแห่งวัฐจักร–ในยุคโบราณไม่เห็นจะรู้เลยนะว่าแข็งแกร่งถึงขนาดนี้” จอมมารหรี่ตามอง “การบัฟเหรอ? การเลียนแบบพลังทั้งหมดบนโลกเหรอ? ออร่า พลังของนายคืออะไรกันแน่ ช่วยแสดงให้เห็นทีสิ มีแค่นายนั่นแหละที่เราไม่สามารถเข้าใจหลักการได้”

ผมพุ่งใส่พร้อมกับปล่อยหมัดออกมา

ร่างกายเบามาก เสมือนว่าไม่มีน้ำหนัก

“–เร็ว”

เธอใช้แขนซ้ายรับหมัดตรงเอาไว้ได้ ช้ากว่าแต่ก็คาดเดาการเคลื่อนไหวของผมได้ ถึงกระนั้นร่างก็ปลิวไปกับแรงกระแทกที่มหาศาลของหมัด เพียงการป้องกันเปล่าๆไม่มากพอจะหยุดยั้งอะไรได้—ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้

“ออกมาซะ ..[ดาบแห่งแสง]”

เวทมนตร์ขั้นสูงที่เรียกดาบแสงออกมาได้—ทักษะการต่อสู้ การตัดสินใจ สกิล ทุกอย่างไหลเข้ามาในหัวโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องคิดขั้นหนึ่งขั้นสองขั้นสามที่ทำก็แค่ปล่อยร่างกายไปตามสัญชาตญาณ

จากนั้นผมก็พุ่งตามไปด้วยความเร็วที่อยู่จุดสูงสุดของโลกใบนี้

 

****

หาได้ยากที่จอมมารจะอยู่ในสภาพนอนมองพระจันทร์

“ความเร็วนั่นมันอะไรกัน ..ราวกับผู้ที่รวดเร็วที่สุดในยุคโบราณไม่มีผิด ..พลังของออร่าคือจุดสูงสุดของความเร็วแล้วหนึ่ง แล้วก็ ..หมัดนั่นมีความรุนแรงทัดเทียมกับ ‘ผู้สยบปฐพี’ หมายความว่ามีจุดสูงสุดของการใช้ทักษะหมัดด้วยอีกหนึ่งอย่าง”

จอมมารพึมพำในขณะที่ตัวเองกำลังนอนอยู่บนโขกหิน แขนซ้ายที่ใช้ป้องกันหักเละจนอยู่ในรูปที่น่าสยดสยอง ประหนึ่งว่าถูกบด เธอใช้แขนขวาที่สภาพยังดีใช้ดาบแห่งโซโลม่อนช่วยรักษาบาดแผลจนหายดีได้ในพริบตาเดียว จากนั้นก็ค่อยๆพยุงร่างขึ้นมา ทว่า

“ดูเหมือนจะยากเกินกว่าที่คาดไว้–”

“[ดาบประกายแสง]”

เร็วมาก ร่างของยูจิไม่ทันจะโผล่ให้จอมมารเห็น ตัวของจอมมารก็ถูกตัดครึ่งก่อนแล้ว–ความเร็วที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าให้ทันได้ ไม่มีทาง ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่มีทางจะตามความเร็วของยูจิในตอนนี้ได้ง่ายๆ

แต่เพราะคาดเดาไว้แล้วว่าจะโดนเล่นงานอย่างนี้ จอมมารเลยเตรียมการณ์ใช้ดาบแห่งโซโลม่อนตั้งแต่ก่อนจะถูกสะบั้น

ดาบแห่งโซโลม่อนรักษาจอมมารให้กลับมาเหมือนเดิมได้อย่างทันท่วงที

จากนั้นก็ใช้เพลิงสีขาวขยายวงเพื่อยืดเวลาหายใจให้ตัวเอง ไม่มีทางที่ยูจิจะฝ่ามันมาได้ ในขณะนั้นจอมมารก็

