คนซวยคนเดียวที่ถูกปรักปรำอย่างไม่ยุติธรรมเห็นทีจะเป็นซุนต้าหู ทว่าตัวเขาเองยังไม่ทันพูดอะไร เจียงป่าวชิงก็ไม่จำเป็นต้องยืนยกไม้ยกมืออยู่ด้านข้างแล้ว
ซุนต้าหูเห็นเจียงป่าวชิงไม่พูดอะไร เขาก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย แต่ในขณะนี้ เด็กจำนวนหนึ่งกลับพากันวิ่งไปตรงทางเข้าหมู่บ้านพร้อมทั้งส่งเสียงร้องดีอกดีใจ “แจกลูกอมแล้ว เย้! เขามาแจกลูกอมแล้ว”
ขนมหวานอย่างเช่นลูกอมต่างเป็นอะไรที่หายากสำหรับเด็กชนบททุกคน หากว่าได้รับลูกอมหนึ่งเม็ดในยามปกติ พวกเขาจะดีอกดีใจราวกับฉลองเทศกาลตรุษจีนอย่างไรอย่างนั้นเลย
แม้แต่ตอนแต่งงาน หากว่ามีลูกอมสำหรับแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะ มันก็จะถูกจัดระเบียบเป็นอย่างดี และเฉพาะผู้ที่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดีเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ ส่วนคนที่มีภูมิหลังครอบครัวธรรมดาจะไม่มีลูกอมแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะ
แล้วตอนนี้ บ้านไหนกันที่จัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่จนถึงกับแจกลูกอมเด็ก ๆ ได้
แต่งงานอย่างนั้นรึ ?
เจียงป่าวชิงอดไม่ได้ที่จะใจลอย
ซุนต้าหูคิดว่าเจียงป่าวชิงสงสัยใคร่รู้ จึงอธิบายให้นางฟัง “เมียของต้าตงน่ะ ก็อย่างที่เจ้ากับข้ารู้กัน นางกับคุณนายหลู แม่ที่พลัดพรากของนางเจอกันแล้ว วันนี้คุณนายหลูมาที่นี่เพื่อต้องการพาเมียต้าตงไปที่เมืองหลวง นี่ถือว่าเป็นเรื่องมงคล นางจึงมาแจกลูกอมที่หมู่บ้านแห่งนี้”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าแต่ไม่ได้นึกสนใจอะไรมากนัก
พูดเรื่องนี้เสร็จ ซุนต้าหูไม่รู้จะพูดอะไรกับเจียงป่าวชิงต่อ เขายืนอึดอัดอยู่กับที่ ผ่านไปสักครู่ถึงจะแค่นออกมาประโยคหนึ่งว่า “ป่าวชิง คำโบราณบอกไว้ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ เจ้า… ถ้าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมเมื่อตอนอยู่ที่บ้านของคุณชายคนนั้น เจ้าบอกข้าได้นะ ข้า… ข้าจะคิดหาวิธีช่วยเจ้าเอง”
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วพลางคิด ‘นี่พี่ต้าหูนี่พี่หมายความว่าอะไร ?’
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะดังออกมาจากในมุมมืดหลังบ้านที่อยู่ด้านข้าง เจียงเอ้อยาขยับร่างออกมาจากในมุมมืด ไม่รู้ว่านางมองดูอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว สุดท้ายนางก็พูดขึ้นอย่างเหน็บแนม “ซุนต้าหูหนอซุนต้าหู เจ้าเกิดความรู้สึกชอบหญิงสารเลวคนนี้ไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้ที่นางกลับมา ไม่แน่อาจเป็นเพราะคุณชายคนนั้นเบื่อนางแล้วและไล่นางกลับมาก็ได้”
ซุนต้าหูหน้าแดงก่ำด้วยเพราะโกรธ “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล!” เขาพูดเสียงขู่ฟ่อ
เจียงเอ้อยาส่งเสียงเย้ยหยันในลำคอแล้วป้องปากขำ “เหอะ ๆ ๆ ทำไมล่ะ ? นี่เจ้ายังจะพูดแทนไอ้หญิงเลวคนนี้อีกรึ ? ไอ้เท้าเล็กหน้าไม่อายคนนี้ คนในหมู่บ้านเขาลือกันไปทั่วแล้วว่านางหนีตามคุณชายที่รักษาขาคนนั้นเพื่อไปเป็นสาวใช้ในห้องนอนของเขา”
พูดมาถึงตรงนี้ เดิมทีใบหน้าเยาะเย้ยของเจียงเอ้อยาพลันเปลี่ยนกลายเป็นบิดเบี้ยวโดยที่ยังกัดฟันแน่น “หญิงเลว! อายุยังน้อยแท้ ๆ แต่กลับคลานขึ้นไปบนเตียงผู้ชายแล้ว! เจ้ามันแม่ไม่สั่งสอนจริง ๆ”
นางพูดยังไม่ทันจบ หน้าก็หันเสียก่อน เจียงป่าวชิงยกมือขึ้นสะบัดมือตบหน้าเจียงเอ้อยาฉาดใหญ่
เพี้ยะ!
เสียงตบดังฟังชัด เจียงเอ้อยาจับหน้าที่โดนตบจนปากแทบเบี้ยวและมองเจียงป่าวชิงอย่างไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง “นางบ้า! เจ้ากล้าตบข้ารึ ?”
เจียงป่าวชิงสะบัดมือ “ก็ทำไมเล่า ?! หรือว่าสมองเจ้ามีปัญหอยากให้ข้าตบเจ้าสองครั้งแทนล่ะ ? เหอะ! ทุกครั้งที่ข้าเสียเปรียบ พอหันกลับไปข้าก็เห็นเจ้ากระโดดออกมารีบซ้ำเติมข้าทุกที หลัง ๆ เจอข้าแก้แค้นเข้าหน่อยทำมาเป็นโวยวาย หรือเจ้าเป็นพวกเจ็บแล้วไม่จำ คงคิดว่าข้าตบครั้งหนึ่งแล้วจะไม่กล้าตบอีกเป็นครั้งที่สองล่ะสิ ? เจียงเอ้อยา ข้าจะบอกอะไรเจ้าสักหน่อย ปกติเวลาเจ้าด่าข้า ข้ามักถือซะว่าเจ้าปล่อยลมเหม็นออกมาหลังจากที่เจ้ากินอิ่ม แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ข้ายอมไม่ได้ อย่าหยิบยกแม่ของข้าที่เสียไปตั้งนานแล้วมาพูด ไม่อย่างนั้น ข้าจะตบเจ้าเอาให้แม่ของเจ้าจำเจ้าไม่ได้เลยคอยดู”
พูดเสร็จ เจียงป่าวชิงหมุนตัวขึ้นรถม้าโดยที่ไม่หันกลับมามอง นางพูดกับคนบังคับรถม้าอย่างแน่วแน่ “ไปที่บ้านเถอะ”
“ขอรับ!” คนบังคับรถม้าสะบัดแส้ม้าด้วยใบหน้าอมยิ้ม แส้ม้าสะบัดไปตรงหน้าเจียงเอ้อยาที่คิดจะพุ่งเข้ามาฉีกเนื้อเจียงป่าวชิงอย่างพอดิบพอดี ทำให้เจียงเอ้อยาตกใจยืนแข็งทื่ออยู่กับที่โดยที่ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว เพราะนางกลัวว่าถ้าขยับไปข้างหน้าอีกเพียงเล็กน้อย แส้ม้านั้นจะสะบัดมาโดนร่างของนาง
ซุนต้าหูยืนงงอยู่ริมถนน เขามองเจียงป่าวชิงนั่งรถม้าจากไปเหมือนรูปแกะสลักอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อก่อน ตอนที่เขายังทำงานบังคับรถล่อรับส่งชาวบ้าน เขาก็เคยคิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนจากรถล่อเป็นรถม้า แล้วพาคนรักของเขาออกไปนั่งรถม้าเล่นอย่างมีความสุข เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนรักของเขามีแววตาที่ดีมาก ผู้ชายที่นางตบแต่งด้วยสามารถทำให้นางมีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น ๆ ได้
แต่ตอนนี้ รถล่อของเขาไม่มีแล้ว และหญิงที่เขารักก็นั่งรถม้าของคนอื่นไปไกลโน่นแล้ว
……
เจียงป่าวชิงยืนอยู่ตรงหน้าบ้านที่กำลังสร้างใหม่ นางมองดูพวกช่างที่วุ่น ๆ กันอยู่ในบ้านหลังเล็กของนางด้วยความยากลำบาก แต่บ้านที่กงจี้เคยอยู่กลับว่างเปล่า
ก็ใช่ เขากำลังจะหายเป็นปกติ ไม่นานเขาก็คงไปจากสถานที่เล็ก ๆ แลดูยากจนแห่งนี้ บ้านหลังนี้ สร้างใหม่แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ?
เจียงป่าวชิงเดินไปข้างบ้านกงจี้อย่างใจลอย ตอนที่นางเดินมาถึงตรงหน้าประตูทรุด ๆ นางก็หยุดฝีเท้าลง
เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ นี่นางกำลังทำอะไร ? นางทำตัวน่าเบื่อ ทำตัวงอแงเกินไปหรือไม่ ?
นี่นางยังอยากหาช่วงเวลาในอดีตอีกรึ ?
มุมปากเจียงป่าวชิงกระตุก นางหมุนตัวเดินไปที่รถม้า “เอาล่ะ ข้าดูเสร็จแล้ว เรากลับกันเถอะ”
แน่นอนว่าคนบังคับรถม้าไม่พูดอะไร เดิมทีเขาเป็นผู้ที่กงจี้ส่งให้มารับผิดชอบในการบังคับรถม้าและรับรองความปลอดภัยของแม่นางเจียงคนนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว
ถนนบนภูเขาทั้งแคบและขรุขระ แต่เนื่องจากคำสั่งของกงจี้ คนบังคับรถม้าจึงต้องทำให้ตัวเองมีชีวิตชีวาเพื่อบังคับรถม้าอย่างระมัดระวังไปตลอดทางเพราะกลัวว่าจะทำให้แม่นางเจียงที่อยู่ข้างในกระทบกระเทือน
แต่ยังไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงคนสะบัดแส้ม้าอย่างหงุดหงิดอยู่ทางด้านหลัง และมีเสียงตะโกนขึ้นอย่างดังด้วย “ข้างหน้าช้ามาก ตั้งใจทำให้เสียเวลาคนอื่นใช่ไหมห๊ะ ?”
เดิมทีเจียงป่าวชิงมีนิสัยที่ไม่ชอบแย่งชิงกับใครอยู่แล้ว นางจึงพูดขึ้น “พี่คนบังคับรถม้า พี่หลีกให้เขาก่อนก็ได้นะจ๊ะ”
คนบังคับรถม้าขานรับ เขากำลังจะโบกสะบัดแส้ม้าเพื่อให้รถม้าเคลื่อนไปด้านข้างเล็กน้อย แต่ด้านหลังกลับมีคนสองคนตามมาด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน ซ้ำยังถือแส้ม้าไว้ในมือ
เจียงป่าวชิงได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวข้างนอกที่ดูผิดปกติไปจึงเลิกม่านรถออกและได้เห็นสองคนที่ชี้หน้าด่าคนบังคับรถม้าของกงจี้โดยที่ในมือยังถือแส้ม้าไว้อย่างนั้น “เฮ้เจ้าบ้า! ดูสถานการณ์หน่อยสิ ไปให้มันเร็ว ๆ หน่อย! ถ้าทำให้เวลามงคลของคุณหญิงกับคุณหนูพวกข้าต้องล่าช้า พวกเจ้ารับผิดชอบไหวรึ ?!”
ไอ้โย! ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ
เจียงป่าวชิงยิ้มมุมปาก
เมื่อคนบังคับรถม้าเห็นเจียงป่าวชิงเลิกม่านรถ เขาก็รีบพูดทันที “แม่นางเจียง สองคนนี้หยาบคายมารยาททราม เพื่อไม่เป็นการทำร้ายดวงตาของแม่นางเจียง โปรดแม่นางเจียงกลับเข้าไปนั่งในรถเถอะขอรับ”
คนที่ดูท่าทางเป็นคนใช้สองคนนั้นได้ยิน พวกเขาก็โมโหขั้นสุดทันที เขาเห็นว่ารถม้าคันนี้เรียบง่ายไม่หรูหรา อีกทั้งคนที่ทำหน้าที่บังคับม้าก็แต่งกายธรรมดา ไหนจะคนที่นั่งอยู่ข้างในยิ่งแต่งกายธรรมดาเข้าไปใหญ่ ไม่มีเครื่องประดับหรูหราใด ๆ บนศีรษะ คงจะไม่ใช่ครอบครัวชั้นดีอะไรอย่างแน่นอน พวกเขาเกิดความรู้สึกเหยียดหยามในใจและพากันหัวเราะเยาะเย้ย
“ฮ่า ๆ ๆ สาวน้อยคนนี้หน้าตาก็จิ้มลิ้มดีแต่แต่งกายเรียบง่ายไปหน่อย ข้าดูแล้วแม้แต่เด็กสาวในร้านอาหารยังแต่งตัวดีกว่าสาวน้อยคนนี้มาก”
ความหมายของคำพูดนี้คือเจียงป่าวชิงเทียบไม่ได้กับโสเภณี
เจียงป่าวชิงไม่อยากใส่ใจคนพวกนั้น แต่เป็นคนบังคับรถม้าของกงจี้ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแทนทาง
แม่นางเจียงคือใคร นางคือผู้มีพระคุณของนายท่านของพวกเขา นั่นก็หมายความว่านางคือผู้มีพระคุณขององครักษ์อย่างพวกเขาทั้งหมด
คนต่ำช้าพวกนี้มีสิทธิ์อะไรมาดูถูกผู้มีพระคุณของพวกเขาได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ ?!
คนใช้สองคนไม่เห็นการกระทำของคนบังคับรถม้าที่โบกแส้ม้ามาทางพวกเขา แต่รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงแส้ดังขึ้นสองครั้งอย่างชัดเจน
คนใช้ทั้งสองคนถูกเฆี่ยนล้มลงไปบนพื้นเกือบจะพร้อมกัน