หญิงชราผู้นี้ ดูแล้วแม้อายุยังไม่ถึงร้อยปี แต่ก็เกินแปดสิบ ราวกับว่ามีชีวิตมาตั้งแต่สมัยโลกเก่าถูกทำลายมาจนถึงปัจจุบัน
และอาศัยอยู่ในเมืองที่ตายไปนานแล้วจวบจนบัดนี้
ยิ่งกว่านั้น ดวงตาก็ขุ่นมัว สายตาดุร้ายราวกับสัตว์ร้าย มีลักษณะเฉพาะของ ‘คนไร้ใจ’ โดยทั่วไป
‘คนไร้ใจ’ ตนนี้อ้าปากพูด แม้ว่าจะพูดด้วยความยากลำบาก พูดเป็นคำคำแต่นี่ก็คือการพูด!
นี่เป็นการแสดงออกถึงสติปัญญาของมนุษย์!
ในเวลานี้เจี่ยงไป๋เหมียนรู้สึกตื่นตระหนกผสมกับความสนใจใคร่รู้
หนึ่งในความใฝ่ฝันของเธอก็คือค้นหาสาเหตุและกฎเกณฑ์การแพร่เชื้อของ ‘โรคไร้ใจ’
ณ ขณะนี้หญิงชราใบหน้าเหี่ยวย่นสวมหมวกไหมพรมสีเข้มและกระโปรงยาวสีดำทำจากผ้าขนสัตว์ก็ก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าว
ผ้าอ้อมที่เธอโอบกอดเอาไว้นั้นขยับหมุนออกมาหนึ่งส่วนสี่ จากที่แต่เดิมนั้นหันไปทางหน้าอกเธอก็เลยหันมาทางพวกเขา
เจี่ยงไป๋เหมียน หลงเยว่หง และคนอื่นๆ มองดูห่อผ้าอ้อมโดยไม่รู้ตัว ด้วยแสงจากไฟฉายจึงทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในผ้าอ้อมนั้นได้อย่างชัดเจน
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาพวกเขาก็คือหัวกะโหลกสีขาวใบเล็ก
หัวกะโหลกนั้นดูเหมือนว่าจะมีกระดูกสีขาวเชื่อมต่อลงไปด้านล่างอีก แต่เพราะห่อหุ้มอยู่ในผ้าอ้อมสีแดงและน้ำเงิน จึงทำให้เห็นเพียงสิ่งที่โผล่ออกมาเท่านั้น
นี่เป็นกระดูกของเด็กทารก!
หญิงชราผู้นี้อุ้มโครงกระดูกนี้มานานกี่ปีแล้วก็ไม่รู้
เจี่ยงไป๋เหมียนรู้สึกว่าหัวใจตนเองกำลังถูกบีบรัดด้วยมือที่ชื่อว่า ‘ความกลัว’ จนใกล้จะหยุดเต้นเต็มที
ตัวเธอ หลงเยว่หง ไป๋เฉิน และซางเจี้ยนเย่า ยืนอยู่ ณ ที่ตรงนั้น ต่างก็ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายแข็งทื่อ ไม่อาจขยับได้แม้เพียงครึ่งก้าว
แล้วหางตาของเจี่ยงไป๋เหมียนก็พลันเห็นว่าสีหน้าของซางเจี้ยนเย่าก็กลับเป็นปกติในทันทีทันใด และยังดูจริงจังมากขึ้นด้วย
ซางเจี้ยนเย่าไม่ได้สนใจหญิงชรา เขามองเจี่ยงไป๋เหมียนก่อนจะถามอย่างจริงจัง
“ทำไมถึงไม่ยิงล่ะ”
‘ทำไมถึงไม่ยิงล่ะ’ เจี่ยงไป๋เหมียนซึมซับคำถามนี้ แล้วก็ราวกับว่าจับประเด็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติขึ้นมาได้
เพียงแค่หนึ่งถึงสองวินาทีให้หลังเธอก็รู้สึกตัวขึ้นมา
ในสถานที่อันตรายเช่นนี้ ในสภาพแวดล้อมที่น่าอึดอัดเช่นนี้ เพียงแค่เธอตรวจจับได้ว่ามีสัญญาณไฟฟ้าหรือมองเห็นเงาร่าง เธอไม่มีทางที่จะมัวแต่มาคอยพินิจพิจารณาว่าพวก ‘คนไร้ใจ’ รอบตัวนั้นมีเจตนาโจมตีมาหรือไม่ แต่จะยิงออกไปทันทีเพื่อกำจัดอันตรายทุกอย่างทิ้งไป…
และในตอนนี้เธอก็สามารถรับรู้สัญญาณไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าเธอกลับไม่ได้ยกมือขึ้นมายิงตามปฏิกิริยาตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็น แถมยังปล่อยให้หญิงชราตนนี้เดินขึ้นหน้ามาอีกตั้งสองก้าว
นี่มันหมายความว่ายังไงกันนะ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เจี่ยงไป๋เหมียนก็ตกใจ รีบสลัดความสนใจที่มีต่อหญิงชราทิ้งทันที
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง เธอก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณไฟฟ้าอื่นที่กำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาด้วยความเร็วสูง
แต่เมื่อมองดูกลับมองไม่เห็นร่างใครอยู่ที่นั่นเลย
เจี่ยงไป๋เหมียนไม่ได้ถูกความกลัวเกาะกุมอีกต่อไป เธอไม่ลังเลที่จะยกมือขวาที่ถือ ‘มอสน้ำแข็ง’ ขึ้นมาแล้วเหนี่ยวไกยิงออกไปในตำแหน่งที่คาดคะเนไว้
เกิดเสียงดังปัง แล้วหญิงชราแปลกประหลาดกับศพเด็กทารกที่น่าหวาดผวาเบื้องหน้าไป๋เฉินและหลงเยว่หงก็อันตรธานหายไปราวกับว่าพวกมันไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ภายใต้แสงไฟฉาย พวกเขาเห็นด้านในลึกเข้าไปในห้องมีโต๊ะหลายตัวเรียงต่อกันอยู่ มีผู้หญิงสวมเสื้อกันหนาวสีแดงตัวสั้นเต่อนอนอยู่บนโต๊ะ
เรือนผมสีดำของผู้หญิงคนนี้ยุ่งเหยิง ปอยผมแต่ละปอยก็เป็นมันเยิ้ม
ดวงตาเธอขุ่นมัวและมีเส้นเลือดแดงก่ำ สายตาดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าหลงเหลือเพียงแค่ธรรมชาติของสัตว์ร้ายเท่านั้น
นี่คือ ‘คนไร้ใจ’
เสื้อกันหนาวตัวสั้นสีซีดของเธอไม่ได้รูดซิป มันถูกเปิดคาไว้ เผยให้เห็นท้องป่องนูนที่เต็มไปด้วยขนอย่างชัดเจน
ล่างกายท่อนล่างของเธอนั้นไม่ได้สวมอะไรไว้อีก มีเพียงแค่ผ้าห่มบุฝ้ายขาดๆ ที่คลุมเอาไว้
ขาเธอแยกออกจากกัน กางออกอยู่ในท่าทางที่คนทั่วไปคงจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง
หลงเยว่หงรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับเรื่องนี้ แต่ซางเจี้ยนเย่าที่เคยเข้าร่วมการชุมนุมของนิกายมาหลายครั้ง ได้กินศีลมหาสนิทมาหลายหน เพียงมองแว่บเดียวก็สามารถระบุออกมาได้ทันที
‘คนไร้ใจ’ ตนนี้กำลังจะให้กำเนิดทารก
‘คนไร้ใจ’ เองก็มีสัญชาตญาณการแพร่พันธุ์เช่นกัน
ทิศทางที่เจี่ยงไป๋เหมียนยิงกระสุนออกไปนั้นมีผู้ชายอยู่คนหนึ่ง
เขาสวมเสื้อกล้ามสีขาว ผิวสีแทน บริเวณที่ขนดกหนานั้นมีเพียงส่วนน้อย
เส้นผมสีดำบนหัวเขาติดเป็นสังกะตัง บนใบหน้ามีเครารุงรัง ดวงตาขุ่นมัว ดุร้ายเหลือประมาณ
เหตุการณ์ที่ ‘ทีมสำรวจเก่า’ ได้พบกับหญิงชราเมื่อสักครู่นั้นเป็นเพียงภาพลวงตา!
กระสุนที่เจี่ยงไป๋เหมียนยิงออกไป ไม่ได้สัมผัสถูกชาย ‘คนไร้ใจ’ ตนนั้น ราวกับว่ามันสามารถรับรู้อันตรายได้ล่วงหน้า จึงใช้สองเท้าออกแรงดีดตัวกระโดดหลบไปก่อน
ปัง! ปัง! ปัง!
ซางเจี้ยนเย่ากับไป๋เฉินมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที ยกปากกระบอกปืนขึ้นพร้อมกันแล้วเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกไป
ชาย ‘คนไร้ใจ’ ตนนั้นใช้เท้าถีบผนังทางเดินเพื่อฝืนเปลี่ยนทิศทางก่อนล่วงหน้าหนึ่งวินาที
เขาดีดตัวขึ้นไปแล้วคว้าจับขอบของรูบนเพดาน แขนออกแรงดึงเหวี่ยงร่างเข้าไปข้างใน
ปัง! ปัง! ปัง!
ซางเจี้ยนเย่ากับเจี่ยงไป๋เหมียนไม่ได้หยุดยิง ยังคงกราดยิงต่อขึ้นไปด้านบนอย่างต่อเนื่อง
‘คนไร้ใจ’ ตนนี้ยังคงตอบสนองก่อนล่วงหน้าได้อย่างถูกจังหวะทุกครั้ง ราวกับว่ามันมีลางสังหรณ์อันแปลกประหลาด
แม้ว่าหลงเยว่หงที่อยู่ด้านข้างจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้าไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าหลังจากนั้นจะไม่ได้ลงมือทำอะไร เขาถือปืนไรเฟิลจู่โจมพร้อมกับเฝ้าระวัง ‘คนไร้ใจ’ ผู้หญิงในห้องด้วยความตึงเครียดระแวดระวังอย่างสูง เพื่อคอยระวังอีกฝ่ายโจมตีออกมา
เขายังไม่ได้ยิงออกไปเพราะตอนนี้เขาสังเกตเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายดูเหมือนว่ากำลังจะคลอดลูก
แล้วในเวลานี้เอง ดวงตาไป๋เฉินวูบไหวเล็กน้อย จู่ๆ เธอก็หันกลับมาเล็งปืนไปยัง ‘คนไร้ใจ’ ผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้อง
สีหน้าเธอยังคงสงบนิ่งดังเดิม ไม่มีร่องรอยความสงสารปรากฏให้เห็นบนใบหน้า
วินาทีถัดมา จู่ๆ เพดานห้องตำแหน่งด้านบนของไป๋เฉินก็พังถล่มลงมากระแทกหัวเธอ
ชาย ‘คนไร้ใจ’ ที่สวมเสื้อกล้ามสีขาวตนนั้นกระโดดร่วงตามลงมาแล้วพุ่งไปยัง ‘คนไร้ใจ’ ผู้หญิงบนโต๊ะ
กล้ามเนื้อปีกหลัง[1]เขาโป่งนูนยืดออกมาจนแทบจะฉีกเสื้อกล้ามที่พันธนาการไว้ ราวกับผีเสื้อที่กางปีกออกเต็มที่
ไป๋เฉินราวกับคาดเอาไว้แล้ว ก่อนที่เพดานจะหล่นกระแทกศีรษะ เธอก็กลิ้งม้วนตัวหลบไปด้านข้าง
ก่อนหน้านี้เมื่อเจี่ยงไป๋เหมียนเห็นไป๋เฉินหันหน้ามาในห้อง ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ตอนนี้เธอจึงไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย รีบสะบัดปืนมาแล้วเหนี่ยวไกยิงทันที
เสียงดังปัง กระสุนสีเหลืองพุ่งออกไปผ่านระยะทางสั้นๆ เข้าปะทะกับด้านล่างไหล่ซ้ายของ ‘คนไร้ใจ’ ผู้ชาย
อีกฝ่ายก้มตัวลงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้โดนหัวใจได้ทันเวลา
บาดแผลจากกระสุนนั้นไม่ได้ใหญ่อย่างที่เจี่ยงไป๋เหมียนคาดไว้ กล้ามเนื้อเหนือมนุษย์นั้นดูเหมือนว่าจะจำกัดและลดความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เจี่ยงไป๋เหมียนที่เคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้มาอย่างโชกโชน ไม่ปล่อยให้ความประหลาดใจส่งผลกระทบ รีบยิงซ้ำทันที
คราวนี้กระสุนเจาะเข้าที่ต้นขาด้านหลังของ ‘คนไร้ใจ’ ผู้ชาย เลือดสีแดงสดกระฉูดออกมา
เสียงดังพลั่ก ชาย ‘คนไร้ใจ’ ล้มลงกับพื้น
หญิง ‘คนไร้ใจ’ บน ‘เตียงไม้’ แบบหยาบๆ พยายามยกศีรษะขึ้นมองดู แล้วก็กรีดร้องคร่ำครวญด้วยเสียงแหลมบาดหู
ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญ เจี่ยงไป๋เหมียนเห็นร่างชาย ‘คนไร้ใจ’ ผู้นั้นหลอมละลายลง กลายเป็นแอ่งเลือดเนื้อที่ขยับเคลื่อนที่ได้
เลือดเนื้อกองนี้แผ่กลิ่นอายของความหวาดกลัวที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทำให้เจี่ยงไป๋เหมียน ซางเจี้ยนเย่า หลงเยว่หง และไป๋เฉิน ถึงกับแข้งขาสั่นเทิ้มอ่อนแรงจนไม่อาจทรงตัวอยู่ได้
พวกเขาล้วนทรุดฮวบคุกเข่าลงไป ช้าบ้างเร็วบ้าง ร่างกายเกร็งแข็งทื่อ ยากที่จะตอบสนองอะไรได้อีก
ระหว่างนี้เจี่ยงไป๋เหมียน ซางเจี้ยนเย่า และไป๋เฉิน ต่างก็พยายามอย่างสุดแรงเพื่อฝืนต้านทานความกลัวที่สามารถสะกดข่มมนุษย์ได้ทั้งมวล แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่ชะลอเวลาที่พวกเขาทรุดลงไปนอนกอดตัวเองเท่านั้น
นี่ทำให้พวกเขาต่างสิ้นหวังอย่างไม่อาจฝืนต้านทานไว้ได้
แต่ในช่วงเวลานี้เอง ซางเจี้ยนเย่าพลันสมองกระตุก กระโดดขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
หลังจากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงไปด้วยสีหน้าจริงจังราวกับกำลังครุ่นคิดใคร่ครวญคำถามเชิงปรัชญาบางประการ
เจี่ยงไป๋เหมียนหัวใจเต้นรัว พยายามถามอย่างยากลำบาก
“นาย… คิด… อะไร… อยู่…”
ซางเจี้ยนเย่าผงกศีรษะ ตอบอย่างจริงจัง
“ผมกำลังคิดว่า… ทำไมในภาพหลอนนี้ ผมกลับไม่รู้สึกว่าเฉียวชูน่าหลงใหลอีกต่อไปแล้ว”
* * * * *
[1] กล้ามเนื้อปีกหลัง (背阔肌 Latissimus dorsi ชื่อย่อ Lat) คือกล้ามเนื้อที่อยู่ต่ำลงมาจากกล้ามเนื้อส่วนสะบัก