“[เสริมพลังกาย] [เสริมโชค] [เสริมสติปัญญา] [เสริมประสาทสัมผัส] [เสริมระยะมองเห็น] [เสริมความเร็ว] [เสริมความเร็วการร่ายเวทย์] [เสริมการลงดาบ] [เสริมการวิ่งหนี] [เสริมการวิ่งเข้าใส่] [เสริมกล้ามเนื้อ]”

ทุกอย่างคือเวทมนตร์เฉพาะของจอมมาร บนโลกนี้ไม่มีเวทย์เสริมประสิทธิภาพใดๆทั้งนั้น มากสุดก็เสริมได้แค่ประสาทสัมผัส แต่จอมมารคือข้อผิดพลาดจึงสามารถคิดค้นและใช้มันได้แค่เพียงผู้เดียว

“[เสริมการลอยตัว] [เสริมการลอยน้ำ] [เสริมการเดิน] [เสริมการเกาะผืนดิน] [เสริมกระปีนไต่] [เสริมการทรงตัว]”

เมื่อกล่าวทั้งหมดจบจอมมารก็สลายเพลิงสีขาว และจากนั้นหัวก็ถูกธนูแสงปักเข้ากลางหน้าผากทันที—เหมือนกับ [ดาบแห่งแสง] ยูจิก็ใช้ [ธนูแห่งแสง] ในการโจมตีจอมมาร แม้แขนจะขาดไปข้างหนึ่งแต่ยูจิก็ใช้ปากแทนแขนอีกข้าง มันเป็นไปไม่ได้แต่ด้วยทักษะสูงสุดมันทำให้เป็นไปได้ เพียงแต่เวทมนตร์ [ธนูแห่งแสง] ไม่มีอยู่บนโลก ..นั่นหมายความว่ายูจิเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง

อีกทั้งยังทักษะการใช้ธนูที่เข้าขั้นสูงสุดนั่นเอง

ทั้งการคิดค้นเวทมนตร์ ทั้งทักษะการใช้ธนูอยู่จุดสูงสุดทั้งสองอย่าง

แน่นอนว่า–จอมมารเองก็เดาทั้งหมดไว้ได้ และวางดาบแห่งโซโลม่อนไว้ตำแหน่งที่รักษาตัวเองได้ทุกเมื่อ ถ้าหากไม่ได้เตรียมรักษาไว้ล่ะก็..จอมมารได้แพ้ไปแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้

“ทักษะการคิดค้นเวทมนตร์ที่ทัดเทียมกับ ‘มหาปราชญ์’ ทักษะการใช้ธนูที่ทัดเทียมกับราชาผู้พิชิต ‘โอริเวอร์’ ..ความสามารถที่หลุดบาลานซ์ไปไกลนี่มันอะไร แม้แต่เทพมังกรคนนั้นยังรู้จักคำว่าพอเหมาะพอดีเลยนะ แล้วนี่มันอะไร เรากำลังเจอกับตัวอะไรกันแน่”

จอมมารแหงนหน้ามองยูจิที่ลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า และยิงลูกธนูใส่เข้ามา

“ไม่คิดว่าจะแกร่งเท่ากับเอเธอร์หรอกนะ แต่–สำหรับเราไม่ว่าคนไหนก็อันตรายพอกัน”

จอมมารใช้ดาบแห่งโซโลม่อนปัดลูกศรไปกว่าครึ่ง ทว่าศรอีกครึ่งที่เหลือก็วับหายไปปรากฏเป็นยูจิที่ลงมาอยู่ข้างหลังจอมมารแทน

(—ทักษะเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงสุดที่สามารถนำมาประยุกต์กับการต่อสู้ได้ นี่คือทักษะของนักเล่นแร่แปรธาตุที่ทรงพลังที่สุด—-เอาอีกแล้ว จุดสูงสุดอีกแล้ว)

