สิ่งแรกที่เขาเห็นยามเมื่อลืมตาขึ้น คือเพดานสีขาวของห้องพยาบาล
“…”
จูเลียซกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนที่จะพบว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น
แต่ความรู้สึกพะอืดพะอมตีขึ้นมาถึงคอหอยนั้นเป็นของจริง…
‘ทำไมถึงได้ฝันอะไรแบบนั้นกันนะ…’
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดตาทั้งสองข้างที่ร้อนผ่าว…
ไม่เป็นไร ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่สลัมอีกแล้ว ตอนนี้เราคือลูกชายของคุณพ่อ…
ใช่แล้ว ตอนนี้เขาคือ ‘จูเลียซ ไอแซค’
ไม่ใช่เด็กน้อยในสลัมที่ต้องคอยแต่พึ่งพาพี่สาวอีกแล้ว…
วืดด
“!?”
แต่จู่ ๆ จูเลียซก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามาใกล้
‘ศัตรู!?’
ด้วยความที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายมาหมาด ๆ สติของชายหนุ่มจึงยังไม่คงที่ ร่างกายของเขาเตรียมร่ายเวทย์มนต์ออกไปตามสัญชาติญาณทันที!
[สกิล ‘โลหิตสุริยัน’ LV. 4 เปิดใช้งาน]
[เกิดข้อผิดพลาด สกิล ‘โลหิตสุริยัน’ ถูกยกเลิก!]
‘หะ…’
จูเลียซอึ้งที่สกิลโจมตีของเขาถูกยกเลิก เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในเขตโรงเรียน และนั่นทำให้เขาไม่สามารถใช้เวทย์โจมตีใส่ผู้อื่นได้!
‘งั้นต้องใช้สกิลอื่น!’
ชายหนุ่มนึกถึงตอนที่โดนคุณชายเรนเจอร์หรืออะไรสักอย่างหาเรื่อง ในตอนนั้นเขาเองก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน และก็ได้ใช้สกิลธรรมดาอันอื่นทดแทนไป
[สกิล ‘ควบคุมแรงโน้มถ่วงเป็นวงกว้าง’ LV.4 เปิดใช้งาน]
กึก! บุคคลที่เขามองว่าเป็นศัตรูหยุดเคลื่อนไหว ราวกับล่วงรู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่น่าเสียดายที่สายไปแล้ว–
จูเลียซยกร่าง ๆ นั้นลอยขึ้นเหนือพื้น!
วืดด
และในตอนที่เขาเตรียมจะทุ่มลงไปนั้นเอง เสียงกรีดร้องที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“เหวยย!! อะไรเนี่ย!??”
‘หะ’
กึก! โชคดีที่เขาหยุดมือไว้ได้ทัน ไม่งั้นป่านนี้อีกฝ่ายคงจะกระดูกหักไปหลายท่อนแล้ว
จูเลียซเอื้อมมือที่ขาวซีดกว่าปกติไปจับม่าน ก่อนจะเลื่อนออก
ครืดด
ไนติงเกล “…”
จูเลียซ “…”
เมื่อม่านถูกเปิดออก เขาก็ได้รู้ว่าคนที่เขาหลอนไปเองว่าเป็นศัตรู ก็คือมิสไนติงเกลนั่นเอง…
และตอนนี้เธอก็กำลังลอยอยู่เหนือหัวเขาด้วยท่าทางสุ่มเสี่ยง…ในหลาย ๆ ความหมาย…
ใบหน้าของเด็กสาวแดงก่ำทั้งด้วยความโกรธและความอับอาย
“วางลงเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
แม้แต่เสียงกระดิ่งเงินที่ไพเราะก็เข้มขึ้นกว่าทุกครั้ง
“ครับ…”
จูเลียซทำได้เพียงขานรับออกมาอย่างยอมรับผิด…
********************
ไอ้บ้านี่เป็นอะไรก็ไม่รู้! อยู่ดี ๆ ก็มาจับชาวบ้านชาวช่องเขาห้อยหัวซะงั้น!
