โชคดีที่ลานฝึกนั้นกว้างมาก บวกกับต่างคนต่างตั้งใจฝึกสัตว์วิเศษของตน ทำให้ไม่มีใครเห็นสภาพน่าขายหน้าของเธอเมื่อครู่ (หรือต่อให้มีก็ไม่กล้ามอง)
เจ้าแบรี่ที่คิดว่าตัวเองเก่งมาก กระโดดขึ้นมานอนบนตักไนติงเกลอย่างสบายใจ
ตุบ
“วัฟ!”
“ใครใช้ให้โดดขึ้นมาฮะ? คิดว่าตัวเองเบามากรึไง”
ไนติงเกลหยิกไปที่แก้มของแบรี่เป็นการลงโทษ ถึงแม้จะไม่รู้สึกหนักจริง ๆ เพราะขาไม่มีความรู้สึกก็ตาม
แต่น่าเสียดายที่ต่อให้หยิกจนแก้มยืดไปแบบนั้น มันก็ยังคงไม่มีท่าทีจะลง แถมยังนึกสนุกนอนหงายท้องให้อีกต่างหาก
เ ก า ตู สิ
“ไม่เกาโว้ย!”
เมื่อได้ยินเสียงกระซิบอันน่าสยดสยอง เด็กสาวก็รีบเขวี้ยงสิ่งมีชีวิตขนปุยออกไปจากตักทันที
‘เวงเอ้ย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ตอนดวลตูโดนอัดยับแหง!’
หันไปทางขวาก็เจองูยักษ์ หันไปทางซ้ายก็เจอสิงโต…
เดี๋ยวนะ–
ว่าแต่สิงโตมันสัตว์อัญเชิญของพระเอกไม่ใช่หรอพี่!? หรือว่านี่มันคือตู้กาชาของจริง? พอเอียนเกลือก็เลยตกไปหาคนอื่นงี้หรอ??
แล้วดูเธอสิ! ปอม!
จะเอาปอมตาแยกไปสู้กับสิงโตได้ยังไง!?
และในขณะที่กำลังคิดหัวแทบแตกอยู่นั้นเอง จู่ ๆ หน้าต่างโปร่งใสก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าอีกครั้ง
“…เอ้ะ”
***********************
หลังจากแยกกับไนติงเกล จูเลียซก็ฝึกหนักอยู่กับคู่หูของตัวเองตลอด 30 นาที ทำให้รู้ว่าสกิลของเขากับเจ้าแพนกวิ้นนั้นเข้ากันได้ดีมาก ๆ
“ไม่มีใครในที่นี้เจ๋งเท่าเราอีกแล้ว แพนกวิ้นเอ๋ย!”
“แกว้กก!!”
แพนกวิ้นตอบเสียงดังฟังชัด ทำให้จูเลียซอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชื่นชม โดยที่ไม่ทันสังเกตุเลยว่าผู้คนที่อยู่รอบ ๆ พากันถอยห่างออกไป…
แน่นอนว่าเขาฟังไม่ออกหรอก ว่ามันพูดว่ายังไง มีเพียงตอนที่สัตว์วิเศษส่งเสียงผ่านการเชื่อมโยงพลังเวทย์เท่านั้น เจ้านายจึงจะได้ยิน
แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับจูเลียซ ที่ได้ฟังมันร้องมาตลอด 30 นาที
แปะ!
เสียงปรบมือของอาจารย์วิสเวียสดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้รวมตัวกัน
“เวลาฝึก 30 นาที…ได้จบลงแล้ว…ต่อจากนี้จะเป็นการ…ดวลตัวต่อตัว”
เมื่อได้ยินดังนั้น โอเมก้าหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะสาวเท้าเดินไปทางรัชทายาทอย่างมั่นใจ
“ฝ่าบาทท! กระผมมาเพื่อขอท้าดวล!!”