พุ่งตัวหนีแต่ก็ถูก [หักล้าง] ดึงกลับมาจุดเดิม 

[หลุดดำ] ปรากฏขึ้นตรงหน้ายูจิ และพริบตาเดียวมันก็ถูกสลายด้วยการร่ายเวทย์ซ้อนทับ

“–อึก”

จอมมารถูกซัดเข้ากลางท้อง ร่างที่แสนบางปลิวไกลนับหลายกิโลมิตร

 

ตู้ม!!!!!!! สุดท้ายจอมมารก็ไปกระแทกเข้ากับผิวน้ำรอบๆเกาะวาเรอร์ แต่เพราะ [เสริมการลอยน้ำ] ทำให้ร่างไม่จม

 

“..คนเดียวที่มีปัญญาพอจะเข้าใจหลุมดำและซ้อนทับเวทย์ทำให้ผลลัพธ์ไม่เกิดได้ ..มีแค่ ‘เซียน’ เท่านั้น ทักษะการวิเคราะห์ก็อยู่จุดสูงสุดด้วยหรือเนี่ย”

จอมมารรักษาบาดแผลเสร็จก็ลุกขึ้นยืนบนผิวน้ำ และจับตามองยูจิที่ลอยตามมา

ไม่มีทีท่าว่าจะพุ่งเข้าใส่—แต่กลับยิงบีมออกมา

“ทัดเทียมกับ..เทพมังกร ..อะไรกัน พลังทำลายก็ด้วยเหรอ?” จอมมารถอนหายใจ “เป็นความสามารถที่ไม่เลวนะ ออร่า”

แทนที่จะใช้ดาบแห่งโซโลม่อน จอมมารกลับเลือกจะอัดเพลิงสีขาวสวนไป

ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 

แรงปะทะที่สูสีกันทำให้ผิวน้ำรอบๆเกิดสั่นไหวไม่หยุด ไม่ใช่แค่เสียงจากตัวเกาะที่ใกล้จะจม เสียงปะทะของจอมมารและยูจิก็ดังพอๆกัน

“แบบนี้นี่เองนี่คือขีดจำกัดสินะ”

ยูจิพุ่งมาข้างหลังจอมมาร และเตะจอมมารปลิวกลับเข้าเกาะ

ร่างของจอมมารปลิวชนเกาะ ชนต้นไม้บ้างประปรายและทะลุทั้งหมด ต่อให้ทะลุได้แต่ร่างกายก็สาหัสจากแรงกระแทกที่นับไม่ถ้วน จอมมารกลิ้งตามพื้นในสนามโรงเรียนตามเดิม เหมือนว่ายูจิจะเล็งระยะทั้งหมดไว้ได้อย่างสมบูรณ์

จอมมารค่อยๆลุกขึ้นหลังจากรักษาตัวเองเสร็จ

“การเตะนั่นก็ด้วย จุดสูงสุดเหมือนกัน ยังไงก็ช่าง..เข้ามา”

บีมพุ่งเข้าใส่จอมมารแบบไม่รอให้หายใจ—จอมมารกางโล่เพลิงสีขาวออกมาแทนที่จะยิงสวนหรือใช้ดาบแห่งโซโลม่อนทำลายทิ้งเสีย ทำให้ตัวเองเสียเปรียบโดยใช่เหตุ ด้วยเหตุนั้นช่องว่างจึงเปิดขึ้นให้ยูจิง่ายๆ

ด้วยความเร็วที่สูงที่สุด ยูจิพุ่งมาโผล่ข้างหลังของจอมมาร หมายจะฆ่าจอมมารที่เปิดช่องว่างทิ้ง—ทว่า

“ยังอ่อนประสบการณ์”

จอมมารแทงดาบแห่งโซโลม่อนสวน ..มันทะลุเข้าไปในอกของยูจิ พลังกายเหนือมนุษย์ทั้งหมดพลันหายไปจนทำให้ร่างของยูจิไม่สามารถขยับได้ เพียงแต่

“อะไรกัน แค่เฉียดเองเหรอ”