โชคดีที่เธอใส่กางเกงซับในไว้ ไม่งั้นป่านนี้คงจะมีข่าวออกมาประมาณว่า ‘บุตรีดยุคโชว์ชั้นในกลางโรงเรียน!?’ ก็เป็นได้
“เฮ้อ!”
ไนติงเกลถอนหายใจ ตอนนี้เธอกลับมาสู่แรงโน้มถ่วงปกติแล้ว และกำลังนั่งเรียบร้อยอยู่บนรถเข็น
“…อืม…เอ่อ…”
ส่วนพ่อนายเอกก็เอาแต่ก้มหน้างุด ๆ เหมือนหมาโดนทำโทษ หึ! ถึงจะสละผ้าห่มมาคลุมให้ ฉันก็ไม่ยกโทษให้ง่าย ๆ หรอกนะ!
‘พูดไปงั้นแหละ เพราะยังไงก็ต้องตีสนิทกับมันอยู่ดี…’
เมื่อคิดเช่นนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนจะยกโทษได้ง่ายขึ้น
“ดิฉันยกโทษให้ก็ได้ค่ะ…แต่! คราวหน้าคราวหลังห้ามทำอีกเด็ดขาดนะคะ! ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม!”
“อ้ะ! ครับผม!”
ทันทีที่ถูกยกโทษให้ จูเลียซก็กลับมาแจ่มใสขึ้นอีกครั้ง…จริง ๆ เลย เมื่อกี้คิดอะไรของเขากันนะ
‘…จะว่าไปแล้ว ดูซีด ๆ ลงรึเปล่า?’
ไนติงเกลสำรวจไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างเพ่งพินิจย์ ทำให้อีกฝ่ายอดนั่งตัวตรงไม่ได้
“คุณน่ะ…เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“…”
ไม่รู้ทำไม แต่อยู่ดี ๆ สีหน้าของเขาก็มืดมนลงอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ไนติงเกลเป็นฝ่ายเลิ่กลั่กขึ้นมาแทน
‘หะ อะไรวะ? ตูพูดไรผิดหรอ??’
ถ้าเป็นหมาก็คงเดี๋ยวหูตั้ง เดี๋ยวหูตกอยู่นั่นแหละ หรือว่าเขาจะโมโหที่ถูกฝ่าบาทจัดการ?
นั่นสินะ…เล่นโดนทุ่มขนาดนั้น ถ้าบอกไม่เป็นไรสิแปลก
แต่กลับกัน ถ้าเป็นคนอื่นละก็ คงจะหลังหักไปนานแล้ว แต่พ่อหนุ่มจูเลียซกลับแค่สลบไปยังไม่ถึงชั่วโมง…ยอดคนจริง ๆ
‘สมกับเป็นนายเอกแมงฉาบ ที่โดนลอบสังหารเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตาย…’
ในขณะที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จูเลียซก็เอ่ยปากพูดออกมา
“มิสไนติงเกล ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“ถ้าเป็นสิ่งที่ดิฉันสามารถตอบได้ล่ะก็ยินดีค่ะ”
ไนติงเกลตอบออกไปแบบไม่คิดอะไรมาก คำถามของเด็กอายุ 17 มันจะยากสักเท่าไหร่กันเชียว?
แต่ปรากฏว่าเธอดันคิดผิด–
“คุณคิดว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเรามีความสุขหรอครับ?”
…
โอเค ไอ้เด็กอายุ 17 คนนี้มันถามอะไรที่โครตยากออกมาจริงด้วย
‘ใครใช้ให้แกมาถามคำถามปรัชญากับฉันห๊าาา???? คิดว่าคนที่ตายก่อนจบมหาลัยอย่างฉันจะรู้ม๊ายยย!!???’
เป็นอีกครั้งที่ไนติงเกลอยากจะหยุมหัวไอ้หมอนี่ให้ตายกันไปข้าง