อารัมภบท
“ฉันตัดสินใจที่จะคบกับรุ่นพี่แล้วล่ะ” (ฮินากิ)
นั่นคือคำพูดที่ออกมาจากปากของเพื่อนสมัยเด็กของผม แล้วก็ทำให้ผมได้รับรู้ว่าผมนั้นเข้าใจผิดฝ่ายเดียวมาโดยตลอด
ฮินากิ ซูซุริคาว่า – ผมสนิทกับเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล พวกเรานั้นรู้จักกันดีมาตั้งแต่เล็กๆ
ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะมาบอกกับผมในเรื่องนี้ บางทีเธอคงจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนสมัยเด็กละนะ แล้วผมก็อ่านความคิดของอื่นไม่ได้ซะด้วยสิ ในทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอมันก็ได้ทำร้ายผมไปมากกว่าสิ่งที่เคยผ่านมาทั้งหมดเสียอีก
ผมจำไม่ได้นะว่าพวกเราเคยไปสัญญาว่าจะแต่งงานอะไรกันไว้รึเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นได้บ่อยๆกับหลายๆคนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่ยังไงเธอนั้นก็พิเศษสำหรับผม เธอคงมีเหตุผลนั่นแหล่ะ แล้วผมก็ถูกผลักให้ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผมเลย
ก่อนหน้านี้พวกเราเคยถกเถียงกันหลายครั้งพอสมควร แต่ก็ไม่เคยทะเลาะกัน พวกเราต่างยังคงดูสนิทกันอยู่ แต่พอหลังจากที่พวกเราได้เริ่มต้นเข้าเรียนมัธยมต้น ซูซุริคาว่า ก็เริ่มเปล่งประกายความสวยมากขึ้นเรื่อยๆ เธอได้ให้เวลามากขึ้นกับการแต่งตัว แล้วด้วยความที่เป็นคนเข้าสังคมและมีบุคลิคร่าเริง ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะว่าเธอนั้นจะเป็นที่ป๊อบปุล่ามาก
จากที่เฝ้าดูเธอได้มีหน้าตาในวงสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าในก้าวถัดไปของความสัมพันธ์ของพวกเราในปีนี้ – ในปีสองของโรงเรียนมันธยมต้น ผมนั้นวางแผนไว้ว่าจะเอ่ยคำสารภาพเพื่อให้เธอได้รับรู้ความรู้สึกของผมในเทศการหน้าร้อนนี้ ที่ปกติพวกเราจะไปด้วยกันทุกปี
ผมมันช่างโง่งมไปกับภาพลวงตาที่คิดว่าเธอนั้นจะยอมรับการสารภาพของผม อย่างไรซะมุมมองอันคับแคบของตัวผมที่มี สุดท้ายก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ผมคิดเข้าใจผิดไปเองว่าความรู้สึกที่เธอแสดงออกมาให้กับผมนั้นมันคือความรัก
ห๊ะ นั่นไม่ใช่ความรักงั้นเรอะ?
ว่าแล้วก็มีอะไรบางอย่างแตกหักลงในตัวผม เงาดำมืดโผล่ขึ้นมาจากหัวใจของผม กับเธอแล้วมันไม่ใช่ความรัก นั่นก็พอที่จะทำให้รับรู้แล้วล่ะว่าผมมันก็เป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กเท่านั้น
“บางทีฉันคิดว่านั่นก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราต้องจบลงรึเปล่า พวกเราอาจจะไม่ได้ออกไปด้วยกันบ่อยๆเหมือนปกติในหน้าร้อนนี้นะ” (ฮินากิ)
“โอ้…. ใช่ ขอแสดงความยินดีด้วยนะ” (ยูกิโตะ)
ผมชักจะรู้สึกหงุดหงิดกับเพื่อนสมัยเด็กที่ช่างโหดร้าย ที่ได้พูดอะไรแบบนี้ออกให้กับผมที่เพิ่งจะอกหัก
ผมหงุดหงิดนะ ก็ถ้าเธอมีแฟนแล้ว เธอก็ควรที่จะไม่ต้องมายุ่งอะไรกับผมสิ แต่ผมไม่รู้ว่าจะบอกเธอกลับไปยังไง แล้วผมก็คิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกเลย ในหัวผมมันมีแต่ความว่างเปล่า
แล้วสิ่งที่ออกมาจากปากเพื่อตอบกลับไปนั้นก็คือการอวยพรที่มาจากใจจริง
แล้วใบหน้าของ ซูซุริคาว่า ก็ได้แสดงอาการโกรธออกมาให้เห็นในทันที่ที่ได้ยิน
“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีนะ ฉันรู้สึกยินดีที่เขาได้มาบอกสารภาพกับฉัน เพราะเขาไม่เหมือนกับนาย เขาดูพึ่งพาได้ และยังดูดีอีกด้วย” (ฮินากิ)
คนที่ ซูซุริคาว่านั้นเรียกว่ารุ่นพี่ ก็คือนักฟุตบอลที่เรียนอยู่ชั้นปี3 และได้สารภาพกับซูซุริคาว่าไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แตกต่างกับผม ซูซุริคาว่า นั้นเป็นที่ป๊อบปุล่า มีหลายคนต่างก็บอกสารภาพกับเธอให้รู้ว่าคิดอย่างไรกับเธอ แต่เธอก็ไม่เคยรับคำสารภาพไหนเลยจนกระทั่งตอนนี้ ผมคิดอย่างโล่งใจที่ได้เห็นเธอทำแบบนั้น ผมซึ่งได้หลงมัวเมาไปกับภาพลวงตาที่ตัวเธอนั้นไม่เคยออกห่างจากผมเลย
แต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าเธอนั้นจะออกมาเปิดเผยความรู้สึกของเธอให้ผมได้ฟังและเปรียบเทียบเขากับผม ผมไม่รู้ว่าผมนั้นทำเธอเกลียดไปมากแค่ไหน แต่ก็จริงที่ผมนั้นก็คงไม่ดีพอที่จะคู่กับเธอ บางทีผมคงจะกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจที่เอาแต่นั่งในตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กเท่านั้น
ที่จริงผมนั้นน่ะตื่นเต้นมากเลยนะ กับการเตรียมที่จะสารภาพความรู้สึกออกไป ด้วยความรู้สึกทีมันเต็มมากเกินไปกว่าที่จะเก็บมันเอาไว้ได้ และผมก็ได้ใช้เวลาไปกับความรู้สึกเหล่านั้นไปซะจนเหนื่อยล้า แล้วผมก็รู้สึกทั้งโล่งใจพร้อมๆกับรู้สึกผิดหวัง ที่ได้รู้ว่าวันนี้มันจะเป็นจุดจบของทุกสิ่งอย่าง
และนี่ก็คือการตัดสินใจของผม ถ้าความรู้สึกของผมมันจะส่งไปไม่ถึงก็ตาม ถึงงั้นมันก็คงจะเป็นความคิดที่ดี ที่ในสุดท้ายนี้จะได้บอกกับเธอออกไปซะ
“ซูซุริคาว่า ฉันตั้งใจจะสารภาพความรู้สึกให้กับเธอในวันเทศการหน้าร้อนของปีนี้น่ะ” (ยูกิโตะ)
“……..เอ๋?” (ฮินากิ)
“ฉันรักเธอมาโดยตลอด ฉันน่ะมองเพียงแค่เธอเท่านั้น ฉันน่ะรู้สึกภูมิใจที่เธอนั้นค่อยๆเป็นกลายคนที่สวยมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นฉันจึงอยากที่จะสารภาพกับเธอในปีนี้ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ว่ามันก็คงสายไปแล้ว หรือบางทีเธอก็คงจะไม่ได้สนใจผมมาแล้วตั้งแต่แรก”
“นายโกหก…….ใช่ไม๊…?……….นี่ฉัน…..ทำอะไรไป……..” (ฮินากิ)
“ฉันน่ะเคยคิดว่าความรู้สึกที่เธอให้กับฉันนั้นน่ะมันเรียกว่าความรัก ฉันคิดว่ามันเป็นความรักของเราสองคน ฉันมันคงจะเป็นคนงี่เง่าที่ไม่น่าคิดอะไรเป็นอะไรแบบนั้นได้ และเธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย ใช่ไหม?” (ยูกิโตะ)
“ไม่นะ นี่มันเข้าใจผิด! ฉันยัง–” (ฮินากิ)
“ใช่แล้ว ความรู้สึกของพวกเรามันคงแตกต่างกันตั้งแต่เริ่มแรกแล้วล่ะ” (ยูกิโตะ)
ผมไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ตอนไหนกัน ที่ความแต่ต่างกันของพวกเรานี้จะต้องพบกับการแตกหักลง แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องมาคิดกันแล้วในตอนนี้
“นี่….ฉันทำอะไร…..ไป…..” (ฮินากิ)
“ฉันเองก็เสียใจนะที่มันจะต้องจบลง แต่ฉันก็แค่อยากจะให้เธอได้รับรู้ความรู้สึกของฉันไว้ก็แค่นั้น”
แล้วไม่รู้เพราะอะไรหน้าของ ซูซุริคาว่าถึงได้ซีดลงมาก ดูเธอเหมือนกำลังจะหมดแรง ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไม
“ลาก่อนนะ ซูซุริคาว่า ความสัมพันธ์ของเพื่อนสมัยเด็กของเราจะสิ้นสุดลงในวันนี้ ขอให้มีความสุขกับรุ่นพี่ ของเธอ–” (ยูกิโตะ)
ยามเย็น ในช่วงเวลาโพล้เพล้ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง
มันช่างน่าขำที่ในสวนที่พวกเรานั้นเคยมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ จะกลายมาเป็นสถานที่บอกลากัน ถ้าหากว่าผมได้บอกความรู้สึกให้กับเธอไปก่อนนั้นจะเป็นยังไง แต่ก็คงคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยังคงเป็นเพื่อนสมัยเด็กและยังคงทำตัวเหมือนเมื่อก่อน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจะวางแผนสารภาพความรู้สึกที่มีอยู่ดี แต่ว่ามันก็ไม่ได้จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
ผมไม่ได้อยากจะอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ผมนั้นไม่อยากจะเห็นหน้าเธอ หรือแม้แต่หน้าตัวเอง แล้วผมก็เริ่มออกวิ่งเพื่อกลับบ้าน
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! ยูกิโตะ ได้โปรดกลับมาคุยกันก่อน–” (ฮินากิ)
การเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์นี้มันช่างยากซะจริงๆ
ถ้าหากความรู้สึกที่ ซูซุคาว่า แสดงให้ผมนั้นไม่ใช่ “ความรัก” ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะไม่เข้าใจ “ความรัก” ในชีวิตของผมได้อีกต่อไปแล้วล่ะ
แล้วในวันนี้ ในตัวของเด็กชายก็ได้มีอะไรบางอย่างแตกหักลงเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง