“ในใจของผม คุณเป็นสาวน้อยวัยรุ่นสวยๆ ตลอดไป และผมก็เป็นของคุณตลอดไป เป็นของคุณคนเดียว” ฟังจือหันพูดพลางจูบลงที่กลีบปากของอวี๋กานกานอีกครั้ง อบอุ่นและอ่อนโยน
ขณะที่จูบอยู่ไฟแห่งอารมณ์ที่พลุ่งพล่านแผ่กระจาย ฟังจือหันคล้ายกับไม่รู้จักอิ่ม เอาแต่ก่อกวนอวี๋กานกานอีกครั้งไม่หยุด
ทรมานตลอดจนถึงกลางดึกจึงได้หยุด
อวี๋กานกานเหนื่อยแทบไม่ไหว วันต่อมาตื่นขึ้นก็ปวดร้าวไปทั้งตัว แต่ฟังจือหันกลับไปทำงานอย่างสดใส อารมณ์ดีแล้ว
อวี๋กานกานหาเวลาว่างไปที่กู้ซื่อคอร์ปอเรชั่นรอบหนึ่ง เห็นกู้เชินซึ่งเดินออกมาจากกู้ซื่อคอร์ปอเรชั่นก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปียกชื้นเล็กน้อย
นี่ก็คือพ่อแท้ๆ ของเธอ รู้สึกแปลกมาก
เป็นพ่อลูกกันชัดๆ แต่กลับรู้สึกแปลกหน้าเสียอย่างนั้น เธอไม่รู้ว่าจะมีสักวันหนึ่งที่เป็นฝ่ายเดินไปอยู่ตรงหน้าของกู้เชินด้วยตัวเองหรือไม่
แต่ที่มั่นใจก็คือแม้เธอจะก้าวไปทักทาย แต่ก็ดีใจมาก
เพราะเธอรู้ว่าตนเองก็ไม่ใช่ลูกที่พ่อแม่ทอดทิ้ง ไม่มีใครต้องการ
เห็นกู้เชินนั่งบนรถเลี้ยวซ้ายออกไป อวี๋กานกานจึงหันหลังเดินเลี้ยวขวา โลกเป็นทรงกลม เส้นทางต่างก็เชื่อมถึงกัน ต่อให้คนหนึ่งไปทางซ้าย อีกคนไปทางขวา วันใดวันหนึ่งยังต้องได้มาเจอกัน
ร้านอาหารตะวันตกที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง อวี๋กานกานนัดหลินจยาอวี่เอาไว้ ไม่กี่วันก่อนลู่เสวี่ยเฉินไปที่เมืองไป๋หยางและรับหลินจยาอวี่กลับมา ด้วยเหตุนี้หลินจยาอวี่จึงมีคำพูดที่อัดอั้นมากมาย
“ฉันกับเขาเป็นแค่สามีภรรยากันตามข้อตกลงชัดๆ พวกเราต่างก็ตกลงกันแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ตอนนี้เขาวางท่าเป็นสามี ตั้งแต่เช้าจนค่ำพูดกับท้องฉันว่าลูกชาย เธอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่”
เด็กกำลังจะหกเดือนแล้ว ตอนนี้ท้องของหลินจยาอวี่ใหญ่ขึ้นแล้ว ใส่ชุดหลวม แต่ว่าใบหน้าของเธอยังคงเล็กมากและสวยมาก
“เธอว่ามันไม่ดีหรอกเหรอ ถ้าลู่เสวี่ยเฉินยินยอม ฉันว่าพวกเธอสองคนก็ทำเรื่องไม่จริงให้กลายเป็นจริงได้ เปลี่ยนเป็นสามีภรรยากันจริง เป็นแบบนี้ก็ดีกับเด็กมากด้วยนะ” อวี๋กานกานในฐานะเพื่อน พูดจาลึกซึ้ง “เป็นคนต้องมองไปข้างหน้า อดีตดีแค่ไหนก็ผ่านไปแล้ว อย่าไปคิดถึงอดีตเพราะมีพรุ่งนี้ที่งดงามอยู่”
หลินจยาอวี่ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้อวี๋กานกานอย่างไรดี
เธอดันเมนูไปตรงหน้าอวี๋กานกาน “ไม่พูดถึงเขาแล้ว ดูซิว่าจะกินอะไร”
“ฉันได้หมด เธอสิอยากกินอะไร”
ทั้งคู่เปิดเมนูพร้อมกับขยับเข้าหากันและปรึกษาว่าจะกินอะไร ด้วยเหตุนี้จึงไม่เห็นผู้หญิงสามคนที่เดินเข้ามาจากประตูทางเข้า
