การเดาทางเลือกที่เหมาะสมในความจริง
[มุมมองของ ฮินากิ ซูซูริกาวะ ]
กระแสของผู้คนที่เดินอย่างคับคั่งในตอนนี้ได้ไหลไปตามเพลงประกอบที่น่ารื่นรมย์
ท่ามกลางความเร่งรีบและพลุกพล่าน ฉันกำลังรีบเดินไปหาเขาจากที่บ้าน ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับการที่ต้องติดอยู่กับอะไรที่ไม่คุ้นเคย และความที่ไม่มั่นคงของฉัน แต่ว่ามันก็ช่วยไม่ได้ แล้วฉันได้ใช้เวลาไปนานในการเตรียมตัว แล้วก็ดูเหมือนว่าฉันน่าจะมาพอมาได้ทันเวลา
ฉันหวังว่าเขาคงจะชอบชุดยูกาตะตัวนี้…….
มันช่างเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาขนาดไหนกันนะ ถ้าเป็นแบบอย่างอื่นไปจากนี้ ฉันว่าก็คงจะไม่แปลกใจหรอกถ้าหากตัวฉันนั้นจะดูออกมาน่ารังเกียจ
เป็นเวลาเกือบสามปีแล้วที่ฉันเคยได้ไปงานเทศกาลฤดูร้อนกับเขา แล้วนี่ก็คือชุดยูกาตะแบบเดียวกันกับที่ฉันสวมตอนโบกมือให้ในตอนอยู่ชั้นมัธยมต้นปีแรก
และยังไม่มีโอกาสได้ใส่อีกเลยตั้งแต่วันนั้น ที่ถึงแม้แต่ขนาดนั้นก็จะต้องเปลี่ยนไปก็ตาม ในตอนแรกฉันนั้นคิดว่าจะเลือกเป็นแบบอื่นเป็นแบบใหม่ๆ แต่ว่าฉันก็ยังคงเลือกแบบอันเดิมนี้
“–ก็ฉันก็ยัง……” (ฮินากิ)
และสิ่งที่ฉันต้องการนั้นก็คือความกล้าหาญ การปลุกใจให้กับตัวเอง
ฉันจะต้องใช้ความกล้าในการเลือกใส่ชุดแบบนี้อีกครั้งนึง
สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงและสิ่งที่เปลี่ยนแปลงของฉัน
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของฉันนั้นจะเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าฉันนั้นจะโตขึ้น แต่ว่าความรู้สึกของฉันนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม บางทีนั่นน่ะอาจเป็นสิ่งที่ฉันนั้นต้องการจะแสดงให้เห็น
พอฉันได้เข้าสู่โรงเรียนมัธยมต้น สภาพแวดล้อม เพื่อนฝูง และแม้แต่ตัวของฉันเองก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ฉันนั้นไม่สามารถที่จะยังคงเป็นเด็กสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่ตลอดไปได้ และในทางกลับกัน ฉันเองก็ไม่สามารถที่จะเป็นผู้ใหญ่ได้เช่นเดียวกัน ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ฉันได้พยายามหาสิ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป
แล้วในช่วงเวลานั้นเองที่สิ่งต่างๆ ก็ได้เริ่มจะทำสิ่งผิดพลาดไปให้กับเขา ฉันไม่รู้จะรักษาเขาไว้ให้อยู่กับฉันได้อย่างไร ในช่วงเวลานั้น ฉันเริ่มที่จะแสดงออกรุนแรงกับเขา ฉันแน่ใจนะ ว่าหากเรายังคงความเป็นเพื่อนสมัยเด็กเอาไว้ เรื่องพรรค์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
-แต่ฉันอยากจะไปให้ไกลกว่านั้น
ท่ามกลางความเร่งรีบและอึกอัก เขาก็ยังคงเหมือนเดิม พยายามจะจับมือฉันเอาไว้เพื่อไม่ให้เราพลัดหลงจากกันเหมือนเมื่อก่อนที่ผ่านมา แต่ฉันดันปฏิเสธเขา ไม่ใช่ว่าเพราะฉันไม่ต้องการนะ แต่ฉันสะบัดเขาออกเพียงเพราะฉันนั้นกังวลในเรื่องมือที่มีแต่เหงื่อ แล้วฉันจึงแอบเช็ดมันด้วยผ้าเช็ดหน้าและเฝ้ารอให้เขามากลับมาจับมันอีกครั้ง
