ถึงอย่างไรก็มีสวีเฟยกับสือจวินไปด้วย มีคนเพิ่มมาอีกคน เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้สนใจ ยิ่งไปกว่านั้นเขากับเฟิงอวิ๋นเซิงยังถูกคอกันด้วย
“ข้าไม่มีปัญหา แต่ไม่ทราบว่าศิษย์น้องเฟิงจะว่าอย่างไร” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ตามคำกล่าวของนาง ครั้งนี้นางต้องการไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์
“มีข้าคอยคุมอยู่ นางย่อมไม่เป็นอันตราย ข้าไม่ลงมือก็ได้ แต่เมื่อข้าอยู่ด้วยศัตรูจะเกิดความเกรงกลัว ย่อมมอบความรู้สึกพึ่งพาให้กับนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้นางจะควบคุมอารมณ์ได้ก็ตามที”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ถ้าหากข้าไม่คอยคุม เช่นนั้นพวกเราจะแย่เอา อย่าว่าแต่การเก็บเกี่ยวประสมบการณ์เลย”
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าว “โลกใบนี้จะให้เรื่องทุกอย่างดีหมดได้อย่างไร พยายามทำให้สมดุลเถอะ อวิ๋นเซิงฉลาด ย่อมเข้าใจหลักการนี้”
“จะว่าไปนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด จ้าวเกอเจ้าในตอนนี้เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่สี่ ขั้นกำเนิดญาณระยะต้นแล้ว อีกทั้งหากลงมือขึ้นมาจริงๆ พลังจะเหนือกว่าคนเท่าไป มีของวิเศษอยู่เต็มตัว คนที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเจ้าได้มีแค่ไม่กี่คนแล้ว”
“สำหรับอวิ๋นเซิงที่ยังเป็นแค่ปรมาจารย์ อันตรายส่วนใหญ่เจ้าเป็นคนแบกรับไว้แล้ว ต่อให้ต้องลงมือในช่วงนาทีสำคัญก็ยังทัน”
“ส่วนคู่ต่อสู้ที่แม้แต่เจ้าก็รับมือไม่ไหว บึงทะเลมายาที่พวกเจ้าต้องไปในครั้งนี้ถึงอย่างไรก็เป็นถิ่นของหอคลื่นโหม หอคลื่นโหมคอยรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด ต้องไม่ยอมให้ยอดฝีมือระดับสูงจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์เข้าไปฆ่าพวกเจ้าในบึงทะเลมายาแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวต่อ “ดังนั้น ที่พวกเจ้าไปในครั้งนี้ ความจริงอันตรายร้ายแรงอยู่ที่ภัยพิบัติเป็นส่วนใหญ่ บึงทะเลมายาถูกจัดอยู่ในสถานที่อันตรายทั้งหกของแปดพิภพ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงอ่อนแอของภาพมายา แต่ก็ยังคงประมาทไม่ได้”
“เทียบกับพายุที่มหาทะเลทราย ความเย็นสุดขีดที่ที่ราบหิมะแดนใต้ และไฟที่วังสุสานแล้ว ความน่ากลัวของบึงทะเลมายาคล้ายกับไม่ได้รุนแรงนัก แต่ว่ามันเล่นงานเราได้อย่างไรรูปร่าง ป้องกันได้ยากยิ่งกว่า”
การหลงทางในโลกของบึงทะเลมายา เป็นไปได้ว่าจะต้องทิ้งชีวิตไปอย่างไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มตอบ “ขอรับท่านอาจารย์ วางใจเถอะ ข้ามีความมั่นใจอยู่แล้ว”
ผลสุดท้าย นอกจากอวิ๋นเซิง สวีเฟย และสือจวินจะร่วมทางแล้ว ยังมีหลงเอ๋อร์ อิงหลงถูด้วย
“โอกาสแบบนี้หายาก เจ้าพาหลงถูไปด้วยเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ปฏิเสธ
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกขบขันอยู่ชั่วขณะ ตนไม่ได้ทำแบบนี้มาสักพักแล้ว
ไม่ใช่แค่เขากว่างเฉิงเท่านั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และสำนักใหญ่ทุกสำนัก ล้วนให้ศิษย์รุ่นเยาว์ในสำนักเข้าร่วมการเก็บเกี่ยวประสบการณ์โดยให้ผู้อาวุโสพาคนหน้าใหม่ไป
คนนำกลุ่มอาจจะเป็นผู้อาวุโสในสำนัก อาจจะเป็นศิษย์พี่ร่วมสำนักที่เข้าสำนักมาก่อน เหมือนครั้งที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอ ซือคงจิง และเยี่ยจิ่งไปยังหุบเหวปราการมังกร
แต่ว่าพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มเร็วเกินไป ตอนนี้ยังอายุไม่มาก แต่ความแตกต่างในด้านระดับพลังฝึกปรือระหว่างเขากับลูกศิษย์อายุน้อยห่างกันมากแล้ว
การนำกลุ่มในครั้งนี้จึงกระอักกระอ่วนยิ่ง
หากสถานที่ที่จะไปอันตรายมาก คนที่เขาต้องพาไปจะกลายเป็นภาระของเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ร่วมทางกับเขาเหมือนสิ่งของ การเฝ้าปกป้องไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในการฝึกฝน
แต่ถ้าสถานที่ที่จะไปไม่ค่อยอันตรายนัก ก็เท่ากับเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน
ในกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ เสี่ยวสือจวินไม่ถูกนับรวมเข้าไปด้วย อิงหลงถูมีพลังฝึกปรือต่ำที่สุดในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอก อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม พลังไม่ธรรมดา
สวีเฟยยังเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่สอง ขั้นซ่อนจิตระยะกลาง และเป็นคนที่พัฒนาตามเยี่ยนจ้าวเกอมาติดๆ ในระยะเวลาอันสั้น ไม่อย่างนั้นครั้งนี้ใครเป็นคนนำกลุ่ม ก็ยังกำหนดไม่ได้
พูดถึงประสบการณ์การนำกลุ่มแล้ว สวีเฟยยังมีมากกว่าเยี่ยนจ้าวเกอเสียอีก
คนที่ร่วมทางในครั้งนี้ นอกจากซือคงจิงที่ไม่อยู่แล้ว ล้วนเป็นการรวมตัวกันของผู้ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งเขากว่างเฉิง
ไม่ต้องนับอิงหลงถู เยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย เฟิงอวิ๋นเซิงล้วนพาศิษย์ร่วมสำนักที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ทั้งสิ้น
พูดถึงการนำกลุ่ม ความจริงเยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อนข้างสบายใจอยู่บ้าง คิดเสียว่าเป็นการทำหน้าที่ที่เคยทำ หลังจากบอกลากับบิดาแล้ว เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับพวกสวีเฟย อาหู่กับพ่านพ่านย่อมร่วมทางไปด้วย
ในตอนนี้ สถานการณ์ของมหาอำนาจแปดพิภพได้ผ่านการรุกรานของปีศาจอัคคีมาไม่นาน จึงค่อนข้างสงบอยู่บ้าง
แต่ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอทราบดีว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่คลื่นใต้น้ำก่อตัว ธนูพาดอยู่บนสาย พายุอาจจะมาถึงได้ตลอดเวลา
เจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงเข้าฌานรักษาอาการบาดเจ็บ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์หนึ่งใต้หนึ่งเหนือ ทั้งคู่อยากจะเคลื่อนไหวใจจะขาด
ในฐานะพันธมิตรของเมืองทะเลมรกต เขากว่างเฉิงกับเขาไร้พรมแดนได้เตรียมการสนับสนุนเมืองทะเลมรกตตลอดเวลาเช่นกัน
หยวนเจิ้งเฟิงเป็นคนนำด้วยตัวเอง เอาเสื้อคลุมนภาออกจากสำนักมาถึงบริเวณปฐพีพิภพ คอยคุมเชิงอยู่ระหว่างอัคคีพิภพและวารีพิภพ ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อนภาพิภพอยู่ไกลๆ
พวกเยี่ยนตี๋คอยคุ้มครองสำนัก เตรียมตัวอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอให้หยวนเจิ้งเฟิงพามาถึงปฐพีพิภพ จากนั้นหลังจากบอกลากับพวกอาจารย์ของตนเสร็จ ก็มุ่งหน้าลงใต้ไปยังบึงพิภพ