เขาชี้นิ้วไปทางเอียนที่ไม่รู้จะซ่อนตรงไหนดี
“…”
พระนายจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ฟิวเตอร์ด้านหลังกลับกลายเป็นภาพไฟลุกโชนแทนที่จะเป็นสีชมพู
***********************
นักเรียนชายที่อัญเชิญสัตว์วิเศษผิดพลาดวิ่งเข้ามาในวงล้อมช้าไปหน่อย จึงได้แต่ชะโงกหน้ามองอยู่ไกล ๆ
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังขึ้น
“เฮ้ย! โอเมก้าที่สอบได้ที่ 1 คนนั้น หาเรื่องฝ่าบาทอีกแล้ว”
“จูเลียซ ไอแซค? …หวา เกินไปรึเปล่าเนี่ย?”
ประโยคนั้นทำให้สายตาของเขาเหลือบไปมองเจ้าของชื่อ
จูเลียซ ไอแซค ชายคนนั้นเป็นโอเมก้าที่หน้าตาดี แม้จะดึงดูดสายตาผู้คนไม่ได้เท่ารัชทายาท แต่ก็เรียกได้ว่าหล่อเหลา
“พยายามตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? คิดจะเรียกร้องความสนใจจากฝ่าบาทรึไง”
“อะไรเนี่ย? คู่หมั้นเขาอยู่แค่ตรงนั้นเองนะ!”
ท่ามกลางเสียงนินทา ในตอนนั้นเองคู่หมั้นของเจ้าชายก็ดูเหมือนจะทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ฝ่าบาทเพคะ…”
เสียงใสกังวาลราวกับกระดิ่งดังขึ้น ทำให้เสียงรอบด้านเงียบลงทันที
ตอนแรกพวกเขานึกว่าเธอจะชี้หน้าด่าอีกฝ่าย ข้อหาที่ดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์ แต่ทว่าเธอกลับทำเพียงเคลื่อนวีลแชร์ไปอยู่เคียงข้างเจ้าชายเท่านั้น
“อ้าว ทำไมคุณหนูไนติงเกลไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”
“เจ้าบ้า นี่นายไม่รู้รึไง…”
ชายคนนั้นกระซิบไปที่ข้างหูของเพื่อน ทำให้อีกฝ่ายพยักหน้าเข้าใจในทันที
นักเรียนชายที่แอบได้ยินเองก็พยักหน้า
‘การปฏิเสธการท้าดวลนั้นเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับราชวงศ์ เพราะพวกเขาถือว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะด้านเวทย์มนต์’
เอียนถอนหายใจอย่างเงียบงัน ก่อนจะพยักหน้าให้จูเลียซ เป็นการตอบตกลง
และนั่นทำให้นักเรียนรอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง
จบมุมมองของบุคคลภายนอก…
**************
ตัดกลับมาที่ความเป็นจริง
“ฝ่าบาาทท!! กระผมมาเพื่อขอท้าดวล!!”
จูเลียซวิ่งกระโดดเข้ามาหาพวกเธออย่างกระดี้กระด้า พร้อมกับคำพูดที่ทำให้เอียนสะดุ้งสุดตัว
“…”
เขาพยายามจะเขยิบตัวหนีไปด้านหลังวีลแชร์ แต่ก็ถูกไนติงเกลดันกลับมา
เมื่อไม่มีที่ให้หลบ เอียนก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ พร้อมกับทำสีหน้า ‘ต้องปฏิเสธ!’ อย่างชัดเจน จนเธออดเป็นกังวลไม่ได้
‘เวรล่ะ! ถ้าเขาปฏิเสธไปตอนนี้ล่ะก็ กลับไปต้องโดนเสด็จป้าหยุมหัวแน่!!’
เธอคิดออกมาโดยไม่รู้ได้ซ้ำว่า ‘เสด็จป้า’ ที่ว่าเป็นใคร แต่ปากกลับอ้าออกไปแล้วด้วยความกลัว
“อะแฮ่ม… ฝ่าบาทเพคะ”
เมื่อหันกลับมาตามเสียงเรียก เจ้าชายก็อดที่จะสะดุ้งอีกรอบไม่ได้
‘ห้ า ม ป ฏิ เส ธ เ ด็ ด ข า ด !!’
นั่นคือสิ่งที่เขาอ่านได้จากสายตาของอีกฝ่าย…
“…”
แน่นอนว่าเมื่อเจอาแบบนั้นเข้าไป เขาก็ทำได้เพียงแต่พยักหน้าอย่างเศร้า ๆ…