ตอนที่ 280 ทำความผิด
เมื่อไร้หลักฐานแล้วต่อให้อันผิงสงสัยนางทว่าจักทำอันใดได้ ? หรือจักโยนความผิดให้นางทั้งที่มิมีหลักฐานอย่างนั้นหรือ ?
จากนั้นฉางอันก็ก้มหน้าลงและลอบยกยิ้มขึ้นมา ทว่าอันหลิงเกอกล่าวอีกว่า
“ช้าก่อนเพคะ”
อันหลิงเกอกล่าวจบก็เดินเข้าไปใกล้นกแก้วตัวนั้น นกที่ถูกแม่นมกุ้ยเหยียบจนตายไปแล้วแม้มิได้เละเทะ แต่ส่วนประกอบของร่างกายก็ถือว่ามิเป็นชิ้นเป็นอันซึ่งทั่วไปคงมิมีผู้ใดกล้ามองมันตรง ๆ เป็นแน่
แต่อันหลิงเกอคือคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ภาพพวกนี้ทำอันใดนางมิได้หรอก
นางก้าวไปขวางนางกำนัลที่เตรียมเก็บร่างของนกแก้วเอาไว้
“คุณหนูใหญ่อัน เจ้าจักทำอันใดอีก ? ”
เวลานี้ฉางอันกงจู่หยุดร้องไห้แล้ว นางวางผ้าเช็ดหน้าในมือลง แววตาที่มองอันหลิงเกอมิเป็นมิตรแม้แต่น้อย
แววตาที่มิเป็นมิตร คนอื่นอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติเพราะหากอันหลิงเกอมิขอดู นกแก้วก็คงมิตาย
เนื่องจากนกแก้วตัวนี้องค์ชายห้าพระเชษฐาของฉางอันกงจู่มอบให้ นางจักมิพอใจและเป็นศัตรูกับอันหลิงเกอย่อมถือว่าปกติ
แม้แต่อันผิงกงจู่ที่มาคิดบัญชีกับฉางอันก็มิได้รู้สึกว่าการกระทำของอีกฝ่ายมีสิ่งใดผิดปกติ
แต่อันหลิงเกอมองฉางอันกงจู่ยิ้ม ๆ แล้วก้มตัวลงเพื่อพลิกหาบางอย่างบนตัวของนกแก้วจนเจอของที่มีสีแดงและมีขนาดเล็กมาก
“กงจู่โปรดพระทัยเย็นก่อนเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่อยากให้ทุกคนได้ดูสิ่งนี้เสียหน่อย”
หลังกล่าวจบอันหลิงเกอก็หงายฝ่ามือขึ้น ของที่มีสีแดงชิ้นนั้นก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
พลันแววตาของฉางอันก็ฉายแววตื่นตระหนกขึ้นมาชั่วครู่ มือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อยิ่งกำแน่น
“นี่คือสิ่งใด ? ” อันผิงกงจู่มองของสิ่งนั้นด้วยแววตาขยะแขยง นางก้าวถอยหลังไปราวกับกลัวว่าจักถูกความโชคร้ายแผ่กระจายมาถึงตัวอย่างไรอย่างนั้น
เพราะเป็นของที่อยู่บนตัวนกแก้วที่ตายแล้ว อันผิงกงจู่ที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดย่อมรู้สึกว่าแค่มองของสิ่งนี้ก็จักทำให้ความโชคร้ายมาเยือนนาง
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของอันผิง รอยยิ้มที่มุมปากของอันหลิงเกอก็กว้างขึ้น ดวงตาของนางมิได้มองไปทางอันผิง แต่จ้องมองไปยังฉางอันที่มีอาการร้อนรนอยู่ตรงนั้น
“ของสิ่งนี้คืออันใด ฉางอันกงจู่น่าจักทราบดีกว่าหม่อมฉันเพคะ”
นัยน์ตาสีดำของอันหลิงเกอส่องประกายระยิบระยับ งดงามเสียจนทำให้ผู้คนตกตะลึง นางกล่าวออกมาด้วยท่าทีสงบว่า “ฉางอันกงจู่โปรดอธิบายด้วยพระองค์เองดีกว่าเพคะ”
ฉางอันขมวดคิ้วแน่นขึ้น ภายในใจรู้สึกเกลียดชังสตรีตรงหน้าอย่างมิเคยเป็นมาก่อน
จากนั้นนางก็เบ้ปาก ในดวงตาฉายแววรำคาญขึ้นมา แต่อึดใจต่อมาก็ทำท่าทางราวกับจักร้องไห้ ใบหน้าไร้เดียงสาแสดงความโศกเศร้าขึ้นมาแทน “คุณหนูใหญ่อัน นกแก้วของข้าตายก็เพราะเจ้า แต่ข้าจักถือว่าเป็นอุบัติเหตุและเรื่องนี้ขอมิโทษเจ้า อีกทั้งเจ้ายังนำร่างของมันพลิกไปพลิกมาทั้งที่มันตายไปแล้ว มันจักสามารถสงบสุขได้หรือ ? ”
เมื่อโดนอันหลิงเกอบังคับเอาคำตอบ ฉางอันกงจู่กลับสงบนิ่ง
ต่อให้ของสิ่งนั้นถูกพบแล้วทำไม อีกฝ่ายก็หาหลักฐานมิได้อยู่ดีและยืนยันมิได้ว่านางเป็นคนสั่งเอาชีวิตอาจู
อันหลิงเกอจึงค่อย ๆ เดินไปลูบด้ายสีแดงที่เล็กมากจากบ่าของนางกำนัลที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งด้ายสีแดงนั้นทำจากวัสดุพิเศษ มิเหมือนด้ายทั่วไป
นางหยิบด้ายสีแดงมาไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็ถือของชิ้นเล็กเมื่อครู่
บนของสิ่งนั้นมีรูเล็ก ๆ อยู่ อันหลิงเกอจึงนำด้ายแดงร้อยเข้าไปในรู ทุกคนจึงได้เห็นว่าที่จริงแล้วของสองชิ้นนี้เป็นของที่อยู่คู่กัน
“ฉางอันกงจู่ ถึงตอนนี้แล้วพระองค์ยังบอกว่าหม่อมฉันสร้างความวุ่นวาย ตั้งใจสร้างปัญหาให้พระองค์อยู่หรือไม่เพคะ ? ”
“ของสิ่งนี้เดิมทีแขวนอยู่ที่คอของนกแก้วใช่หรือไม่เพคะ ? ” นางมองไปยังฉางอันแต่มิรอให้อีกฝ่ายตอบอันใดก็กล่าวต่อทันที “ตำหนักของพระองค์ย่อมมีคนทราบอยู่แล้ว”
อันผิงกงจู่แม้ยังมิรู้ว่าอันหลิงเกอคิดทำสิ่งใด แต่รู้ดีว่านางกับอันหลิงเกอล้วนถูกฉางอันวางแผนกลั่นแกล้ง พวกนางถือว่าลงเรือลำเดียวกันเป็นการชั่วคราว
จากนั้นนางจึงมองไปข้างกายก็พบว่ามีนางกำนัลคนหนึ่งลุกขึ้นยืนทันที “ใช่เจ้าค่ะ บ่าวเคยดูแลนกแก้วตัวนี้มาก่อน ของสิ่งนี้เดิมทีก็แขวนอยู่ที่คอของมัน ฉางอันกงจู่เป็นผู้แขวนด้วยพระองค์เองเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ถือว่าการคาดเดาของข้าถูกต้องแล้ว” อันหลิงเกอยกริมฝีปากขึ้นจนเกิดรอยยิ้ม จากนั้นก็ชี้ไปที่นางกำนัลของอันผิงที่ยืนอยู่ทางด้านข้างซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ไปพบศพของอาจู
นางกำนัลที่ถูกอันหลิงเกอชี้รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก เมื่อครู่ตอนอันหลิงเกอหยิบด้ายสีแดงออกจากบนตัว นางเพิ่งรู้ว่าบนตัวมีด้ายสีแดงติดอยู่ตั้งแต่เมื่อใดมิทราบ
ซึ่งปกติแล้วเสื้อผ้าของเหล่านางกำนัลต่างก็จัดระเบียบเป็นอย่างดี นี่เป็นของที่อยู่บนตัวนกแก้วของฉางอันกงจู่จึงมิควรมาอยู่บนตัวของนางได้ อีกทั้งนางและฉางอันกงจู่ก็มิได้มีการพบเจอกันเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของนางกำนัลคนนี้ อันหลิงเกอก็ยิ้มส่งให้เป็นการบอกว่ามิต้องร้อนรนไป จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวออกมา
“เมื่อครู่หม่อมฉันและอันผิงกงจู่มาที่นี่เพื่ออยากเรียกอาจูมาสอบถาม ทันใดนั้นข้างกายของแม่นมกุ้ยก็มีนกแก้วตัวหนึ่งบินมา เดิมทีก็มิได้มีสิ่งใดผิดปกติ แม่นมกุ้ยกลับด่านกแก้วตัวนั้นว่ามันสมควรตาย จากนั้นอาจูก็ฆ่าตัวตายราวกับที่แม่นมด่าว่าสมควรตายคืออาจูอย่างไรอย่างนั้น”
พอกล่าวถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็เข้าใจว่าทุกคนต้องคิดว่ามันไร้สาระ
ทว่านางต้องเกลี้ยกล่อมให้คนพวกนี้เชื่อในคำกล่าวของตน
“เดิมทีสองเรื่องนี้มิมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน จนเมื่อหม่อมฉันเห็นของสิ่งนี้”
อันหลิงเกอเผยให้เห็นของที่อยู่ในมือ จากนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวต่อ “เมื่อครู่ตอนที่นกแก้วบินมาข้างกายแม่นมกุ้ย บนคอมันยังแขวนของสิ่งนี้อยู่ แต่เมื่อมันออกมาอีกครั้งของสิ่งนี้กลับร่วงมาอยู่ที่ขา ส่วนด้ายแดงเส้นนี้ก็ไปอยู่บนตัวของนางกำนัลอันผิงกงจู่”
นางกำนัลของอันผิงกงจู่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและรีบอธิบายทันที “คุณหนูใหญ่อัน บ่าวมิเคยเข้าใกล้นกแก้วตัวนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
ตอนที่นกแก้วบินออกมานางก็ไปตามหาอาจูแล้วย่อมมิมีเวลาสัมผัสมันได้
อันหลิงเกอพยักหน้า ดวงตาเปล่งประกาย “ข้ารู้ว่าเจ้ามิเคยสัมผัสนกตัวนี้ แต่มีผู้อื่นที่เคยสัมผัสมัน”
“นกแก้วตัวนี้เรียนคำพูดได้ คำหนึ่งมาจากแม่นมกุ้ยก็คือคำว่าสมควรตาย จากนั้นมันก็บินไปทางที่อาจูอยู่ เมื่อส่งข่าวเสร็จก็มีคนลงมือฆ่าอาจูจนตาย อีกทั้งยังจัดฉากว่านางฆ่าตัวตายอีกด้วย” อันหลิงเกอกล่าวออกมาราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนางได้เห็นด้วยตาตนเองเพราะเรื่องที่คาดเดาเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงทุกประการ “ซึ่งตอนที่อาจูขัดขืนก็ดึงด้ายแดงนี้ออกจากคอของนกแก้วจนเจ้าเข้าไปพบว่าศพอาจู ด้ายแดงเส้นนี้จึงหล่นมาอยู่บนตัวของเจ้า”
อันหลิงเกอกล่าวสิ่งที่ตนคาดเดาให้ทุกคนได้ฟังและถือว่าเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงไปในตัว คนที่ได้ฟังต่างมีสีหน้าตกตะลึง จากนั้นนางจึงหันไปมองทางฉางอันกงจู่ด้วยแววตาวาวโรจน์ “ฉางอันกงจู่ หม่อมฉันพูดถูกหรือไม่เพคะ ? ”