เจียงหยุนชานกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านที่บ้านหลังเล็ก เขาเกิดความลังเลเล็กน้อยเพราะในหัวเขาคิดว่าอากาศเย็น ๆ เช่นนี้คงไม่สามารถให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านแก้ผ้าตัวเปล่าเปลือยได้ ยิ่งตอนนี้อากาศเริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวฟ๋านฟ๋านยังเป็นทารกตัวเล็กจึงปล่อยให้นางหนาวไม่ได้เด็ดขาด
คิดได้ดังนั้น เจียงหยุนชานจึงใส่ผ้ากันเปื้อนที่ฝูฉูเป็นคนทำให้กับเสี่ยวฟ๋านฟ๋าน
ทว่าเจียงหยุนชานเห็นเจียงป่าวชิงถามถึงเรื่องผ้ากันเปื้อนผืนนี้ ร่างกายเขาพลันแข็งทื่อไป เขาทราบดีว่าหลังจากเรื่องเมื่อครั้งที่แล้ว น้องสาวเขาก็ไม่ค่อยชอบฝูฉูเพราะนางพูดจาทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลง แต่เจียงหยุนชานจะไม่ยอมหลอกเจียงป่าวชิงเด็ดขาด เขาลังเลอยู่สักครู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดความจริง “ผ้ากันเปื้อนผืนนี้ฝูฉูเป็นคนทำให้ นางนำมาให้เมื่อวันก่อน แต่เพราะคืนนั้นออกจากบ้านอย่างเร่งรีบ ข้าจึงหยิบติดมือมาด้วย”
เจียงป่าวชิงเข้าใจ “ข้าเข้าใจ เราไม่สามารถปล่อยให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านหนาวได้ ไม่เป็นไรนะพี่ ข้าแค่ไม่เคยเห็นผืนนี้จึงลองถามดูเท่านั้น”
เจียงหยุนชานแอบรู้สึกโล่งใจ น้องสาวของเขาช่างเป็นเด็กดีมีเหตุผลจริง ๆ นางไม่โกรธเพราะเรื่องนี้ก็ดีแล้ว
เจียงป่าวชิงนั่งเล่นกับเสี่ยวฟ๋านฟ๋านอยู่ข้าง ๆ เตียง สายตานางพลันเหลือบไปเห็นว่ามีรอยแดงตรงบริเวณหน้าอกของเสี่ยวฟ๋านฟ๋าน เจียงป่าวชิงรู้สึกสงสัยจึงถอดผ้ากันเปื้อนที่เสี่ยวฟ๋านฟ๋านใส่ออก และเห็นว่าตรงหน้าอกเปราะบางของเสี่ยวฟ่านฟ๋านมีรอยแดงอยู่นิดหน่อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหยุนชานเลี้ยงเด็กเล็ก เขาเห็นรอยแดงนี้ก็เป็นกังวลอยู่เล็กน้อย “ฟ๋านฟ๋านคงไม่ได้เป็นโรคหัดอะไรหรอกใช่ไหม ?” พูดเสร็จเขาก็นั่งไม่ค่อยติด “ไม่ได้ ข้าต้องพาเสี่ยวฟ๋านฟ๋านไปให้หมอดูอาการสักหน่อยแล้ว”
เจียงป่าวชิงกลับนึกอะไรได้ นางขมวดคิ้วแล้วดึงเจียงหยุนชานมาใกล้ ๆ “พี่ นี่คงไม่ใช่โรคหัดอะไรหรอก ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”
เจียงหยุนชานรู้ว่าน้องสาวเขามีความรู้และพอเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับยาและการรักษาโรค เขาได้ยินนางพูดมาแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงหยิบผ้ากันเปื้อนที่เพิ่งถอดออกเมื่อสักครู่ขึ้นมาเขย่าเบา ๆ
นั่นทำให้ลมหายใจของเจียงหยุนชานหยุดชะงักทันที “ผ้ากันเปื้อนนี้มีปัญหาอย่างนั้นรึ ?”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “จะว่าใช่ก็ไม่ ผ้ากันเปื้อนผืนนี้ข้าดูลวดลายข้างบนแล้ว มันปักอย่างประณีตมาก มีลายปลาแหวกว่ายยู่ตรงใบบัวเหมือนจริง คิด ๆ ดูแล้วฝูฉูคงจะสิ้นเปลืองเวลาในการทำมันไม่น้อยเลย แต่…” เจียงป่าวชิงพลิกผ้ากันเปื้อนแล้วพูดต่อ “แม้พี่ฝูฉูจะซ่อนปลายด้ายอย่างประณีตแล้ว นางกลับซ่อนรอยปักไว้ไม่มิด ผิวของทารกค่อนข้างบอบบาง ด้ายพวกนี้คงไปถูกับผิวของเสี่ยวฟ๋านฟ๋านจนเกิดเป็นรอยแดงอย่างที่เห็น”
เจียงป่าวชิงคิดว่าฝูฉูคงต้องการบรรเทาความตึงเครียดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเจียงหยุนชานด้วยการทำเสื้อผ้าให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋าน
แต่ฝูฉูตั้งใจเกินไป กลับกลายเป็นปล่อยไก่ให้ตัวเอง
เจียงหยุนชานไม่ได้ลังเลอะไร เขาเอ่ยขึ้น “อืม ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านใส่ผ้ากันเปื้อนผืนนี้แล้ว” ทว่าเขายังคงมีท่าทีลังเลเล็กน้อย “ฟังจากที่เจ้าบอก ดูเหมือนว่านางจะสิ้นเปลืองเวลาเพื่อทำผ้ากันเปื้อนผืนนี้อยู่พอสมควร ถ้าหากว่าโยนทิ้งโดยตรงก็คงไม่ค่อยดี เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นของที่นางตั้งใจทำให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋าน ข้าเองไม่มีสิทธิ์จัดการ งั้นเก็บเอาไว้เถอะ”
ตอนที่เจียงหยุนชานพูดประโยคนี้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและไม่มีอาการที่ไม่เป็นธรรมชาติแม้แต่นิดเดียว
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ถือสาฝูฉูแล้วจริง ๆ
เจียงป่าวชิงรู้สึกดีใจในใจ อันที่จริงนางยังกลัวว่าพี่ชายจะคิดถึงฝูฉูอยู่เลย …ไม่ใช่ว่าฝูฉูไม่ดี แต่พวกเขาไม่เหมาะสมกันก็เท่านั้น
เจียงป่าวชิงพับผ้ากันเปื้อนผืนนั้นยิ้ม ๆ พลางนำไปวางข้าง ๆ แล้วห่มผ้าให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านตัวน้อย “เมื่อสักครู่ตอนที่ข้ามาที่นี่ ข้าอยากพูดกับพี่นิดหน่อย ประเดี๋ยวข้าจะออกไปซื้อของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมทั้งของที่เสี่ยวฟ๋านฟ๋านต้องใช้ด้วย พี่จะฝากซื้ออะไรไหมเจ้าคะ ?”
เจียงหยุนชานส่ายหน้า เขาพูดขึ้นอย่างเสียดายว่า “ตอนที่ข้าออกมา ข้าหยิบมาแค่เสื้อผ้าชุดเดียว แต่ก็พอเปลี่ยนซักได้อยู่ ข้าไม่ฝากซื้ออะไรหรอก แต่ว่า… พู่กัน หมึก กระดาษและที่ฝนหมึกที่เจ้านำกลับมาจากบ้านคุณชายกงในตอนก่อนหน้านั้นถูกทำลายไปหมดแล้วล่ะ…”
เจียงหยุนชานพูดถึงกงจี้ เจียงป่าวชิงก็ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย
ตอนนั้น นางคิดแค่ว่าจะลดความระแวดระวังของกงจี้ได้อย่างไร จึงหยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกที่ดูราคาแพง แต่นางไม่ได้จะทำให้เขาเสียเปรียบเลย หนึ่งก็เพื่ออยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเจียงหยุนชาน สองก็เพื่ออยากให้กงจี้สบายใจว่านางจะไม่เย่อหยิ่ง
สุดท้ายค่าตอบแทนที่สิงโตขู่เข็ญก็เป็นเพียงของธรรมดาเท่านั้น
ตอนนั้นนางเคยคิดว่าเมื่อผ่านช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเหล่านี้ นางกลับอยากเย่อหยิ่งใส่เขาบ้าง นางนั้นรักษาขาให้กงจี้ด้วยความยากลำบากจึงอยากให้กงจี้… ตอบแทนด้วยตัวของเขา
ทว่านางเข้าใจดีว่านี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เจียงป่าวชิงละทิ้งความคิดนี้ นางลุกขึ้นแล้วพูดยิ้ม ๆ “ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ ถ้ามีโอกาสข้าจะขู่คุณชายกงเอาของมาอีกชุด ในเมื่อพี่ไม่มีของที่ต้องการซื้อ ถ้าอย่างนั้นข้าจะซื้อให้พี่เองก็แล้วกัน”
เจียงหยุนชานได้ยินว่าน้องสาวคิดจะไปขู่เอาของจากกงจี้มาอีกชุด เขาก็ตกใจรีบโบกมือห้ามทันที “อย่าเชียวนะป่าวชิง! ข้าไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่”
ท่าทีของเขาแน่วแน่มากเสียจนเมื่อเจียงป่าวชิงเห็นพี่ชายคัดค้านหัวชนฝา นางจึงพูดขึ้น “งั้นข้าจะซื้อพู่กัน หมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกแบบธรรมดาให้พี่แล้วกัน คาดว่าเรายังต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก แม้ว่าใกล้จะสร้างบ้านใหม่แล้ว แต่ก็คงจะไม่ได้เสร็จเร็วขนาดนั้น”
เจียงหยุนชานลังเลอยู่สักครู่ “สร้างบ้านใหม่ก็ต้องซื้อของใหม่ เวลานี้เราจำเป็นต้องใช้เงินมาก ยังไงเจ้าเลื่อนการซื้อของเหล่านั้นออกไปก่อนเถอะ”
เจียงป่าวชิงกลับตัดสินใจแล้ว นางบอกพี่ชายตัวเองว่า “รู้แล้วเจ้าค่ะ” แต่ในใจกลับคิดจะซื้อของพวกนั้นให้เจียงหยุนชานอยู่ดี
ช่วงนี้เจียงป่าวชิงดูออกว่าเจียงหยุนชานชอบอ่านหนังสือหาความรู้จากใจจริง แม้เขาจะลาออกจากโรงเรียนในตัวเมืองแล้ว เขาก็ไม่เคยล้มเลิกที่จะเรียนด้วยตัวเองที่บ้านเลยสักครั้ง
แต่พูดก็พูดเถอะ ตอนนี้เงินของเจียงป่าวชิงเหลือไม่มากแล้ว ระหว่างทางไปข้างนอก นางก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าจะทำอย่างไรในการใช้เงินที่มีอย่างจำกัดนี้ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ทันใดนั้น นางเห็นองครักษ์ที่คุ้นหน้าวิ่งมาทางนาง
นางเพิ่งเห็นเขาที่บ้านกงจี้เร็ว ๆ นี้เอง
เมื่อองครักษ์คนนั้นเห็นเจียงป่าวชิง สีหน้าดีใจปรากฏบนใบหน้าเขาทันที จากนั้นเขาทำความเคารพนาง “โอ้! แม่นางเจียง บังเอิญจริง ๆ ข้ากำลังจะไปหาแม่นางอยู่พอดี”
เจียงป่าวชิงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นทางฝั่งของกงจี้จึงร้อนใจเล็กน้อย “อะไรรึ ? นายท่านของเจ้าเป็นอะไร ?”
องครักษงุนงง เขารีบพูดทันที “แม่นางเจียงอย่าได้ร้อนใจไป อาการนายท่านค่อนข้างคงที่ เพราะแม่นางรักษร่างกายให้เขา พื้นฐานร่างกายของเขาจึงดีมาก แต่เป็นนายท่านของข้าเองที่สั่งให้ข้านำของสิ่งหนึ่งมามอบให้กับแม่นาง”
องครักษ์ส่งกระเป๋าผ้าไหมที่สวยงามใบหนึ่งให้เจียงป่าวชิงด้วยมือสองข้าง
เจียงป่าวชิงมองอย่างสงสัย นางตกตะลึงพลันมีความรู้สึกมากมายก่อเกิดขึ้นในใจ นางเองก็บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอะไร
ข้างในกระเป๋าผ้าไหมที่ค่อนข้างหนักใบนี้มีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง อีกอย่าง เงินพวกนี้มีเศษเงินด้วย ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในการซื้อของจุกจิกพอดี
เกิดความรู้สึกมากมายอยู่ในใจของเจียงป่าวชิง
องครักษ์เห็นว่านางเงียบไปจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ “นายท่านของข้าบอกว่าเพราะเรื่องของเขาทำให้แม่นางเจียงกับคุณชายเจียงต้องพลัดพรากจากที่อยู่ นี่ถือว่าเป็นการชดเชยสำหรับแม่นางเจียงกับคุณชายเจียงขอรับ”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ “ขอบคุณมากนะ”
นางพูดขอบคุณธรรมดา ๆ และไม่ได้ปฏิเสธอย่างเกรงใจอะไร จากนั้นก็ถือกระเป๋าผ้าไหมที่บรรจุเงินเต็มถุงออกจากบ้านไปทันที
องครักษ์ยืนอยู่ที่เดิม เขามองตามจนเจียงป่าวชิงออกจากบ้านแล้วถึงจะหมุนตัวเพื่อกลับไปรายงานผลงาน
ทว่า… องครักษ์ไม่ทันเห็นว่ามือของเจียงป่าวชิงข้างที่ถือกระเป๋าผ้าไหม กำเข้าหากันแน่นภายใต้แขนเสื้อตัวบางนั้น