ยูกิโตะ โคโคโนเอะ Part 1
แล้วผมก็รู้สึกตระการตาไปกับภาพแบบนี้เหมือนครั้งก่อน ท้องฟ้าและผืนดิน ที่อยู่สูงและอยู่ต่ำ ก็ดูราวกำลังจะดูดกลืนตัวผมให้เข้าไป และก็เหมือนเดิม ผมหยุดคิดถึงเรื่องนั้นไม่ได้ ผมถูกผลักดันจากแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เวลาก็ได้ผ่านไปค่อนข้างนานแล้วตั้งแต่เมื่อครั้งนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ถ้าหากว่าผมนั้นได้เอาตัวเองไปทดลองเพราะความอยากรู้ในวันนั้น
ในตอนนั้นผมมั่นใจเลยล่ะ ว่าผมนั้นอยากที่จะตาย แต่อย่างน้อยผมก็รับรู้มันได้ แม้ยังไม่ได้เข้าใจถึงความหมายของมันดีนัก อย่างไรก็ตามผมนั้นก็ไม่ได้อยากที่จะตายอีกต่อไปแล้ว ผมมีสิ่งนั้นอยู่ มันยังคงปกป้องผมเหมือนกับโล่แห่งเอจิส(Shield of Agis) แล้วผม ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็เลยยังคงมีสภาพจิตใจที่ดี ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมถึงไม่ปรารถนาความตายอีกต่อไป มันเป็นตรรกะที่ค่อนข้างง่าย แต่ทำไมผมถึงได้ไม่รู้ตัวกันล่ะ? มันไม่น่าที่จะเป็นไปได้เลย
“ยูกิโตะ! ยูกิโตะ ลูกไม่เป็นไรนะ!?” (แม่)
ดูเหมือนแม่จะร้องเรียกผม ใช่แล้ว ผมมั่นใจว่าสีหน้าที่เห็นมันคือแบบเดียวกับแม่ในวันนั้นแน่ จากความทรงจำที่คลุมเครืออันพร่ามัวของผม นี่มันมีเกิดอะไรผิดปกติกับผมกันแน่? นี่แม่คิดว่าผมจะกระโดดลงไปจากตรงนี้งั้นเหรอ? มันก็คงจะเป็นอย่างนั้น ผมมั่นใจเลยว่านั่นคือสิ่งที่ตัวผมในวันนั้นคงจะทำ เพราะที่จริงแล้ว ผมน่ะเคยมีประวัติด้านอาชญากรรมมาก่อน มันก็เลยต้องเป็นธรรมดาที่จะต้องมากังวลแบบนั้นล่ะ แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้น่ะเหรอ? มันก็เพื่อที่จะทำให้ทุกอย่างก้าวต่อไปข้างหน้าได้ และเพื่อชดเชยให้กับวันที่ตัวผมนั้นได้พังทลายลงไป
———————————————————-
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ออกมาข้างนอกด้วยกันแบบนี้เลยนะ ฟุ ฟุ แม่มีความสุขมากเลยล่ะ” (แม่)
แม่ในตอนนี้มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะแค่ได้ออกไปขางนอกกับลูกของเธอเท่านั้น แต่เธอก็ดูกระตือรือร้นอย่างน่าประหลาด แล้วการแต่งหน้าของเธอนั้นก็สมบูรณ์แบบ เธอนั้นก็ดูสวยมาก
แม่กับผมตอนนี้อยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า สกายทรี (โตเกียวสกายทรี) วันนี้พี่สาวของผมไม่ได้มาด้วยแต่แม่ของผมนั้นก็ยกเลิกงานในวันนี้แล้ว ดังนั้นผมจึงตัดสินใจชวนแม่ออกมาด้วยกัน แล้วเธอก็ตอบตกลงในทันที แต่มันก็เป็นวันที่ยากลำบากสำหรับผมด้วยนะ ก็เพราะเธอนั้นดันร้องไห้ออกมาด้วยน่ะสิ
“ผมขอโทษ ที่จริงแล้วผม……” (ยูกิโตะ)
ผมยังรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย เพราะว่าผมนั้นไม่เคยขอให้แม่ทำอะไรเพื่อตัวผมมาก่อน ผมคิดว่าเธอก็คงจะไม่ยอมฟังผมไม่ว่าผมนั้นจะพยายามพูดอะไร และผมก็คิดว่าเธอนั้นคงจะเกลียดผม แต่ว่าพี่สาวของผมก็ได้ปฏิเสธผมมาแล้วคนนึง ที่เธอได้เคยพูดว่าเกลียดผมในตอนนั้น และบอกกับผมว่าเธอนั้นยังคงรักผมอยู่เหมือนเดิมมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ผมไม่รู้ว่าสองประโยคนี้อันไหนกันแน่ที่เป็นความจริง แต่ก็นั่นล่ะจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องคุยกับเธอ แม่ของผม
ได้เวลาที่จะต้องออกจากหอดูวิวแล้วกลับออกไปข้างนอกแล้ว ผมนั้นอยากที่จะคุยกับแม่คนเดียวให้นานๆ มากกว่านี้ และก็นั่นล่ะคือเป้าหมายของผม ในระหว่างทางกลับบ้านตอนพลบค่ำ เราก็ได้คุยกันด้วยเรื่องเบาๆ
“วันนี้ผมต้องขอโทษที่ชวนแม่ออกมาอย่างกระทันหันนะครับ” (ยูกิโตะ)
“ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่มีความสุขนะ เพราะเราไม่เคยทำแบบนี้กันมาก่อนเลยน่ะ” (แม่)
“แล้วผมรบกวนแม่หรือเปล่า?” (ยูกิโตะ)
“ไม่จ๊ะ ไม่ แน่นอน” (แม่)
เธอหลบตาลงแสดงให้เห็นถึงความเศร้า พอผมลองคิดถึงเรื่องนี้ดู แม่นั้นมักจะแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมาเสมอ และก็เป็นผมเองที่เป็นคนทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ ผมทำให้เธอต้องมาเสียใจแบบนี้
“ผมคิดว่าแม่คงเกลียดผม” (ยูกิโตะ)
“นั่นมันไม่เป็นความจริงเลยนะ ทำไมล่ะ….แม่จะไปเกลียดลูกลงได้ยังไงกัน?” (แม่)
“แต่ว่าตอนนั้นแม่ได้ทอดทิ้งผมไป” (ยูกิโตะ)
“—! ไม่นะ สิ่งที่ลูกคิดน่ะผิดนะ ยูกิโตะ นี่ลูกถูกใครบอกอะไรมาใช่มั้ย!? ก็ตอนนั้นน่ะลูก–! (แม่)
“ก็นั่นล่ะครับ ผมก็เลยรู้สึกว่าแม่นั้นไม่ต้องการผม เพราะแม่ไม่เคยบอกผมเลยว่าผมยังเป็นที่ต้องการอยู่น่ะครับ” (ยูกิ)
“…… แม่ขอโทษ! แม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับลูก……!” (แม่)
“ผมเองก็คิดว่าพี่สาวของผมก็เกลียดผมด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อวันก่อนเธอกลับบอกผมว่าเธอนั้นชอบผม นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะถามแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันครับ” (ยูกิโตะ)
“—–ว่าผมควรที่จะต้องหายไปรึเปล่า?” (ยูกิโตะ)
น้ำตาที่ไหลออกจากตาดวงโตของแม่ ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของเธอนั้นเปรอะเปื้อนไปหมด เธอไม่แม้แต่จะใส่ใจกับใบหน้าที่ได้รับการแต่งมาอย่างดีแล้วของเธอเลย ช่วงนี้แม่ร้องไห้หนักมาก และผมก็เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ผมไม่สามารถที่จะจบการสนทนาในวันนี้ลงได้แบบนี้
ผมจะต้องแก้ไขบุคลิกของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ให้มันถูกต้องตามที่ควรจะเป็นให้ได้ก่อน เพื่อที่จะทำให้ตัวตนของผมที่แท้จริงนั้นได้กลับมา ไม่ใช่ตัวผมที่เป็นคนที่พังทลายไปแล้ว
เธอได้กอดผม ผมถึงกับรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอนั้นสั่นมาก และผมก็สามารถบอกได้เลยว่าเธอนั้นเกร็งและดูตึงเครียด
“ผมอยากคุยกับแม่ให้มากกว่านี้นะครับ เพราะมันมีอีกหลายเรื่องที่ผมอยากจะบอกมันให้กับแม่” (ยูกิโตะ)
“อือ…..” (แม่)
“แต่แม่ก็ยุ่งมาก ผมก็เลยต้องหยุดพูดอะไรกับแม่ไปและผมก็เลยให้ความสนใจไปที่พี่สาวแทน” (ยูกิโตะ)
“มันไม่ใช่แบบนั้น แล้วยูริก็ไม่ได้ไม่ชอบลูกนะ” (แม่)
“ผมคิดว่าถูกทั้งแม่และพี่สาวปฏิเสธไป และเพราะแบบนั้นก็เลยไม่มีที่ที่จะให้ผมอยู่อีกแล้ว ผมก็เลยพยายามที่จะหายไป ซึ่งถ้าหากว่านั่นคือสิ่งที่แม่และพี่สาวต้องการล่ะก็ ผมก็จะทำแบบนั้น แต่ถ้าหากแม่ยังคงบอกว่าแม่รักผมหรือยังต้องการผม แล้วทำไมแม่ถึงไม่ยอมคุยกับผมกันล่ะ? ทำไมแม่ถึงไม่ยอมมาฉุดรั้งผมเอาไว้ตอนนั้นล่ะ? (ยูกิโตะ)
“และในตอนนั้นผมก็ยังอยากที่จะได้อยู่ร่วมกันกับแม่นะครับ” (ยูกิโตะ)
และจากวันนั้นนั่นเองที่ผมถึงได้กลายมาเป็น ยูกิโตะ โคโคโนเอะ แบบที่ผมนั้นเป็นอยู่ในทุกวันนี้
—————————————-
[มุมมองของ แม่]
แล้วอารมณ์ของฉันพุ่งขึ้นรุนแรงและก็กระตือรือร้นมาก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ลูกชายของฉันได้ขอให้ฉันพาไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งกับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ฉันนั้นรู้เลยว่า ฉันมันเป็นคนที่บาปหนาเพียงใด ในตอนที่เขายังเป็นเด็กเล็ก ฉันนั้นยุ่งกับงานมากซะจนไม่สามารถดูแลเอาอกเอาใจเขาได้ ฉันนั้นน่ะหวงแหนเขา เขาที่เป็นดังสมบัติของฉัน แต่ไม่ว่าฉันจะพูดแบบนี้ไปอีกสักกี่ครั้ง แต่หากฉันนั้นไม่ยอมทำอะไรเลย มันก็ย่อมที่จะไม่อะไรถ่ายทอดให้ออกไปได้
ฉันนั้นรักเขามาก แต่เขาก็กลับกลายไปเป็นคนที่ดูห่างไกล และสิ่งที่ฉันทำได้ก็เพียงเฝ้ามองเขาอยู่จากที่ไกลๆ และฉันเองก็ไม่เคยได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของยูริเลยซะด้วยซ้ำ และสิ่งเหล่านี้จึงนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในครั้งนั้นขึ้น ฉันไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายของฉันจะได้เลือกที่ตาย มันเป็นความหวาดกลัวครั้งใหญ่ และฉันยังคงฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เสมอ ฉันนั้นล้มเหลวในการเป็นแม่ ที่ต้องปล่อยให้ลูกชายของฉันนั้นเลือกที่จะฆ่าตัวตาย มันก็เพราะฉัน
แต่ลูกชายของฉันกลับต้องการจะออกไปข้างนอกกับฉันในวันนี้ ฉันจึงมีความสุขมากที่เขานั้นได้มาขอร้องฉัน ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ฉันอยากที่จะได้ทำอย่างนี้มาตลอดเวลาเลยจริงๆนะ ฉันอยากดูแลเขาและเอาใจเขา ซึ่งมันก็ควรจะมีเวลาและโอกาสมากพอที่จะให้พ่อแม่ได้ทำอย่างนั้นได้ แต่ก็เพราะว่าพวกเด็กๆนั้นโตกันเร็วมาก กระทั่งมันสายเกินไป จนได้มาตระหนักเอาได้ทีหลังว่า เวลาที่คุณนั้นจะสามารถให้กับพวกเขาได้ที่จริงมันมีอยู่จำกัด คำพูดของฉันอาจส่งไปไม่ถึงเขาอีกต่อไปแล้ว และนั่นก็คือสิ่งที่ฉันกำลังคิด
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมีความสุขมาก ที่เขาได้มาขอให้ฉันพาเขาไป ฉันยังคงถูกมองว่าเป็นแม่ ฉันยังคงเป็นที่ต้องการในชีวิตของเขา และเมื่อเร็วๆนี้ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับยูกิโตะ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเห็นได้ชัดมาก ตัวอย่างเช่นยูริ ก็ได้อยู่ใกล้ชิดเขามาขึ้นทุกวันและมักจะนอนด้วยกันกับเขา ฉันพูดได้เลยว่าเรื่องนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับฉันเหมือนกัน เมื่อวานก็ได้นอนด้วยกันอีก ฉันรู้สึกว่า ถ้าฉันไม่ทำล่ะก็ ลูกชายที่กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงนั้นก็อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก
อารมณ์ของเขานั้นดูแตกต่างไปจากปกติ เขามีสีหน้าที่จริงจัง แต่มันไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขานั้นยังคงทำหน้านิ่งๆอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม ลูกชายของฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่อยู่ๆก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ แต่วันนี้ เขาไม่ได้แสดงอะไรบ่งบอกออกมาให้เดาได้เลยแม้แต่น้อย
“และตอนนั้นผมก็ยังอยากที่จะได้อยู่ร่วมกันกับแม่นะครับ” (ยูกิโตะ)
คำพูดของเขานั้นทิ่มเข้ามาแทงเข้าที่กลางใจฉัน ในตอนนั้น ฉันต้องทุกข์ทรมานไปกับความรู้สึกผิด แล้วฉันก็ไม่สามารถโต้เถียงอะไรเพื่อตัวเขาได้เลย เพราะฉันที่ไม่สามารถปกป้องเขาได้สักนิด และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ยูกิโตะ ได้ปลอยฉันไป ฉันคิดว่า ฉันได้สูญเสียความมั่นใจในฐานะแม่ไปแล้ว และมันเป็นธรรมดา เนื่องจากฉันนั้นเป็นคนปล่อยให้ยูริมาดูแลเรื่องนั้นแทน และมันก็เป็นเหตุผลที่ยูกิโตะนั้นไม่อยากจะกลับบ้าน สุดท้ายแล้วจึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสนั่น มันก็จึงเป็นความผิดของฉันทั้งหมด
ยูกิโตะบอกว่าฉันได้ทิ้งเขาไปแล้ว ไม่ ฉันไม่เคยทอดทิ้งเขา ฉันตกใจที่เขานั้นคิดแบบนั้น ฉันถึงกับสงสัยว่านี่ตัวฉันได้ทำร้ายลูกชายของตัวเองไปมากแค่ไหนกัน ทำไมฉันถึงต้องมารู้เอาในวันที่สายไปอยู่เสมอ! ถ้าหากเพียงแค่ฉันได้พูดคุยกับเขาให้มากขึ้น ถ้าหากเพียงฉันจริงจังกับการเอาใจใส่กับเขาให้มากขึ้น แล้วฉันได้แต่สำนึกผิดในเรื่องเหล่านี้อยู่ซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลา
และลูกชายของฉันที่กำลังเผชิญหน้ากับฉันอยู่ในตอนนี้ ถ้าหากฉันทำอะไรผิดขึ้นที่นี่อีก เขาก็คงจะไม่กลับมาอีกแล้วในครั้งนี้ ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องไปในที่ที่ไกลเกินเอื้อมจากฉันแน่ๆ และสิ่งที่แสดงให้เห็นที่หอสูงนี้ก็ดูเหมือนจะพิสูจน์ได้ มันมีบรรยากาศที่เปราะบางราวกับพร้อมที่จะจมลงไปในมหาสมุทรที่อันมืดมิดและกลืนกินทุกสิ่งไป
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้—!
เอ๋?
“ไม่เป็นไรหรอกนะครับ ผมน่ะได้รับรู้แล้วล่ะ ที่ผมมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงน่ะครับ” (ยูกิโตะ)
“ยูกิโตะ นี่ลูกยิ้ม เหรอ……?” (แม่)
“ยิ้ม?…ผม? นี่ผมยิ้มเหรอครับแม่? (ยูกิโตะ)
เขาดูงุนงงและสงสัย เขาได้เอาไปมือสัมผัสกับใบหน้า ลูกยิ้มเหรอ? เด็กคนนี้? มันช่างงี่เง่า ความสัมพันธ์ของเรากลายเป็นเรื่องบ้าๆ และก็ผ่านไปนานซะจนฉันจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าเคยเห็นลูกชายของฉันเคยยิ้มมาก่อน เขาเคยยิ้มให้ตอนที่เขาพยายามเต็มที่เพื่อจะเข้ามาคุยกับฉัน และรอยยิ้มของเขานั้นก็ดูน่ารักมาก แต่แล้วรอยยิ้มพวกนั้นก็หายไป และก็เพราะฉันคนเดียวที่พรากเอามันไปจากเขา ฉันไม่ใช่แม่ที่ดีเอาซะเลย เป็นคนที่ไม่สมควรจะถูกเรียกว่าแม่ ฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะมองฉันแบบนั้นได้อีก
“ผมมีเรื่องสำคัญที่จะบอกแม่ครับ” (ยูกิโตะ)
“ตัวผมในตอนนี้น่ะ มันไม่ใช่ตัวผมจริงๆหรอกนะครับ” (ยูกิโตะ)