เมื่อออกจากปฐพีพิภพมาถึงพื้นที่ของบึงพิภพแล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ผ่อนคลายลงชั่วคราว
ถึงแม้ว่าผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลินจะได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องเข้าฌาน แต่ว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็มีโอกาสเล่นงานตอนอยู่ที่นี่ไม่มากนัก หากเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น หยวนเจิ้งเฟิงย่อมรีบลงใต้มาช่วยเหลือทันที
“ศิษย์พี่สวี ตอนนี้ข้าได้กลิ่นตุๆ การเดินทางในครั้งนี้ท่านไปชวนศิษย์พี่เซี่ยมาใช่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอชี้แนะกระบี่เจ็ดดาราให้หลงถูเรียนไปพลาง หยอกล้อพร้อมมองสวีเฟยไปพลาง
ระหว่างกระบี่เจ็ดดาราและกระบวนท่ากระบี่อำพันลี้ลับ สุดท้ายอิงหลงถูก็เลือกกระบี่เจ็ดดารา
ก่อนหน้านี้เขาได้เรียนวรยุทธ์ยอดวิชาแปดพิภพ กายเพชร ดาบเทพผสานปราณ วายุอัคคี ทั้งหมดล้วนมีรูปแบบหนักแน่นและแข็งกร้าวทั้งสิ้น
ในเมื่อต้องการเดินบนเส้นทางทั้งเก็บทั้งสั่งสม เช่นนั้นวรยุทธ์ที่รวดเร็วก็จำเป็นต้องฝึกฝนด้วย
ภายใต้การชี้แนะของเยี่ยนตี๋ อิงหลงถูจึงเลือกกระบี่เจ็ดดารา
ถึงอย่างไรครั้งนี้ก็ติดตามออกมา มีทั้งเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟย ไม่ว่าอิงหลงถูจะเรียนกระบี่เจ็ดดาราหรือว่ากระบวนท่ากระบี่อำพันลี้ลับ ล้วนมีคนชี้แนะให้เขาทั้งสิ้น
สวีเฟยถูกเยี่ยนจ้าวเกอหยอกล้อ เขาไม่รู้สึกขุ่นเคือง เพียงพูดว่า “ก่อนการรุกรานของปีศาจอัคคีที่ทะเลตะวันออกในครั้งนี้ ศิษย์น้องเซี่ยได้เข้าฌานฝึกฝน เตรียมตัวเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์แล้ว”
“เช่นนี้เอง ตอนที่ถึงหอคลื่นโหมในการการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สี่ ก็เคยเจอมาก่อน แต่ตอนนั้นศิษย์พี่เซี่ยได้เลื่อนเป็นระดับสู่ขั้นฝ่านภา ซึ่งเป็นระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว การเข้าฌานเพื่อเตรียมเลื่อนสู่ระดับมหาปรมาจารย์ถือว่าปกติ” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง จากนั้นก็มองสวีเฟยพร้อมกับหัวเราะแหะๆ “แต่ศิษย์พี่สวีรู้ละเอียดน่าดู ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากกระมัง”
สวีเฟยยิ้ม “แปลกมากหรือ”
เขาอมพะนำเช่นนี้ ความอยากรู้อยากเห็นในใจของเยี่ยนจ้าวเกอกลับค่อยๆ มอดลง “อืม…มิได้แปลกจริงๆ ท่านยังไม่ได้แต่งงาน นางก็เหมือนกัน”
เห็นเยี่ยนจ้าวเกอมีท่าทีซึมกะทืออย่างหาได้ยากเช่นนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสนใจขึ้นมา
อิงหลงถูงงงันเล็กน้อย “ศิษย์พี่เยี่ยน ศิษย์พี่สวี พวกท่านพูดอะไรกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างเกียจคร้าน “กำลังพูดกันว่าศิษย์พี่สวีจะตบแต่งภรรยาเมื่อใด อืม…เหมือนบิดามารดาเจ้า แต่ว่าครั้งนี้ศิษย์พี่สวียังต้องรอก่อน ต่อให้พวกเราไปก็ยังไม่เจอภรรยาในอนาคตของเขา เพราะนางเข้าฌานอยู่”
หลงเอ๋อร์พยักหน้าคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ จากนั้นก็โพล่งขึ้น “เช่นนั้นศิษย์พี่เยี่ยนจะตบแต่งภรรยาเมื่อใด”