ในตอนที่เหวินหนิงจือได้รับคำสั่งเรียกพบจากผู้อาวุโสฝ่ายอาญา เขายังคิดเลยว่าเป็นเพราะเรื่องของเยี่ยนจ้าวเกอ
แต่ครั้นมาถึงเมืองใกล้ปราการ และรู้ว่าตนเองต้องเข้ารับการสอบสวนก็อึ้งไป
เพราะต่อให้เขาคิดจนสมองแตกก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรตนเองถึงต้องเข้ารับการสอบสวน
และเมื่อเขารู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นเช่นไรแล้ว เขาก็ต้องอ้าปากค้างไปอึ้งงันไปอีกครั้ง
แม้จะบอกว่าปลดออกจากตำแหน่งชั่วคราว แต่เมื่อผ่านครั้งนี้ไป ต่อให้เหวินหนิงจือผ่านการสอบสวนไปได้ ก็ยากที่จะกลับไปหุบเขาวายุวิญญาณได้อีกครั้ง อีกทั้งการที่ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งปฏิบัติกิจในพื้นที่อื่นก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
กลุ่มกองกำลังฝ่ายอาจารย์ลุงรองของเยี่ยนจ้าวเกอคิดจะแย่งชิงตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งหุบเขาวายุวิญญาณ และเนื่องจากเหวินหนิงจือทำให้ตำแหน่งหลุดมือไปแล้ว จึงยากที่จะแข่งขันกับคนทางฝ่ายของเยี่ยนจ้าวเกอได้อีก
แม้ว่าท้ายที่สุดจะยังมีคนเชื่อมั่นในตัวเขาต่อไป ทว่าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะถูกตราหน้าว่า ’ไร้ความสามารถ’ ได้
เหวินหนิงจือที่เดิมทีชีวิตราบรื่นไปเสียทุกอย่าง และมีแววได้เลื่อนขั้นสูงต่อไปอย่างชัดเจน ทว่าจู่ๆ อนาคตก็พลันกลับตาลปัตรมืดมนขึ้นมา
“เยี่ยน! จ้าว! เกอ!”
เหวินหนิงจืออยากจะตะโกนออกมาด้วยความโมโห แต่เมื่ออ้าปากแล้วกลับไม่มีเสียงออกมา อีกทั้งเมื่อกลืนน้ำลายก็รู้สึกราวกับจะกระอักเลือด
…
“คุณชายขอรับ ในเวลาเพียงสั้นๆ ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจพลาดท่าไปถึงสองคนเพราะท่านแล้วนะขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินคำพูดของอาหู่แล้วก็ได้แค่ยักไหล่ ก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “คิดๆ ดูแล้วทางฝั่งท่านอาจารย์ลุงรองคงจะค่อยๆ เริ่มให้ความสำคัญกับข้า ไม่มองข้าเป็นเด็กอีกต่อไป”
“ซึ่งมันเป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ท่านอาจารย์ลุงรองจับตามองย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่ว่าวันหลังหากมีพวกไม่เอาไหนคิดจะจัดการข้า ก็คงต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบแล้ว”
ส่วนทางด้านเหวินหนิงจือ ด้วยเพราะมีผลตัดสินชี้ขาดได้ออกมาแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้ให้ความสนใจอีกต่อไป แต่ค่อนข้างสนอกสนใจกับสิ่งที่จะได้รับมากกว่า
สำหรับบทลงโทษของเยี่ยนจ้าวเกอ คือเก็บตัวทบทวนความผิดของตนเองระยะหนึ่ง จากนั้นค่อยเป็นผู้นำคณะในการไปตรวจสอบความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรครั้งต่อไป
เยี่ยนจ้าวเกอไม่เห็นว่าบทลงโทษนั้นเป็นปัญหาอะไร อย่างน้อยก็ได้ซุ่มฝึกฝนวงรยุทธ์ในช่วงทบทวนความผิด
เดิมทีเขาต้องเข้าไปยังหุบเหวปราการมังกรอีกครั้งอยู่แล้ว เพื่ออาศัยปราณพิษบริเวณหุบเหวปราการมังกรในการฝึกฝนเคล็ดวิชาเหวเวหาทวนกระแส
เทียบกับการลงโทษที่ไม่แสบไม่คันแล้ว บำเหน็จรางวัลมีค่ากว่ามาก
บำเหน็จที่สำนับมอบให้เนื่องจากการค้นพบวิธีพัฒนาเตาผลึกหินชั้นในขึ้นไปอีกขั้นนั้น ก็คือยาวิเศษล้ำค่าหนึ่งเม็ดอันมีนามว่า ‘ลูกกลอนวิญญาณทมิฬ’
“คุณชายขอรับ ในบรรดาโอสถต่างๆ ที่เขากว่างเฉิงครอบครองในขณะนี้ โอสถที่ยอดเยี่ยมที่สุดยังคงเป็นลูกกลอนเซียนกว่างเฉิง ทว่าลูกกลอนวิญญาณทมิฬก็เป็นหนึ่งในบรรดาโอสถคุณภาพดีที่สุด” อาหู่หัวเราะพลางกล่าว “ล้ำค่าหายากยิ่ง อีกทั้งการหลอมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงปริมาณลูกกลอนวิญญาณทมิฬจำกัดยิ่งนัก”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มจางๆ “ที่สำคัญคือเหมาะที่จะใช้พอดี”