ทั้งหมดที่ฉันต้องทำคือควรที่จะบอกเขาด้วยตัวเอง ฉันหัวเราะเยาะให้กับความโง่ของตัวเอง แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกตรงๆไปแบบนั้น
และหลังจากนั้นมือของเราซึ่งเคยจับพันผูกอยู่เสมอก็ไม่เคยแตะต้องกันอีกเลย ฉันถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในที่ขอบเหว ได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมจับมือฉัน ได้แต่โยนความผิด แล้วไหนจะคำพูดที่ฉันนั้นไม่เคยคิดว่าจะออกมาจากปากของฉัน ก็ได้เริ่มทะลักล้นออกมาเรื่อยๆ และแม้หลังจากเทศกาลฤดูร้อนสิ้นสุดลง ระยะห่างระหว่างพวกเราก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่าปีที่เราตัดสินใจจะคบไปด้วยกันนั้นจะเป็นปีถัดไป
ก็กลับลืมคำมั่นสัญญาอันนั้น แล้วฉันปฏิเสธเขาอีกเมื่อเขานั้นพยายามแล้วที่จะเปลี่ยนมัน
ถ้าหากเพียงแค่ฉันรอได้อีกสักนิด ความปรารถนาของฉันมันก็จะเป็นจริงแล้ว
เขาคงจะต้องใช้ความกล้าหาญมากขนาดไหนในกันในการตัดสินใจ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงมัน แต่ฉันกลับเป็นคนเหยียบย่ำมัน ด้วยวิธีที่เลวร้ายที่สุด ฉันไม่ได้อะไรจากการกระทำให้กับตัวเองเลย ตรงกันข้าม ฉันนั้นทำร้ายเขา ทั้งที่ฉันนั้นร่ำร้องขอมันเสมอมา
ฉันไม่สามารถทนรอได้ ฉันไม่ได้เป็นคนที่จะได้เป็นเจ้าหญิง
-ฉันนั้นเลือกผิดมาตลอด ดังนั้นครั้งนี้!
แล้วมันเป็นฉันที่เลือกเองที่จะก้าวเข้าสู่ความมืดโดยไม่มีทางออก คำพูดที่ปากไม่ตรงกับของฉัน ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของฉันเอง
แต่ว่าเขาก็ยังคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดและปกป้องฉันไม่ทอดทิ้งฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่แย่ขนาดไหน ไม่ว่าฉันจะเป็นคนน่าอับอายสักเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำให้คนรอบข้างเกลียดเขามากแค่ไหน
คราวนี้ทุกอย่างมันถึงตาของฉันแล้ว
จากนี้ไปจะเป็นคราวของฉันบ้างแล้ว
รองเท้าแก้วนั้นน่ะได้แตกไปแล้ว
ไม่มีรถม้าไปที่จะพาไปปราสาทไม่มีนางฟ้าที่จะมาสนับสนุนฉัน
ถึงจะมีคู่แข่งอยู่มากมาย แต่ว่านั่นน่ะไม่สำคัญ ฉันต้องไปให้ถึงที่ที่เขารออยู่ด้วยขาของฉัน
ด้วยใจที่กำลังเบิกบานนี้ ฉันจึงมุ่งตรงไปยังจุดนัดพบ
นี่เป็นเพียงวันเดียวที่ถนนนั้นถูกปิดและไม่อนุญาตให้รถเข้าไป ความตื่นเต้นของเทศกาลนั้น ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ไกลๆ ฉันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่สนุกสนาน
ฉันเกือบถึงที่นั่นแล้ว ฉันสงสัยว่าเขาจะรอฉันอยู่หรือเปล่า แล้วฉันก็ดูนาฬิกา ฉันก็แค่มาสายนิดหน่อย ฉันควรจะขอโทษไปก่อนเมื่อฉันได้ไปถึงที่นั่น
ฉันต้องซื่อสัตย์ ไม่เป็นไร ถ้าฉันได้บอกความรู้สึกไป เขาจะต้องเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำเป็นอย่างอื่น นั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันนั้นบอกกับตัวเอง
“เธอคือซูซูริคาวะใช่ไหมนั่น?” (???)
แล้วฉันได้ยินเสียงอันน่าสยดสยองที่มาจากข้างหลังของฉัน นั่นน่ะทำให้การเตรียมใจนั้นถึงกับประเจิงหายไปเลยทีเดียว
—————————————————————————-
[มุมมองของ ฮินากิ]
“……โยชิคาวะ ……?” (ฮินากิ)
“โอ้ ไม่เอาน่า เธออย่ามาเรียกฉันแบบนั้นสิ ฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอนะ” (โยชิคาว่า)
จิตใจของฉันแข็งค้างราวกับว่าฉันนั้นถูกสาดด้วยน้ำเย็น ทั้งหมดที่ฉันนั้นทำได้ก็คือพึมพำชื่อเขาด้วยความงุนงง เป็นชื่อที่ฉันหลีกเลี่ยงแม้กระทั่งจะจดจำ
ฉันได้แค่หวังว่าฉันจะเข้าใจผิด แม้ว่าร่างกายของเขานั้นจะโตขึ้นกว่าสมัยมัธยม แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงเป็น โยชิคาว่า จากในความทรงจำของฉันอย่างไม่มีผิด
“เป็นอะไรน่ะ โทชิยะ รู้จักกันด้วยเหรอ”
“นั่นน่ะแฟนเก่าของฉันตอนมัธยม” (โยชิคาว่า)
โทชิยะ โยชิกาวะ นั้นก็คือ โทชิยะ โยชิกาวะคนที่ฉันเคยไปเกี่ยวข้องด้วยเมื่อตอนที่ฉันอยู่ชั้นมัธยมต้นปีที่สอง แต่ในความเป็นจริง วันที่ว่าดังกล่าวนั้นไม่ควรมีอยู่จริง แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง และไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถลบล้างมันได้
–นั่นน่ะแฟนเก่าของฉัน.
คำว่า “แฟนเก่า” ทำให้ฉันถึงกับตัวสั่น และก็ทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้
“เธอสวยมาเลยไม่ใช่เหรอ? รุ่นพี่ช่วยแนะนำฉันอีกทีได้ไหม?” (???)
โยชิคาว่า นั้นไม่ได้มาคนเดียว ยังมีมีผู้ชายอีกสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่กว่าโยชิกาวะและอีกคนตัวเล็กกว่า ชายร่างใหญ่และชายร่างเล็ก
“ไม่เจอกันนานนะ ซูซูริคาวะ” (โยชิกาวะ)
“—-ทำไม….คุณถึงมาอยู่ที่นี่!” (ฮินากิ)
“เดินเที่ยวไปรอบๆไง ทำไมเหรอ?” (โยชิคาว่า)
“อะไรน่ะโทชิยะ? มีเหตุผลอะไรด้วยไหมเนี่ย?” (???)
“มันก็นานมาแล้วน่ะ” (โยชิคาว่า)
ฉันพยายามระงับร่างกายที่สั่นเทาและเปล่งเสียงของฉันเพื่อข่มและแสดงไม่ให้มันออกมา แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรเลย ราวกับว่ามันถูกมองผ่าน แล้วในที่สุด สมองของฉันที่ได้หยุดคิดก็เริ่มหมุน ก่อนอื่นฉันไม่ควรยุ่งกับพวกเขาเลย
มันเป็นเทศกาลที่มีขนาดใหญ่ ก็นักเรียนจำนวนมากเข้ามาเที่ยวในเทศกาล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเจอคนที่คุณรู้จัก ฉันควรที่จะไม่สนใจพวกเขาและเดินหน้าต่อไปโดยเร็ว มันเป็นความผิดพลาดที่จะมายืนนิ่งแบบนี้
“นี่อยู่คนเดียวเหรอ? งั้นทำไมไม่ไปกับเราล่ะ” (???)
ชายที่เรียกโยชิกาว่ารุ่นพี่เข้ามาหารากับเขาเป็นคนคุ้นเคย โยชิกาว่า ต้องอยู่ชั้นปี2 ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะต้องเป็นนักเรียนปี1 เหมือนอย่างฉัน
“ถูกต้องเลย ซูซูริคาวะ มากับพวกเราเถอะ” (โยชิคาว่า)
“อย่าพูดบ้าๆนะ! ทำไมฉันถึง…” (ฮินากิ)
“เธอน่ะไม่อยากจะเจอเรื่องยุ่งยากอีกใช่ไหมล่ะ?” (โยชิคาว่า)
“—!” (ฮินากิ)
คำพูดที่ราวกับการกระซิบนั้นทำให้หวนคืนถึงฝันร้ายของฉัน
ฉันนั้นได้ร้องไห้และร้องไห้อยู่ในทุกๆวัน พยายามที่หาทางออกไปจากมัน ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็ย้ายโรงเรียนได้ซะที แต่ฉันนั้นรู้สึกราวกับว่าได้ถูกลากกลับเข้าไปในหลุมลึกที่ฉันคิดว่าฉันรอดมาได้
ในอดีตที่ฉันคิดว่าฉันได้ตัดขาดจากมันได้แล้วด้วยความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ แต่ว่ามันก็กลับเข้ามาขวางทางของฉันอีกครั้ง
“จะให้ฉันไปสนุกกับคุณงั้นเหรอ นั่นคือที่คุณว่า?” (ฮินากิ)
“ฉันคิดอย่างนั้นแหละ ซูซูริคาวะ……ไม่ใช่สิ ต้องเป็นฮินากิ ช่วยปล่อยให้อดีตผ่านไปแล้วกลับมาด้วยกันได้ไหม?” (โยชิคาว่า)
แล้วเขาค่อยๆลดระยะห่างเข้ามา
ที่โยชิกาวะได้พูดมาอีกครั้งนั้น ถ้าหากฉันไม่ยอมจับมือโยชิกาวะไว้ที่นี่ เขาก็จะทำลายมันอีกคร้งใช่ไหม? ชีวิตประจำวันที่ฉันได้รับกลับมาในที่สุด วันที่ฉันนั้นหวังที่จะได้รับกลับคืนมา
-และความสัมพันธ์กับเขาคนนั้น
ฉันทนไม่ไหวแล้ว
มันเหมือนกบที่ติดอยู่กับงู ฉันขยับไปไหนไม่ได้
ความกล้าที่ฉันพยายามสร้างขึ้นมาก็ได้หมดไปอย่างรวดเร็ว
“……อะ……อะ……” (ฮินากิ)
ฉันไม่สามารถแม้แต่จะเปล่งเสียงของฉันออกมาได้
ฉันก้มหัวลงอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายแล้วฉันเองก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด อดีตนั้นไม่ยอมปล่อยมือไปจากขาของฉัน เหมือนกับว่าต้องติดอยู่ในขุมนรกต่อไป ฉันไม่สามารถหลุดพ้นไปจากความสิ้นหวังได้
ฉันอ่อนแอและอ่อนแอมาโดยตลอด
ฉันเคยคิดว่าฉันนั้นได้ตัดสินใจที่จะเข้มแข็งพอที่จะยืนเคียงข้างเขาแล้ว
มีน้ำตาเอ่อขึ้นในดวงตาของฉัน
แล้วโยชิกาว่าก็เข้ามาเพื่อจะจับมือฉันไว้
ฉันสะบัดมือนี้ออกไปแล้วในวันนั้น และตอนนี้เขาต้องไม่ใช่คนที่จะมาจับมือฉัน
“—-ไม่ ฉันทำไม่ได้!” (ฮินากิ)
ราวกับว่าถูกขับเคลื่อนจากอารมณ์ที่มี ฉันก็ได้รีบออกไปจากสถานที่แห่งนั้น
ก็ได้ฉันจะยอมรับมัน ฉันมันคนอ่อนแอ
ฉันพยายามที่จะเข้มแข็งอยู่เสมอ และฉันก็ไม่เคยจะซื่อสัตย์กับตัวเอง ฉันนั้นไม่เหมือนกับเขา
แต่ว่าฉันนั้นก็ไม่ได้อยากอยู่คนเดียว
เกือบจะหลงลืมไปอีกแล้ว ฉันมั่นใจว่าหากฉันจะต้องทำผิดซ้ำอีก ฉันนั้นก็อาจจะต้องกลับไปลำบากอีกหน ฉันนั้นต้องคอยพึ่งพาเขาอยู่เสมอ
ยังไงก็ไม่สามารถจัดการตัวตัวเองได้ เราต่างหากที่จัดการได้ ด้วยกันกับเขานั้นให้ฉันจะทำอะไรก็ได้ จะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง และคราวนี้ ฉันจะสามารถเป็นที่พึ่งพาให้เขาได้ เป็นที่ต้องการของเขาให้ได้
มันจะต้องไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้น ฉันอยากให้เรานั้นเท่าเทียมกัน
เพราะว่าพวกเรานั้นก็คือ “เพื่อนสมัยเด็ก” ยังไงล่ะ
————————————————————————————————–
[มุมมองของ โยชิกาวะ]
“โอ้ นี่คุณถูกปฏิเสธแล้วใช่ไหมน่ะ รุ่นพี่” (???)
