ตอนที่ 1856 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (1)
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกเข้าใจ”
องค์ชายน้อยฝังศีรษะไว้ในอกของพระสนมฉินแล้วโอดครวญ “เสด็จแม่ ขุนนางพวกนั้นยังพยายามช่วยชีวิตเสด็จพ่ออยู่เลย แล้วยังไม่ยอมปฏิบัติกับข้าเหมือนข้าเป็นจักรพรรดิด้วย! พวกเขาโง่หรือเปล่า ข้าเป็นบุตรชายคนเดียวของเสด็จพ่อแล้วใครจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ ถ้าไม่ใช่ข้า”
ถึงอย่างไรตำแหน่งนี้ก็ต้องตกเป็นของเขา ไม่มีใครแย่งเขาไปได้ทั้งนั้น
“ในเมื่อบุตรชายของแม่อยากให้เขาตายมากขนาดนั้น แม่ก็จะคิดหาวิธีให้ ตอนนี้ลูกไปที่ตำหนักของเสด็จพ่อก่อน แล้วจำไว้ว่าลูกต้องร้องไห้ทันทีที่พบเสด็จพ่อเพื่อแสดงถึงความกตัญญู แม่จะจัดการที่เหลือให้ลูกเอง”
พระสนมฉินหลุบตาขณะที่ดวงตาเป็นประกายโหดเหี้ยม องค์ชายน้อยก็ไม่รบกวนนางอีกแล้วถอยหลังไปก่อนจะโค้งคำนับให้นาง เมื่อพระสนมฉินเห็นองค์ชายน้อยจากไปแล้ว ร่องรอยความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
“นางกำนัล เจ้าไปเรียกแพทย์หลวงอวี๋มา!”
“เพคะ พระสนมฉิน” นางกำนัลถอยออกไปเมื่อได้ยินคำสั่ง
ไม่นาน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินช้าๆ เข้ามาในตำหนักโดยมีนางกำนัลเดินนำ หลังจากที่เขาเข้ามาแล้ว พระสนมฉินก็ไล่นางกำนัลและขันทีทั้งหลายออกไป นางหรี่ตาลง ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตา “แพทย์หลวงอวี๋ ข้าอยากให้เจ้าทำให้จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ในอีกสามวัน!”
แพทย์หลวงอวี๋สะดุ้งแล้วมองพระสนมฉินอย่างตะลึง “พระสนมฉิน พระองค์…”
พระองค์รอนานกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือ
ใช่แล้ว เหตุผลที่จักรพรรดิประชวรก็เกี่ยวข้องกับพระสนมฉิน
ตอนแรก สุขภาพของจักรพรรดิก็แย่ลงตั้งแต่ที่จักรพรรดินีสิ้นพระชนม์จนล้มหมอนนอนเสื่อ แน่นอนว่าถ้าเขาดูแลรักษาร่างกายดีๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะฟื้นฟู แต่ว่าแพทย์หลวงอวี๋ที่เป็นหัวหน้าแพทย์หลวงอยู่ฝั่งเดียวกับพระสนมฉิน!
เขาไม่มีทางเลือกเพราะพระสนมฉิมกุมจุดอ่อนของเขาเอาไว้อยู่ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อนาง เพราะแพทย์หลวงอวี๋จงใจทำให้อาการของจักรพรรดิแย่ลงจนสุดท้ายก็ทำให้เขาหมดสติไป
“ถูกแล้ว” พระสนมฉินแล้วพูดว่า “ใครใช้ให้จักรพรรดิสุนัขผู้นี้รักบุตรสาวมากกว่าบุตรชายล่ะ แล้วยังไม่ยอมแต่งตั้งให้บุตรชายข้าเป็นรัชทายาทอีก ดังนั้นเรื่องทั้งหมดนี้เขาก็ทำตัวเอง! แพทย์หลวงอวี๋ เจ้าช่วยข้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเมื่อไหร่ที่บุตรชายของข้าได้ครองราชสมบัติ เจ้าก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างดี! ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังตัดสินใจจะให้สมุนไพรพลังฌานร้อยต้นแก่เจ้าเป็นของกำนัลด้วย!”
ดวงตาของแพทย์หลวงอวี๋ปรากฏความโลภ สำหรับเขาแล้ว ตำแหน่งไม่สำคัญแต่สมุนไพรพลังฌานเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด
ก่อนหน้านี้เขาแอบลักลอบขโมยสมุนไพรจากสำนักแพทย์แล้วคนของพระสนมฉินก็มารู้เข้า เขาจึงเข้าร่วมกับนาง ถึงอย่างไรถ้าเกิดเรื่องนี้ไปถึงหูของจักรพรรดิล่ะก็ สิ่งที่รอเขาอยู่ไม่ใช่แค่สูญเสียตำแหน่ง แต่เขายังต้องเข้าคุกหลวงด้วย!
“พระสนมฉินต้องการสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนที่เจ้าให้ยาฝ่าบาทวันนี้ ให้เจ้าใส่สมุนไพรพิษที่จะทำให้ฝ่าบาทตายในสามวันลงไปด้วย ข้าเชื่อว่าแพทย์หลวงอวี๋มีวิธีที่ทำให้ตรวจสอบพิษไม่พบ”
แพทย์หลวงอวี๋เงียบไปพักหนึ่งก่อนถามว่า “เหตุใดต้องรอสามวัน”
“เพราะว่าข้าตั้งใจจะโยนความผิดเรื่องการสิ้นพระชนม์ให้นังสารเลวมู่เสวี่ยซินน่ะสิ!”
พระสนมฉินไม่เคยเจออดีตจักรพรรดินี แต่เมื่อดูจากหน้าตาของมู่เสวี่ยซินแล้วก็บอกได้เลยว่าจักรพรรดินีต้องงามล่มจมเมืองเป็นแน่ เรื่องนี้จึงยิ่งทำให้พระสนมฉินเกลียดมู่เสวี่ยซินมากขึ้นไปอีก!
ความเกลียดชังของนางไม่ได้เกิดจากการที่จักรพรรดินีทำให้องค์จักรพรรดิไม่อาจรักคนอื่นได้อีก แต่ว่าเกิดจากการที่นางไม่สามารถดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิได้ต่างหาก
หัวใจของแพทย์หลวงอวี๋เย็นเยียบและถอนหายใจอย่างห้ามไม่ได้ ดูเหมือนว่าการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิ จะทำให้พระสนมฉินไม่อยากทนกับองค์หญิงมู่เสวี่ยซินอีกต่อไป
…………………………
ตอนที่ 1857 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (2)
แพทย์หลวงอวี๋ไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่นานก่อนที่แม่ทัพหลี่จะรีบเข้ามาในตำหนักด้วยสีหน้าดูไม่ได้ “พระสนมฉินพ่ะย่ะค่ะ ผู้ดูแลร้านโอสถผสานฌานคือฉีซู แล้วไอ้ชั่วนั่นก็ทำเกินไปมาก! เขากล้าดูถูกราชวงศ์ต่อหน้าสาธารณชน และไม่เห็นราชวงศ์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย”
ดวงตาของพระสนมฉินดำมืด “เจ้าทำภารกิจปิดร้านโอสถไม่สำเร็จงั้นหรือ แล้วร้านนั้นยังเกี่ยวข้องกับฉีซูอีกด้วยใช่หรือไม่”
ก่อนหน้านี้น้ำยาผสานฌานขายอยู่ที่นครเฟิงหลินและพระสนมฉินไม่รู้เรื่องนี้ แม้แต่ฉีเจิ้งก็ไม่ได้มาบอกนางเพราะกลัวว่านางจะขโมยตำรับยาไป แต่ว่า…ในเมื่อร้านโอสถผสานฌานมาเปิดในเมืองจักรพรรดิแล้ว ก็ไม่มีทางที่พระสนมฉินจะไม่รู้ไม่ร็ไ
“เป็นฉีซู ไอ้สารเลวนั่นพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพหลี่ขบฟันด้วยความเกลียดชัง “เขาไม่ได้ขายแค่น้ำยาผสานฌาน แต่เขายังมีหุ่นเชิดขั้นเซียนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
หุ่นเชิดที่อยู่ขั้นเซียนงั้นหรือ
หัวใจของพระสนมฉินกระตุกทันที ดวงตานางเป็นประกายเจิดจ้า
ถ้าหุ่นเชิดพวกนั้นเป็นของข้า ข้าก็จะสามารถต่อกรกับขุนนางพวกนั้นได้!
“เรียกฉีซูมาหาข้า เขาคงไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นคำสั่งของข้าจึงขัดขืน ถ้าเขาเข้าใจว่าข้าต้องการน้ำยาผสานฌาน เขาต้องนำมามอบให้ข้าด้วยสองมือของตัวเองแน่นอน” พระสนมฉินยืดอกแล้วออกคำสั่งอย่างเย่อหยิ่ง
สีหน้าของแม่ทัพหลี่ดูอับอายเล็กน้อย “ฉีซู…รู้ว่าข้าเป็นคนของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ” สีหน้าของพระสนมฉินเปลี่ยนไป “เขารู้ว่าเป็นข้าแต่ก็ยังกล้าทำแบบนี้งั้นหรือ ข้าเป็นน้าของเขานะ! ตอนนี้เขาไม่ใส่ใจผู้อาวุโสแล้วใช่หรือไม่” ฉีซูทำเกินไปแล้ว เขาทำตัวเหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน นางไม่รู้จริงๆ ว่ามารดาของเขาเลี้ยงมาอย่างไร!
“ยิ่งไปกว่านั้น…” แม่ทัพหลี่เหลือบมองพระสนมฉินอย่างระมัดระวัง “ก่อนที่กระหม่อมจะมาที่นี่ กระหม่อมได้ไปสอบถามรอบๆ แล้วได้ยินมาว่าฉีซูมีตำรับยาจริงแต่เขาขายตำรับยาให้องค์ชายรองจากอาณาจักรเทียนฉีไปแล้วเมื่อสองสามวันก่อน ข้าเชื่อว่าร้านโอสถแห่งนี้น่าจะเป็นขององค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้ว่าแม่ทัพหลี่จะไม่ฉลาดแต่เขาก็รู้ว่าควรทำอะไร หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ เขาก็ได้สอบถามผู้คนเกี่ยวกับเจ้าของร้านโอสถ ทันทีที่เขาถาม เขาก็ได้ข้อมูลมา…
ผู้อยู่อาศัยในเมืองจักรพรรดิไม่รู้เรื่องในนครเฟิงหลินแต่พวกเขาก็รู้มาจากเรื่องเล่าของคนอื่นอีกที ส่วนข่าวลือเรื่องที่ฉีซูขายตำรับยาให้องค์ชายรอง ก็เป็นองค์ชายรองที่แพร่ข่าวลือออกไปเพื่อช่วยฉีซูในการสร้างความเข้าใจผิดๆ
ถ้าร้านโอสถเป็นขององค์ชายรองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้กำลังปิดร้าน ไม่อย่างนั้นก็อาจจะทำให้เกิดสงครามระหว่างสองอาณาจักรและทำให้เกิดความสูญเสียโดยไม่จำเป็น!
พระสนมฉินใกล้จะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ ในขณะที่ใบหน้าของนางกระตุก “ฉีซู ไอ้ชั่วนั่นขายตำรับยาให้องค์ชายรองแทนที่ยกให้น้าตัวเองงั้นหรือ! ตระกูลฉีเลี้ยงเขามาเสียข้าวสุกจริงๆ!”
“พระสนม ไอ้สารเลวนั่นทำเกินไป เขาขายตำรับยาให้องค์ชายรองแทนที่จะขายให้อาณาจักรหลิวเฟิง เขามันคนอกตัญญู” แม่ทัพหลี่ตั้งใจจะแสดงว่าตัวเองเห็นด้วยกับคำพูดของพระสนมฉินแต่กลับทำให้นางยิ่งเดือดดาล
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าขายให้อาณาจักรหลิวเฟิง ข้าไม่ได้เป็นแค่พระสนม แต่ยังเป็นน้าของเขาด้วยซ้ำ! การยกของของเขาให้ข้าก็นับว่าเป็นเกียรติแล้ว เขาจะเก็บเงินทำไม”
พระสนมฉินกำหมัดแน่น ถ้าฉีซูมาอยู่ต่อหน้านาง นางจะสังหารเขาโดยไม่ลังเลเลย!
“พระสนม พวกเราจะลืมเรื่องนี้ไปแบบนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลี่ถามอย่างระมัดระวังและรอบคอบ
พระสนมฉินมีสีหน้าโกรธขึ้งขณะที่พูดว่า “พวกเราไม่มีความสามารถพอจะปิดโถงโอสถแต่ฉีซูก็ทำตัวให้อภัยไม่ได้ แต่ว่าข้ายังมีบางอย่างที่สำคัญกว่าต้องทำ หลังจากที่บุตรชายของข้าขึ้นเป็นจักรพรรดิเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็จะเป็นจุดจบของพี่น้องตระกูลฉีคู่นี้!”