ความจริงแล้วในมือของของเขายังมีวิธีปรุงยาที่ได้ประสิทธิภาพกว่าลูกกลอนวิญญาณทมิฬอยู่ ถึงกระนั้นการหลอมโอสถชนิดนี้ยังคงมีความยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีส่วนผสมมากมายที่ยังต้องเก็บรวบรวม
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้แล้ว ลูกกลอนวิญญาณทมิฬนับว่าเป็นบำเหน็จรางวัลที่ไม่เลวเลยทีเดียว เพราะมันช่วยให้จอมยุทธ์ในการฝึกปราณได้อีกขั้น
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในจุดสูงสุดของขั้นจิตราชั้นในระยะท้าย ซึ่งขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นกำลังกวักมือเรียกเขาแล้ว
ขั้นจิตรานอกระยะต้น ปราณจิตราจะปลดปล่อยจากภายในออกสู่ภายนอก ทว่าขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง กลับเป็นการฝึกปราณจิตราอย่างแท้จริง โดยควบคุมลมปราณให้เป็นรูปร่าง
คิดอยากจะบรรลุจากขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นไปสู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง การฝึกลมปราณจิตราของจอมยุทธ์เองเป็นก้าวหนึ่งที่สำคัญยิ่ง
จึงกล่าวได้ว่า นี่นับเป็นโอสถที่เหมาะสมให้เยี่ยนจ้าวเกอกินในตอนนี้เป็นที่สุด
เห็นได้ชัดว่าสำนักพิจารณาถึงปัจจัยด้านนี้ ก่อนจะบำเหน็จรางวัลให้เยี่ยนจ้าวเกอ ซึ่งไม่ใช่การตัดสินใจที่ไร้เหตุผล
แน่นอนว่าการฝึกปราณจิตราไม่เพียงแค่ช่วยในการบรรลุจากขั้นจิตราชั้นนอกระดับต้น สู่ขั้นจิตราชั้นนอกระดับกลางเท่านั้น ทว่ายังมีประโยชน์ต่อกระบวนการฝึกฝนในภายหลังอีกด้วย
อาหู่ยิ้มอย่างจริงใจ “ถึงกระนั้นด้วยพรสวรรค์ของคุณชาย ต่อให้ไม่มีลูกกลอนวิญญาณทมิฬนี้ การจะบรรลุขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นหรือขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง ก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนยกมือขึ้นเท่านั้น”
“หากให้ข้าพูดตามตรง บำเหน็จรางวัลลำดับที่สองดีกว่าอีกขอรับ!”
บำเหน็จรางวัลของการเอาชนะเฉาหยวนหลง คือเยี่ยนจ้าวเกอสามารถเข้าถึงชั้นที่สามของหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ในสำนักได้หนึ่งครั้ง หลังจากเขากลับไปถึงสำนักแล้ว
ภายในหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์มีคัมภีร์ลับในการฝึกวรยุทธ์ชั้นสูงต่างๆ ของสำนักเขากว่างเฉิง
โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักแรกๆ จะไม่สามารถเข้าหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ได้ หากบังเอิญได้รับบำเหน็จรางวัลใหญ่ จึงจะเข้าไปภายในชั้นแรกได้
ส่วนลูกศิษย์ที่ทำผลงานได้โดดเด่นจะสามารถเข้าออกชั้นแรกได้อย่างอิสระ หากได้รับบำเหน็จรางวัลใหญ่ จึงจะสามารถเข้าชั้นที่สองได้หนึ่งครั้ง
กระนั้นศิษย์สืบทอดหลัก เช่น เยี่ยนจ้าวเกอ จะสามารถเข้าออกชั้นแรกและชั้นที่สองได้อย่างอิสระ และเมื่อได้รับบำเหน็จรางวัลใหญ่ จึงจะสามารถเข้าชั้นที่สามได้
แม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะทราบถึงเนื้อหายอดวิชาวรยุทธ์มากมายที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ในวังเทพก่อนเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่แล้ว ทว่าในฐานะที่เป็นศิษย์แห่งเขากว่างเฉิงในปัจจุบัน ทั้งยังเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ การฝึกฝนยอดวิชาแห่งเขากว่างเฉิงจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ แม้ว่าแต่ละดินแดนศักดิ์ศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มต้นขึ้นจากการสืบทอดร่องรอยที่ทิ้งไว้ของคนในอดีต แต่ก็มีโครงสร้างที่ต่างออกไป และมีความคิดริเริ่มสอดแทรกอยู่มากมาย
เยี่ยนจ้าวเกอผสานการสืบทอดร่องรอยและความคิดริเริ่มเข้าด้วยกัน หลังจากตรวจสอบเทียบเคียงทั้งสองสิ่งแล้ว ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาคัมภีร์จากพระราชวังเทพด้วย
ขอเพียงทำทุกอย่างอย่างพอดี แบ่งแรงและเวลาให้ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งมากขึ้น
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะได้รับบำเหน็จรางวัลนี้ หลังจากกลับไปถึงสำนักแล้ว ซึ่งแตกต่างจากลูกกลอนวิญญาณทมิฬ ที่มีคนนำมาส่งให้ถึงมือ ณ เมืองใกล้ปราการ
เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “อันที่จริง ของรางวัลลำดับที่สามดีที่สุด”
การค้นพบความลับของศิลาลายเมฆ ทำให้สำนักพบวิธีที่จะได้มาซึ่งแก่นสารหยกในปริมาณมาก โดยบำเหน็จรางวัลที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้ แต่เป็นอำนาจพิเศษอย่างหนึ่ง
ตลอดช่วงเวลาที่เยี่ยนจ้าวเกอดำเนินกิจกรรมต่างๆ อยู่ในพื้นที่เกาะนภาตะวันออก หากมีเรื่องยุ่งยากอันใด ก็ให้เป็นความรับผิดชอบของผู้อาวุโสเกาะตะวันออกโดยตรง
รางวัลนี้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ แต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับชอบมันมากกว่าลูกกลอนวิญญาณทมิฬ และโอกาสที่จะได้เข้าไปในชั้นที่สามของหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์เสียอีก
อาหู่หัวเราะแหะๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าคุณชายจะต้องการทำสิ่งใดในอาณาจักรถังตะวันออกก็ตาม ตาเฒ่าเหยียนซวี่นั่นก็ไม่สามารถขัดขวางได้แล้ว อีกทั้งท่านก็ไม่ต้องคอยรายงานเขาด้วย ไม่ว่าต่อไปท่านจะทำอะไร”
“ก็ไม่ทั้งหมดหรอก อย่างไรเสียเขาก็คุมการณ์อยู่ที่อาณาจักรถังตะวันออก หากคิดจะขัดขาข้าให้ล้มก็ยังเป็นเรื่องที่ง่ายดายอยู่ดี จะแตะต้องเขาคงไม่ง่ายเหมือนเช่นตอนจัดการตาแก่ชุยกับเหวินหนิงจือ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านผู้อาวุโสสวีผู้นั้นดูเป็นคนเข้าใจสถานการณ์ดี หลังจากออกมาจากในตำหนัก เขาบอกกับข้าอย่างไม่ปิดบัง ว่าหากคุณชายต้องการสิ่งใด ขอเพียงสั่งมา เขาจะจัดหาจากคลังทรัพยากรของเมืองใกล้ปราการและหุบเขาวายุวิญญาณมาให้กับท่านก่อน” อาหู่ตอบ พลางยิ้มให้เยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ เขายังต้องอยู่ที่หุบเหวปราการมังกรอีกนานพอสมควร หากรอบกายเป็นคนของตน ก็คงสะดวกกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถึงกระนั้น แม้เหยียนซวี่ไม่ลงมือกับข้าก่อนเป็นการชั่วคราว ก็ต้องเบนไปจับตามองสวีชวน”
เหวินหนิงจือสร้างความผิดพลาด เยี่ยนจ้าวเกอและราชาอาณาจักรถังตะวันออกบั่นทอนอำนาจของเหยียนซวี่ลงชั่วคราว พวกเขาไม่มีทางยอมแน่ หากจะต้องเลือกคนจากอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง
แต่หากจะเลือกคนหนึ่งมาจากฝ่ายของบิดา เมื่อได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็มีความเป็นไปได้มากที่จะเปลี่ยนจากทดแทนชั่วคราว เป็นการครองตำแหน่งเป็นเวลานาน
ส่วนสถานการณ์ของสวีชวนกลับต่างออกไป แม้เขาเป็นคนจากฝ่ายบิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่ากลับไม่ได้ถูกปลดจากตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งเมืองใกล้ปราการ
ทั้งนี้ เหยียนซวี่ไม่ได้เลือกคนจากที่อื่นมา แต่ให้สวีชวนแบกรับทั้งสองหน้าที่ของเมืองใกล้ปราการและหุบเขาวายุวิญญาณไว้เพียงผู้เดียว รอให้ถึงตอนที่สำนักเลือกผู้ที่จะมาควบคุมดูแลหุบเขาวายุวิญญาณอย่างเป็นทางการก่อน จึงจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับทางฝั่งตนเองมากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกร และการเปลี่ยนแปลงของหุบเขาวายุวิญญาณในขณะนี้ก็เป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย สวีชวนที่แบกรับสองหน้าที่เพียงคนเดียว ภาระหน้าที่หนักขึ้นอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะแสดงพิรุธออกมาได้
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งบนเก้าอี้ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง “สงสัยเขากำลังรอเวลานั้นอยู่ คงอยากจะเอาคืนชนิดทบต้นทบดอกเลยสินะ”
……..
Related