“หาาา โทชิยะ นั่นเป็นแฟนเก่านายจริงๆ เหรอ?” (???)
“เธอก็ยังน่ารำคาญเหมือนเดิมเลยล่ะ” (โยชิคาว่า)
สายตาของ โยชิกาวะและคนอื่นๆนั้น ได้แต่มองตามซูซูริคาวะกลับไป พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะสร้างสถาณะการณ์อะไรในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านแบบนี้ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขากำลังมองหาที่จะชวนพวกเด็กผู้หญิง แต่ก็ติดปัญหาอยู่เยอะเนื่องจากเป็นงานเทศกาล และตำรวจเองก็คอยจับตาดูพื้นที่อย่างใกล้ชิด ฉันไม่ได้โง่พอที่จะทำอะไรไปโดยไม่คิด
“แต่เธอดูดีนี่เนอะ” (???)
“นายมีเซ็กส์กับเธอหรือยังล่ะ” (???)
“ไม่หรอก แต่ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องดีถ้าได้ทำน่ะนะ ฉันเองไม่ต้องการที่จะจบลงเหมือนคนโง่ๆหรอก” (โยชิคาว่า)
“ถ้าเป็นฉันก็จะทำนะ! ถ้ายิ่งรูปหน้าตาแบบนี้มันก็ง่ายที่จะมีพลั้งไปบ้าง ใช่ไหมล่ะ? …… พอลองคิดดู โทชิยะก็ค่อนข้างดังในโรงเรียนมัธยมต้นใช่ไหมล่ะ มีแค่คนชอบผู้ชายดูหล่อ แล้วพวกเธอก็จะทำทุกอย่างที่ต้องการให้เลยนี่” (???)
“งี่เง่าน่า ฉันเป็นคนเงียบๆในโรงเรียนมัธยมต้นนา” (โยชิคาว่า)
“อย่าโกหกฉันเลย โทชิยะ” (???)
“ฉันจริงจังนะ ก็เพราะมีไอ้เวรคนหนึ่งที่อยู่ชั้นต่ำกว่าฉัน ซึ่งนั่นน่ะทำให้ฉันไม่ได้ดูโดดเด่นเลยสักนิด” (โยชิคาว่า)
“มีคนที่สามารถจะเทียบได้ด้วยงั้นเหรอ?” (???)
“ฉันก็ไม่รู้สิ นั่นไม่ใช่สิ่งที่……พอเถอะ ก็ไม่ได้อยากจะคิดถึงมันสักหน่อย” (โยชิคาว่า)
ฉันเกือบจะนึกถึงสิ่งที่เลวร้ายมากนั้นกลับขึ้นมาได้จนถึงกับต้องขมวดคิ้ว มันเหมือนเทพยดาที่จะไม่มาแตะต้องคุณถ้าหากไม่ไปหาเรื่องด้วย แค่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยสักนิด โยชิกาวะและคนอื่นๆ ก็เดินจากไปราวกับจะเป็นการจบการสนทนานี้
“เอาล่ะ งั้นวันนี้น่าจะไปมองหาคนอื่นดีกว่าไหม? แล้วก็น่าจะได้ไปเจอตัวจริงบ้างหลังจากนี้น่ะ” (โยชิคาว่า)