หลังจากนั่งลง หลิงนีจึงเห็นอวี๋กานกานกับหลินจยาอวี่ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยความไม่พอใจทันที “กู้ซูหลิง เธอหาที่บ้าอะไรกัน ทำไมใครก็เข้ามาได้กันหมดล่ะ”
กู้ซูหลิงมองตามสายตาหลิงนี มองอวี๋กานกานที่อยู่ตรงข้ามแวบหนึ่งจากนั้นเอ่ยขอโทษ “หลิงนี ขอโทษนะ ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ หรือว่าพวกเราหาที่อื่นกันดี”
จางอี๋เสวี่ยนวดขาของตน “เปลี่ยนอะไรกัน ไม่เปลี่ยนแล้ว ฉันเดินตลอดบ่ายเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
หลิงนีกับจางอี๋เสวี่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แม้จะไม่ได้พูดเรื่องเปลี่ยนที่อีกแต่ก็หน้าบึ้ง มีสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่
จางอี๋เสวี่ยปลอบใจเธอ “ในแวดวงกว้างขนาดนั้น ทุกคนต่างก็ชอบที่แบบนี้ ต่อไปยังจะต้องมาเจอกันที่บ้านตระกูลฟังอีกแน่ เธอต้องทำใจให้ชิน”
“ใครบอกว่าต่อไปจะเจอที่บ้านตระกูลฟังอีก ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ก็อาจจะเลิกกับพี่ฟังแล้ว”
“ใช่ๆๆ” จางอี๋เสวี่ยพยักหน้ารัวพร้อมกับตอบรับไม่หยุด “คุณชายหันเป็นของเธอ มีแค่เธอกับเขาที่เหมาะสมกันที่สุด”
ตอนที่ 644 ความแตก! กู้เชินฝ่าหมอกตามหาลูกสาว(4)
กู้ซูหลิงจิบน้ำชาอึกหนึ่ง มองหลิงนีที่แก้มแดงซ่านเพราะได้ยินคำพูดของจางอี๋เสวี่ย “ใช่เลย ฉันก็คิดว่าพี่หันกับเธอเหมาะสมกันที่สุด”
สายตาของหลิงนีทอดมองกู้ซูหลิงอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “งั้นหรือ? แต่ไม่ใช่ว่าเธอก็ชอบฟังจือหันเหรอ”
“แต่ว่าฉันก็เคยบอกไปแล้ว ถ้าแพ้ให้เธอ ฉันยอมรับทั้งปากทั้งใจเลย”
กู้ซูหลิงย่อมรู้ตั้งนานแล้วว่าหลิงนีชอบฟังจือหัน เธอใช้โอกาสในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งทำความรู้จักกับหลิงนีอีกทั้งตกลงว่าจะสู้กันอย่างยุติธรรม และเพราะฟังจือหันเคารพกู้เชิน ทำให้บางครั้งหลิงนีก็จะมาเที่ยวหาเธอ
แต่เดิมทีหลิงนีไม่ได้ชอบเธอ ในแวดวงมีการแบ่งแยกสูงต่ำ ลูกสาวตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง แวดวงคุณหนูตระกูลร่ำรวย ในแวดวงนี้หลิงนีเป็นลำดับแถวหน้าสุด
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่จำเป็นปกติเธอก็คงไม่ไปหาหลิงนี
เพราะว่าหลิงนีคนนี้มักจะทำตัวอยู่เหนือกว่าต่อหน้าเธอเสมอ ให้เธอเป็นสาวน้อยถือกระเป๋าหรือเรียกเก็บเงิน
ครั้งนี้เธอย่อมรู้ล่วงหน้าว่าอวี๋กานกานจะมากินข้วที่นี่ ดังนั้นจึงจะนัดหลิงนี
หวังว่าจะสามารถทำให้นกกระยางกับหอยกาบสู้กัน ส่วนคนตกปลาจับทั้งสองได้*
กู้ซูหลิงถอนหายใจแล้วเอ่ย “ฉันกับฟังจือหันไม่มีโอกาสแล้วแน่นอน แม้จะหาน้องสาวฉันเจอแล้ว แต่ว่าพ่อฉันยังคงไม่อนุญาตให้พวกเราคบกัน ยิ่งไม่อนุญาตให้ฉันชอบฟังจือหัน”
จางอี๋เสวี่ยเอ่ยถามพร้อมกับมองเธอ “แล้วเธอก็เชื่อฟังพ่อจริงๆ เหรอ?”