เหมือนว่าจะแทงพลาดจากหัวใจไปเล็กน้อย ถ้าเกิดไม่พลาดยูจิได้ตายเหมือนกับโซล่าแล้วแน่ๆ

“..อั้ก”

เลือดพุ่งออกจากปากของยูจิ เลือดกระเซ็นโดนแก้มของจอมมารเล็กน้อย แต่จอมมารเวลานี้ไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอดึงดาบแห่งโซโลม่อนออกมา และปล่อยให้ยูจิทรุดลงกับพื้นในสภาพหมดแรง ดวงตาสีเหลืองค่อยๆจางหายไปพร้อมกับพลังมากมายที่ไหลเข้าร่างก็พลันหายไปจนหมด ..หมดสภาพแล้ว

ยูจิแหงนหน้ามองจอมมารด้วยแววตาที่ว่างเปล่า

“จุดสูงสุดที่ใช้มันไม่ใช่ของที่ใช้พร้อมกันได้ แต่ต้องสลับไปมาใช้ทีล่ะอย่าง เรื่องนั้นเรายืนยันได้ก็ตอนที่ถูกซัดไปทะเลนั่นแหละ พอทดสอบอะไรสักหน่อยก็เลยรู้ ..พอรู้อย่างนั้นเลยหลอกล่อให้พุ่งมาในระยะดาบที่เราส่งไปถึงนายได้ นั่นแหละคือเหตุผลที่แพ้ ถ้าเกิดไม่วู่วามพยายามเลี่ยงก็คงไม่จบอย่างนี้” จอมมารพูดต่อ “และหากอยู่ในโหมดของ ‘เซียน’ คงไม่มีทางพลาดท่าหรอก เพราะจะคาดเดาการกระทำของเราได้ทั้งหมด เพราะเซียนมีสติปัญญาทัดเทียมกับเรา ..ถึงต้องบอกไงว่าประสบการณ์ยังต่างกัน เอาแต่พึ่งพลังของออร่าอย่างเดียวไม่พอสำหรับโค่นเราหรอกนะ”

หากยูจิมีสติปัญญาทัดเทียมกับจอมมาร ผู้แพ้อาจจะไม่ใช่ยูจิก็เป็นได้ ..ไม่สิ คงจะต้องลงเอยอย่างนั้นแหละ ยังไงซะ ยูจิก็คือผู้มีชะตาต้องโค่นจอมมาร ถ้าไม่เลือดร้อนเกินไปก็ไม่มีทางแพ้

“..”

ยูจิไม่ได้ตอบอะไร ทำแต่ตาเหม่อลอยคล้ายคนหมดสติ

“ใช้งานร่างกายหนักเกินไปจนหลับไม่ไหวสินะสภาพอย่างนี้ ..เช่นนั้นก็คงไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้แล้ว”

ทันทีที่หมดขอบเขตุการทำงานของ [ออโรโบรอส] ร่างกายก็ต้องรับความเสียหายที่มหาศาลรวมถึงสติสัมปชัญญะด้วย ..ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าอยู่ดีสำหรับพลังสุดจะขี้โกงเมื่อครู่

“หลับให้สบายล่ะ ยูจิ”

เป็นครั้งแรกตั้งแต่สู้กับยูจิที่จอมมารแสดงสีหน้า

 

 

ป.ล.ดักไว้ก่อนเผื่อมีคนบอกว่าแก็งพระเอกกากนะครับ เพราะบอกก่อนหน้าโดนจอมมารกระทืบทุกคน ที่กากไม่ใช่แก็งพระเอกแต่บอสที่เจอเก่งเกินไปครับ(ฮา) ให้ตัวโหดๆในเรื่องตัวอื่นแบบ คาลอส มหาภูต บลาๆมาเจอก็เละเหมือนกันหมดครับ 

ป.ล.2 จะลบ ปล จะลบ ปล หลังลงได้สักพักนะครับ กันคนมาอ่านทีหลังไม่อิน (ฮา)

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset