ตอนที่ 1874 คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ (1)
เขาไม่ได้ลงโทษพระสนมฉินตอนนี้ก็เพราะเขาอยากรู้ว่าใครเป็นชู้กับนาง!
“เสด็จพ่อ ข้าคิดว่าท่านสามารถแสร้งทำเป็นสั่งประหารพระสนมฉินได้ ไม่แน่บุรุษผู้นั้นอาจจะเปิดเผยตัวเองเมื่อเห็นพระสนมฉินตกอยู่ในอันตรายก็ได้เพคะ”
ดวงตาของมู่เสวี่ยซินเป็นประกาย นางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและไพเราะ
“ทำแบบนั้นเสี่ยงเกินไป ถ้าบุรุษผู้นั้นเป็นพวกหวาดกลัวความตาย ต่อให้พระสนมฉินตกอยู่ในอันตรายเขาก็คงไม่ออกมาหรอก” ดวงตาของมู่เจิ้นเทียนเย็นชา “เมื่อถึงตอนนั้นเขาต้องหนีไปแน่! ลูกต้องเก็บความลับและห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด เมื่อใดก็ตามที่บุรุษคนนั้นปรากฏตัว พ่อจะทรมานพวกมันจนตาย!”
ถ้านางแค่นอกใจเขา เขาก็คงยกโทษให้นางได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาทนไม่ได้ก็คือสิ่งที่พระสนมฉินทำกับบุตรสาวเขามาตลอดทั้งปีต่างหาก!
มู่เจิ้นเทียนถอนหายใจ เมื่อเขาคิดถึงผลทดสอบสายโลหิตก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่เคยชอบบุตรชาย กลายเป็นว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด ดังนั้นเขาก็เลยไม่ชอบบุตรชายตัวเอง
ในขณะที่เสวี่ยซินเป็นทุกอย่างสำหรับเขา
“แต่ว่า…” ดวงตาของมู่เจิ้นเทียนเป็นประกายชั่วร้าย “ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้ลงโทษพระสนมฉินอย่างเปิดเผย พ่อก็ยังแอบทำบางอย่างกับนางได้ เสวี่ยซิน ลูกสบายใจเถอะ พ่อจะล้างแค้นให้ลูกเอง!”
ตกกลางคืน พระจันทร์ที่ลอยเด่นบนท้องฟ้าก็เย็นเยียบไม่ต่างจากสายน้ำ พระสนมฉินภาคภูมิใจกับชัยชนะขณะที่เอนตัวนอนอยู่บนเก้าอี้ยาว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ข้าทำความผิดแต่ฝ่าบาทก็ยังยกโทษให้ ในใจเขาข้าต้องสำคัญมากแน่ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะจัดการนังสารเลวนั่น”
ตอนที่นางยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นเพื่อจิบน้ำชา จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นและผ้าคลุมเตียงก็ร่วงลงจากมือนาง
“นั่นใคร”
ปัง!
นาทีต่อมา ประตูก็ถูกเตะให้เปิดออกแล้วบุรุษในชุดสีดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาทั้งเตะและต่อยพระสนมฉินอย่างโหดร้าย
“พวกเจ้าเป็นใคร กล้าดียังไง ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่ อ๊าก!”
ความเจ็บปวดทำให้พระสนมฉินกรีดร้อง นางดูโกรธจัด
“นังสารเลวมู่เสวี่ยซินส่งพวกเจ้ามางั้นหรือ บอกนางให้รอก่อนเถอะ ข้าจะทำให้นางตายโดยไร้ที่กลบฝัง!”
หลังจากที่นางพูดจบ เสียงของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
ที่ด้านนอกห้อง องค์ชายน้อยมองดูกลุ่มชายชุดดำกำลังทำร้ายมารดาอย่างหวาดกลัว จากนั้นเขาก็วิ่งหนีโดยไม่หันหลังกลับมา เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาทำร้ายเขาด้วย…
พระสนมฉินไม่เคยคิดว่าบุตรชายของนางจะขี้ขลาดถึงขนาดที่ทิ้งนางไว้ข้างหลังเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนลูกหลงไปด้วย นางอาจรู้สึกเสียใจถ้านางเห็นองค์ชายน้อยหันหลังหนีไป…
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระสนมฉิน ทั้งฉีเจิ้งและฉีมั่วที่อยู่ในตระกูลฉีก็ไม่รู้เรื่องนี้
หลายวันมานี้พวกเขาอยู่กันอย่างยากลำบาก
ฉีซูเกลียดความหน้าไม่อายของเขาและไม่ยอมรับเขาในฐานะบิดา ดังนั้นฉีซูจึงมักจะหาข้ออ้างมาทุบตีเขา ในขณะที่ฉีซูมีอวิ๋นอี้ปกป้อง ฉีเจิ้งกลับทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองไม่ได้เลย เขาพยายามจะต่อต้านแต่ไม่นานก็ถูกอวิ๋นอี้โจมตีจนสลบ
ตอนนี้ความหวังเดียวของเขาคือรอให้พระสนมฉินรู้เรื่องที่เขาทรมานและมาช่วย!
โชคร้ายที่พระสนมฉินบาดเจ็บหนักและต้องนอนอยู่เฉยๆ บนเตียงถึงสามเดือนก่อนที่จะลุกจากเตียงขึ้นมาได้ ในระหว่างสามเดือนนี้ แทนที่นางจะโดนทุบตี นางกลับโดนบุรุษไม่ซ้ำหน้าข่มขืนทุกวัน…
ตอนที่ 1875 คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ (2)
นางพยายามจะฟ้องจักรพรรดิแต่ว่าเขาไม่เชื่อว่ามู่เสวี่ยซินทำแบบนี้กับนาง สิ่งที่ทำให้นางหวาดกลัวก็คือนางร้องตะโกนสุดเสียงในตอนกลางคืน แต่ไม่มีใครได้ยินราวกับไม่มีคนอยู่รอบๆ
ต้องเป็นนังมู่เสวี่ยซินแน่!
หลังจากที่จักรพรรดิตื่นขึ้นมา มู่เสวี่ยซินก็ได้อำนาจกลับคืน มีแค่นางเท่านั้นที่ทำเรื่องอย่างนี้ได้!
แต่ว่า…
ก็มีสิ่งที่ทำให้พระสนมฉินหวาดกลัวยิ่งขึ้นอีกรอนางอยู่ เพราะการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมตลอดสามเดือนทำให้นางตั้งครรภ์! นางตื่นตระหนกแต่ก็ไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวว่าจักรพรรดิจะรู้ จักรพรรดิไม่ได้แตะต้องนางมาตลอดสามเดือน ถ้าพบว่านางตั้งครรภ์ นางก็คงสูญเสียความรักจากองค์จักรพรรดิและคงจะโดนโทษประหารด้วย
เมื่อคิดอย่างนั้น พระสนมฉินก็กัดริมฝีปากแล้วออกคำสั่ง “องครักษ์ เตรียมตัว ข้าจะไปพบพี่ชายข้า”
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำแท้งในพระราชวัง ดังนั้นนางต้องไปที่ตระกูลฉีเพื่อแก้ปัญหาเรื่องมารหัวขนนี่!
“เพคะ พระสนมฉิน”
นางกำนัลตอบแล้วออกไปเตรียมเกี้ยวให้นาง
…
ตระกูลฉี
ตอนที่ขันทีเรียกนาง “ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระสนม” นางกำนัลก็มาคุกเข่าอยู่หน้าประตู
นางก้าวลงเกี้ยวช้าๆ และเดินเข้าไปในตระกูลฉี
“เหตุใดพี่ชายข้าถึงไม่มาต้อนรับ” พระสนมฉินเลิกคิ้วแล้วมองอย่างไม่พอใจ
ถ้าเป็นในอดีต ฉีเจิ้งและฉีมั่วต้องมารอนางอยู่ที่ประตูแล้ว เหตุใดพวกเขาถึงยังไม่มา
“พระสนมฉิน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร อย่ามาทำตัวอวดเก่งในตระกูลฉีของพวกเรา”
เสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากด้านหลังของบ่าวแล้วทำให้พระสนมฉินหน้าบึ้ง นางมองไปยังคนหลายคนที่เดินมาอย่างเย็นชา
คนทั้งสามเดินเข้ามาช้าๆ
สองคนแรกคือฉีซูและฉีหลิง และคนที่สามก็คืออวิ๋นลั่วเฟิง
นางกำหมัดแน่นทันทีจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
ใบหน้าของหญิงสาวงดงามมากจนทำให้นางริษยาหนัก! ถึงแม้ว่านางจะรู้ว่าคนที่ยืนอยู่จะไม่ใช่อวิ๋นเยว่ชิง แต่นางก็อดที่จะริษยาไม่ได้
อีกอย่าง…
ใบหน้านี้งดงามยิ่งกว่าใบหน้าของอวิ๋นเยว่ชิงและยังอ่อนเยาว์กว่าด้วย!
“ฉีซู” พระสนมฉินส่งเสียงขึ้นจมูก ขณะที่หันไปมองฉีซูแล้วถามอย่างเย็นชาว่า “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”
ฉีซูยิ้มเยาะ “ที่นี่เป็นบ้านของข้า ข้าจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่ที่นี่”
“ไร้สาระ!” พระสนมฉินอารมณ์เสีย “ใครบอกเจ้าว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้า ที่นี่คือตระกูลฉีของข้าต่างหาก เจ้าเป็นใคร เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้ามาตระกูลของข้า!”
คนที่โดนไล่ออกไปแล้วไม่มีสิทธิ์กลับเข้ามาในตระกูลฉี
ฉีซูส่งยิ้มเยาะเย้ยไปให้นาง “พระสนมฉิน ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองแต่งงานออกจากตระกูลไปแล้ว ข้า ฉีซู เป็นนายน้อยของตระกูลฉี เจ้าจะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้าได้อย่างไร ส่วนเจ้า…ข้าคิดว่าเจ้าต่างหากที่ควรจะไสหัวไป!”
“เจ้ากล้าดียังไง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉีซู ขันทีก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง และองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก็ชักอาวุธออกมาชี้ไปที่ฉีซู
“ฉีซู” พระสนมฉินเดินไปหาฉีซูอย่างโอหัง “ข้าเป็นพระสนมของฝ่าบาท ในขณะที่เจ้าเป็นแค่สามัญชน! เจ้าควรจะคุกเข่าตรงหน้าข้าเดี๋ยวนี้! เจ้ากล้าทำตัวหยาบคายกับข้าได้อย่างไร”
ฉีซูยิ้ม “ตอนที่อาจารย์ยังอยู่ ฝ่าบาทอนุญาตให้ข้าไม่ต้องคุกเข่าให้เขา ถ้าข้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ฝ่าบาทแล้วทำไมข้าต้องคุกเข่าให้เจ้าด้วย”
พระสนมฉินเปลี่ยนสีหน้า นางลืมเรื่องนั้นไปเลยจนกระทั่งตอนนี้
นางขบฟันอย่างใช้ความคิด แล้วหันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความโกรธ
“เหตุใดเจ้าถึงไม่คุกเข่าต่อหน้าข้า”
จักรพรรดิอนุญาตให้ฉีซูและฉีหลิงไม่ต้องคุกเข่าให้สมาชิกในราชวงศ์แต่สตรีผู้เป็นสามัญชน ถึงแม้ว่านางจะบังคับให้อีกฝ่ายคุกเข่าให้นาง ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร