เมื่อเย่เห้าที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น รู้สึกสับสนวุ่นวาย ดังนั้นเขาจึงรีบแสดงจุดยืนของตนเองอย่างรวดเร็ว “คุณปู่! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
เย่ฉางโคงเห็นว่าเย่เห้าได้แสดงจุดยืนแล้ว แต่ลูกชายโง่เขลาของตนเองยังร้องไห้ด้วยความคับข้องใจ ตอนนี้เขาไม่รู้สึกสงสารเลยสักนิด แต่กลับใช้ขาเตะเขาอย่างแรงและด่าว่า “จะร้องไห้เหมือนผู้หญิงอยู่ทำไม ยังไม่รีบไปทำงานอีก!”
เย่เฟิงสติแตกอย่างสมบูรณ์ และทำได้เพียงเช็ดน้ำตาในขณะที่วิ่งตามเย่เห้าไปที่ประตูใหญ่
ตอนนี้เย่เฉินกล่าวว่า “ทุกคนโปรดไปที่ห้องโถง พวกเราไปคุยเรื่องหลักกันเถอะ!”
ตอนนี้คนตระกูลเย่ต่างหมดหนทาง ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ทำได้เพียงกลับไปที่ห้องโถงในคฤหาสน์ตามคำสั่งของเย่เฉิน เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานไหว้บรรพบุรุษต่อไป
เพียงแต่ว่าตอนนี้ทุกคนต่างใจลอย
มีเพียงเย่เฉินเท่านั้นที่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ตระกูลเย่สรุปไว้ก่อนนั้น และยืนยันกับผู้รับผิดชอบทีละขั้นตอน และขอให้พวกเขาทำงานของตนเองตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ มิเช่นนั้นพวกเขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง!
ขณะที่เย่เฉินกำลังปรึกษาหารือกับคนของตระกูลเย่ถึงขั้นตอนงานไหว้บรรพบุรุษ เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเย่เมื่อสักครู่ได้แพร่กระจายไปทั่วเย่นจิงแล้ว
เมื่อได้ยินว่ามีคนนำโลงศพร้อยกว่าโลงมาที่ตระกูลเย่ และฆ่าบอดี้การ์ดของตระกูลเย่ คนเย่นจิงทั้งหมดต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
ทุกคนต่างอยากรู้ว่ากลุ่มคนที่บุกเข้าไปที่ตระกูลเย่มาจากไหน? ถึงไม่เห็นตระกูลระดับสูงของประเทศหัวเซี่ยอยู่ในสายตาเลย
ขณะนี้ ลู่เห้าเทียนกลับไปถึงบ้านเก่าของตระกูลว่านแล้ว และรายงานสถานการณ์ของตระกูลเย่ให้ว่านพั่วจวินอย่างละเอียด
ว่านพั่วจวินยิ่มเยาะเย้ยและถามเขาว่า “จากการสังเกตของคุณ คนตระกูลเย่รู้สึกหวาดกลัวหรือไม่?”
ลู่เห้าเทียนรีบกล่าวว่า “หวาดกลัวแน่นอน สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลเย่กลัวจนหน้าซีด”
หลังจากนั้น ลู่เห้าเทียนกล่าวอีกว่า “เพียงแต่ตาแก่ของตระกูลเย่ และรุ่นหลานของตระกูลเย่ที่ผมไม่รู้จักชื่อ ดูเหมือนจะดื้อร้านเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่เป็นหนุ่ม ให้ผมมาบอกประมุขว่าพรุ่งนี้แปดโมงเช้าเจอกันที่ภูเขาเย่หลิงซาน ไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะสวมเสื้อกระสอบและคุกเข่าต้อนรับหรือไม่? หรือจะเสี่ยงชีวิตและเตรียมสู้ตายกับพวกเรา”
“ไม่ต้องสนใจเขา” ว่านพั่วจวินโบกมืออย่างไม่แยแสและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอเพียงแค่ส่งโลงศพไปถึงก็พอแล้ว พรุ่งนี้แปดโมงเช้า พวกเราจะไปที่ภูเขาเย่หลิงซานตรงเวลา ถ้าคนของตระกูลเย่ยอมคุกเข่า ก็ทำลายกระดูกของเย่ฉางอิงให้เป็นเถ้าถ่าน แล้วฝังโลงศพพ่อแม่ของผมอย่างยิ่งใหญ่ ถ้าคนตระกูลเย่ไม่ยอมคุกเข่า งั้นก็หักขาคนตระกูลเย่ แล้วจับพวกเขาคุกเข่า หลังจากนั้นทำลายกระดูกของเย่ฉางอิงให้เป็นเถ้าถ่าน และฝังโลงศพพ่อแม่ของผมอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน!”
หลังจากนั้น ว่านพั่วจวินยิ้มเยาะเย้ยและกล่าวอีกว่า “เห้าเทียน ตอนนี้คนทั่วเย่นจิงอยากรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลเย่ในวันนี้ คุณให้คนไปปล่อยข่าวทั่วเย่นจิง ว่านพั่วจวิน ประมุขของสำนักว่านหลงซึ่งเป็นลูกชายของว่านเหลียนเฉิงกลับมาแล้ว!”
ลู่เห้าเทียนพยักหน้า “ครับ ประมุข! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
ว่านพั่วจวินหยุดเขาแล้วกล่าวว่า “กลับมาก่อน ยังมีอีกเรื่อง”
ลู่เห้าเทียนกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “เชิญประมุขสั่งมาเถอะ!”
ว่านพั่วจวินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยข่าวออกไป ใครก็ตามที่กล้าช่วยเหลือตระกูลเย่ ก็จะกลายเป็นศัตรูของว่านพั่วจวิน! ทำให้คนทั่วเย่นจิงและแม้แต่ตระกูลใหญ่ทั่วประเทศ ต้องไตร่ตรองก่อนที่จะตัดสินใจช่วยตระกูลเย่ ถ้าใครไม่กลัวตายก็ลองดู!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ว่านพั่วจวินยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ผมจะทำให้ตระกูลเย่โดดเดี่ยวไร้คนช่วยเหลือ!”
ลู่เห้าเทียนกล่าวทันทีว่า “ผมรู้แล้วครับประมุข! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”