“ไม่เชื่อฟังงั้นจะทำยังไงล่ะ?” กู้ซูหลิงหัวเราะเจือความขมขื่นเอาไว้ “ฉันกับพวกเธอไม่เหมือนกัน ฉันไม่ได้เป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อ ฉันต้องเชื่อฟังเป็นธรรมดา ไม่งั้นฉันสินเดิมก่อนสมรสของฉันในอนาคตคงไม่มีอะไรแล้ว”
ขณะพูดสายตาของเธอจับไปที่ตัวหลิงนี “แต่ว่าหลิงนีไม่เหมือนกัน”
สายตาของหลิงนีจ้องอวี๋กานกานซึ่งอยู่ตรงข้ามอยู่ตลอด ตอนที่ได้ยินกู้ซูหลิงพูดถึงตนเองถึงได้ยิ้มออกมาแล้วเชิดคางขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถาม “ฉันไม่เหมือนยังไงล่ะ?”
“เธอกับพี่หัน พวกเธอจึงจะเหมาะสมกันที่สุด” กู้ซูหลิงพูดอย่างจริงจัง “อวี๋กานกานคนนั้นหน้าตาไม่ได้สวยแบบเธอ ชาติตระกูลก็ไม่ได้ดีอย่างเธอ ไม่คู่ควรกับพี่หันเลยสักนิดเดียว”
จางอี๋เสวี่ยเห็นด้วย “ถูกต้อง ไม่เหมาะเลยสักนิด ก็ไม่รู้ว่าพี่หันชอบอะไรในตัวหล่อน”
กู้ซูหลิงหัวเราะเยาะ “เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว รู้จักปิดบังรู้จักเล่นละคร หวังจริงๆ ว่าพี่หันจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหล่อนชัดๆ”
“ผู้ชายชอบผู้หญิงเล่นละคร แสร้งทำเป็นบอบบาง อวี๋กานกานคนนี้ก็คือคนแบบนั้น…” จางอี๋เสวี่ยพ่นลมหายใจออกมา เดิมอยากจะด่าอวี๋กานกานสักหน่อย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกินยาตามใบสั่งของอวี๋กานกานไม่กี่วัน นอนหลับได้ดีมากขึ้นจริง
“ที่พูดก็ถูก” กู้ซูหลิงถอนหายใจออกมาแล้วพูดอย่างปลงๆ “ถ้าอวี๋กานกานคนนี้หายตัวไป พี่หันจะต้องคบกับเธอแน่ หลิงนี กาลเวลาทำให้รู้ใจคน จะต้องมีสักวันที่พี่หันรู้ว่าคนที่รักเขาที่สุดคือเธอ”
ราวกับเธอพูดไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็ดื่มชาต่อ
หวังว่าผู้ฟังจะตั้งใจและเก็บไปใส่ใจ
หลิงนีหรี่ตาลง แล้วพูดทวนคำ “หายตัวไป?”
กู้ซูหลิงยิ้มแล้วรีบพูด “เธออย่าคิดมาก ฉันแค่พูดจาไปเรื่อย ใครให้อวี๋กานกานคนนี้น่าชังมากล่ะ”
จางอี๋เสวี่ยสมทบอีกหนึ่งประโยค “ใช่ น่าชังมากเลย”
ความสัมพันธ์ของเธอกับหลิงนีดีขนาดนั้น ไม่มีทางแค่เพราะกินยาตามที่อวี๋กานกานสั่งแล้วจะเก็บความเกลียดชังที่มีต่ออวี๋กานกานเอาไว้อย่างเด็ดขาด
หลิงนียิ้มไม่ได้พูดจา เพียงแต่สายตาที่มองกู้ซูหลิงเต็มไปด้วยการค้นหา