กู้เย้นจงรีบกล่าวว่า “อย่าเพิ่งโทรหาเฉินเอ๋อ! เขาต้องมีเรื่องสำคัญที่จะปรึกษาหารือกับตระกูลเย่แน่นอน ตอนนี้ลูกโทรหาเขาแล้วร้องห่มร้องไห้ จะเป็นการทำให้เรื่องวุ่นวายมากขึ้น ถ้ามีอะไรอยากถาม คืนนี้รอเฉินเอ๋อกลับมาก่อนแล้วค่อยคุยกัน!”
จากนั้น เขากล่าวอีกว่า “พวกคุณสองแม่ลูกรออยู่ที่บ้านก่อน ผมจะออกไปพบคน เพื่อดูว่าจะสามารถหาคนช่วยเหลือได้ไหม?!”
หลินหว่านชิวรีบกล่าวว่า “ฉันจะโทรหาตระกูลหลิน ดูว่าจะสามารถส่งคนมาช่วยได้ไหม!”
“ไม่ต้อง” กู้เย้นจงส่ายศีรษะและกล่าวอย่างจริงจัง “ผมไม่สามารถปฏิเสธคุณได้ ถ้าคุณต้องการขึ้นไปที่ภูเขาเย่หลิงซานกับผม เพราะถึงอย่างไรพวกเราสองสามีภรรยาต่างเป็นหนี้บุญคุณพี่เย่และเฉินเอ๋อ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหรือเหตุผล ถึงแม้จะต้องตายพวกเราก็ต้องตอบแทนบุญคุณนี้ พรุ่งนี้ไปแล้ว ไม่สามารถคาดเดาว่าจะอยู่หรือตาย ถ้าพวกเราประสบเคราะห์จริง ๆ ผมจะไม่สามารถอธิบายให้พ่อแม่ของคุณได้ แล้วผมจะทำให้คนของตระกูลหลินของพ่อแม่คุณเดือดร้อนได้อย่างไร……..”
หลังจากนั้น เขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยความอ่อนโยนว่า “คุณและหนานหนานรอผมอยู่ที่บ้านด้วยความสงบจิตสงบใจเถอะ!”
หลินหว่านชิวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทำได้เพียงพยักหน้าและกล่าวว่า “โปรดระมัดระวังด้วย…….”
……
แม้ว่าคนทั่วเย่นจิงจะตกใจกับเรื่องระหว่างว่านพั่วจวินและตระกูลเย่ แต่การส่งข่าวก็ต้องใช้เวลา ดังนั้นนอกจากเย่นจิงแล้ว เมืองอื่น ๆ จึงยังไม่ได้รับข่าว
ขณะนี้ ห้องทำงานของประธานซ่งซื่อกรุ๊ปในเมืองจินหลิง
ซ่งหวั่นถิงซึ่งยุ่งอยู่กับงาน ทันใดนั้นเธอก็ได้รับวิดีโอคอลจากอิโตะ นานาโกะ
หลังจากเชื่อมต่อวิดีโอแล้ว อิโตะ นานาโกะซึ่งสวมชุดทำงานและนั่งอยู่ในห้องของประธานอิโตะกรุ๊ป และถามเธอด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หวั่นถิง ช่วงนี้คุณยุ่งหรือเปล่า”
“ยุ่ง……ยุ่งจนหัวฟู” ซ่งหวั่นถิงยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ตั้งแต่รับช่วงต่อธุรกิจของซ่งซื่อกรุ๊ปแล้ว ฉันก็ยุ่งตลอดเวลา”
หลังจากนั้น เธอถามอีกครั้งว่า “แล้วคุณล่ะ? หลังจากกลับไปแล้วงานยุ่งมากไหม?”
อิโตะ นานาโกะแลบลิ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยุ่งจนหัวฟูเหมือนกับคุณแหละ”
ซ่งหวั่นถิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณยุ่งขนาดนี้แล้วยังวิดีโอคอลมาหาฉันอีก คุณคิดถึงพี่สาวคนนี้หรือ?”
“ใช่” อิโตะ นานาโกะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หลังจากกลับมาแล้ว ฉันคิดถึงพี่หวั่นถิงทุกวันเลย”
หลังจากนั้น เธอรีบกล่าวอีกว่า “พี่หวั่นถิง ช่วงหลายวันนี้คุณได้ติดต่อเย่เฉินซังหรือเปล่า?”
“ไม่ได้ติดต่อเลย” ซ่งหวั่นถิงกล่าวว่า “ช่วงหลายวันนี้ฉันมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ติดต่ออาจารย์เย่ มีอะไรหรือ?”
อิโตะ นานาโกะรีบกล่าวว่า “พี่หวั่นถิง วันนี้เป็นวันที่ 4 เมษายน พรุ่งนี้เป็นวันเช็งเม้งแล้ว หรือว่าคุณลืมสิ่งที่พวกเราคาดเดาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว? คุณใส่ใจหรือเปล่าว่าเย่เฉินซังยังอยู่ที่เมืองจินหลิงไหม?!”
ซ่งหวั่นถิงนึกขึ้นมาได้ทันที ตบหน้าผากของตนเองและกล่าวโพล่งออกมาว่า “โอ้ ดูความจำของฉันสิ…..ถ้าเธอไม่เตือนฉัน ฉันคงจะลืมจริง ๆ…..”
ตอนแรก อิโตะ นานาโกะและซ่งหวั่นถิงคาดเดาเกี่ยวกับสถานะของเย่เฉิน
อิโตะ นานาโกะคิดว่าเย่เฉินมีแนวโน้มที่จะเป็นคุณชายตระกูลเย่แห่งเย่นจิง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขาดหลักฐานสนับสนุนที่แน่ชัด
และประจวบเหมาะที่เธอรู้เรื่องงานไหว้บรรพบุรุษของตระกูลเย่ ดังนั้นเธอรู้สึกว่าถ้าเย่เฉินไปเย่นจิงในช่วงเวลานี้ งั้นเขาจะต้องเป็นคุณชายของตระกูลเย่อย่างแน่นอน
ถ้าหากเขาไม่ได้ไปเย่นจิงแล้ว ตนเองน่าจะเดาผิดทาง
ซ่งหวั่นถิงอยากรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด
แต่ช่วงนี้งานของเธอยุ่งมาก ดังนั้นเธอจึงลืมเรื่องนี้ไป
พอได้ยินคำเตือนของนานาโกะ เธอถึงนึกขึ้นมาได้ทันที
ดังนั้นเธอจึงรีบกล่าวว่า “นานาโกะ ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจารย์เย่อยู่ที่ไหน? หรือพวกเราจะโทรไปถามเขาดีไหม?”
อิโตะ นานาโกะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ แต่ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่น ถ้าฉันโทรไปถามว่าเย่เฉินซังอยู่ที่ไหน มันจะกลายเป็นการจงใจเกินไป แต่ถ้าพี่หวั่นถิงเป็นคนโทรไปมันจะเป็นธรรมชาติมากกว่า คุณสามารถบอกว่าอยากเชิญเขามาทานข้าว หรือหาเหตุผลอื่น ๆ”
“โอเค” ซ่งหวั่นถิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อีกสักครู่ฉันจะโทรไปถามอาจารย์เย่ เมื่อทราบผลลัพธ์แล้ว ฉันจะตอบกลับคุณโดยเร็วที่สุด”
อิโตะ นานาโกะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หวั่นถิงรู้ใจฉันที่สุด งั้นฉันจะรอฟังข่าวจากคุณน่ะ