ท่าทางรวดเร็วและเด็ดขาด ไม่ประวิงเวลาแม้เสี้ยววินาที
“กรี๊ดดด!”
อิงเฟยเฟยทันแค่ส่งเสียงกรีดร้อง เพราะหัวของเธอรวมถึงครึ่งตัวบนถูกจับยัดลงไปในถังขยะ
ถังขยะใหญ่มาก ใส่คนทั้งตัวได้ไม่มีปัญหา
อิ๋งจื่อจินยกเท้าขึ้นแล้วถีบไป
โครม อิงเฟยเฟยตกลงไปในถังขยะทั้งตัว
ทุกคนยืนอึ้งกันหมด ยังไม่มีใครได้สติ
พวกเขามองอิ๋งจื่อจินอย่างอึ้งๆ เห็นเธอพับแขนเสื้อชุดนักเรียนสีขาวขึ้น จากนั้นก็หยิบถุงขยะสองใบที่อยู่ข้างๆ มาไว้ในมือ หิ้วตัวอิงเฟยเฟยที่อยู่ในถังขยะขึ้นมา
มืออีกข้างที่ว่างอยู่เก็บแอปเปิ้ลหนึ่งผลจากบนพื้นแล้วยัดเข้าปากอิงเฟยเฟย
อิงเฟยเฟยเพิ่งจะได้หายใจก็ถูกกลิ่นเน่าปะทะเข้ามาเต็มๆ
เธอเบิกตาโพลง พยายามดิ้นรนสุดชีวิต อยากกรีดร้อง แต่ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด ถูกบังคับกลืนแอปเปิ้ลทีละนิด
ในที่สุดจงจือหว่านก็ได้สติกลับมา เธอพูดด้วยความโมโห “อิ๋งจื่อจิน เธอกำลังทำอะไรน่ะ ยังไม่รีบวางเพื่อนลงอีก”
จงจือหว่านเป็นหัวหน้าห้อง อีกทั้งยังเป็นนางฟ้าของชิงจื้อ ไม่มีใครในห้องเด็กอัจฉริยะที่ไม่ฟังคำพูดของเธอ
อีกทั้งพฤติกรรมของอิ๋งจื่อจินก็น่าโมโหสิ้นดี
ไม่ทำเวรยังไม่เท่าไร นี่ยังจะใช้กำลังกับเพื่อนร่วมห้องด้วยเหรอ
จากนั้นก็มีนักเรียนชายหลายคนเดินเข้าไป แต่ทันใดนั้นอิ๋งจื่อจินได้หันขวับ
สีหน้าของเธอยังคงเย็นชาเช่นเคย ดุจหิมะที่อยู่บนเขาไกลๆ
แต่เวลานี้กลิ่นอายความโหดเหี้ยมปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเธอ สายตาก็กดดันสุดๆ แม้แต่กรรมการพลศึกษาที่สูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก็ยังอดถอยหลังไม่ได้
ชั่วขณะนั้นไม่มีใครกล้าขยับ
อิ๋งจื่อจินละสายตา ก้มมองอิงเฟยเฟยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยขยะ “อร่อยไหม”
ในที่สุดอิงเฟยเฟยก็พูดได้แล้ว เธอร้องไห้ ร้องอย่างสิ้นหวัง กรีดร้องอย่างเสียสติ “อิ๋งจื่อจิน เธอมันโรคจิต! ยัยโรคจิต!”
เธอก็แค่ฉีกหนังสือของยัยบ้านนอกนี่แล้วโยนลงถังขยะไม่ใช่เหรอ
มันจะเป็นอะไร
ถึงกับต้องทำกับเธอแบบนี้เลยเหรอ
“ฉันมันโรคจิต” อิ๋งจื่อจินก้มหน้า แสยะยิ้ม “อย่ามาหาเรื่องฉัน”
ขณะที่อิงเฟยเฟยกำลังจะตะโกนด่า มือข้างที่หิ้วเธออยู่ก็ปล่อยออก ตุบ เธอกลิ้งกลับเข้าไปในถังขยะอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินฉีกถุงขยะสองใบในมือออก หยิบเจลล้างมือในกระเป๋าหนังสือออกมาพลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ “สกปรกจริงๆ”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง
ริมฝีปากของจงจือหว่านสั่น พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “ช่วยเอาตัวเฟยเฟยขึ้นมาหน่อย”
หลังพวกนักเรียนชายเอาตัวอิงเฟยเฟยออกมาแล้วก็รีบถอยไปอย่างรวดเร็ว
เหม็นเป็นบ้า
ชุดนักเรียนของอิงเฟยเฟยกับซับในเลอะขยะทั้งหมด แม้แต่เส้นผมก็มีน้ำมันหยด
น่าสังเวชจนทนดูไม่ไหว
อิงเฟยเฟยโตจนป่านนี้ยังไม่เคยถูกทำให้ขายหน้าแบบนี้มาก่อน
“อิ๋งจื่อจิน จบสิ้นแล้ว ฉันบอกเธอไว้เลย เธอตายแน่!” เธอวิ่งร้องไห้ออกไป “ฉันจะไปฟ้องอาจารย์ จะทำให้เธอไสหัวออกจากห้องเด็กอัจฉริยะไป!”
จงจือหว่านขมวดคิ้ว ไม่ได้ตามไป “ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดหน่อย เดี๋ยวต้องทบทวนบทเรียนตอนเช้า”
พวกนักเรียนต่างมองหน้ากันสักพัก ทำตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่มีใครนึกสนุกอยากหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว
จงจือหว่านยิ่งไม่อยากสนใจเข้าไปใหญ่ ไม่แม้แต่จะมองอิ๋งจื่อจิน
ไม่ถึงสามนาทีอาจารย์ประจำชั้นของคลาสเด็กอัจฉริยะก็มาพร้อมสีหน้าเย็นชา
“อิ๋งจื่อจิน มาที่ห้องพักครูหน่อย”
…
ตอนที่จงมั่นหวารับสายจากโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ ขณะนั้นเธอกำลังนอนจิบชายามเช้าอยู่ในสวน
เดิมทีคิดว่าจะเกี่ยวข้องกับผลการเรียนของอิ๋งจื่อจิน นึกไม่ถึงว่าอาจารย์ประจำชั้นจะโทรมาบอกว่า ลูกสาวเธอทำร้ายนักเรียนหญิงในห้อง ทั้งยังบังคับให้กินขยะ
จงมั่นหวาแทบไม่อยากเชื่อ เธอทั้งตกใจทั้งโมโหในคราวเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นทันที เล่นเอาหมอนวดที่กำลังปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้งตกใจ
“มั่นหวา?” คุณนายมู่ได้ยินเสียงจึงลืมตาขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”
จงมั่นหวาตัวแข็งทื่อ สงบสติอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าลึก “เปล่าค่ะ เรื่องเล็กน้อยที่บริษัท”
เธอจะให้คุณนายมู่รู้ไม่ได้ว่าเธอมีลูกสาวที่รังแกคนอื่น
นี่มันไม่ใช่ปัญหาแค่เรื่องขายหน้าแล้ว แต่เป็นเรื่องสันดาน!
พอนึกถึงตรงนี้จงมั่นหวาก็ตัดสินใจได้แล้ว เธอตอบ “ตอนนี้ฉันไม่ว่าง พวกคุณจัดการเอาเองแล้วกันค่ะ”
หลังวางสายเธอถึงรู้สึกโล่งอก
โชคดีที่ยังไม่ได้แลกสถานะกลับคืนมา ยังเป็นแค่ลูกเลี้ยง ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เหลือหน้าแล้วจริงๆ
คุณนายมู่ก็ไม่ได้ถาม มีเรื่องหนักใจอยู่เหมือนกัน
เมื่อวานเย็นเธอโทรหามู่เฉิง แต่จนกระทั่งถึงเช้าวันนี้ก็ยังไม่มีการตอบกลับ
มู่เฉิงเป็นคนสนิทของมู่เฮ่อชิง เวลาอยู่ข้างนอกเขาเป็นตัวแทนของมู่เฮ่อชิง
คุณนายมู่เข้าไม่ถึงตัวมู่เฮ่อชิง หรือถ้ามีอะไรต้องปรึกษาก็ต้องติดต่อมู่เฉิงก่อน
นี่คงไม่ได้หมายความว่า…พวกเขาโดนเขี่ยทิ้งแล้วนะ
แต่ในบรรดาลูกหลานตระกูลมู่ เฉินโจวถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่ยอดเยี่ยมแล้ว
คุณนายมู่กลุ้มใจกว่าเดิม เธอลองนึกถึงรถมายบัคสีดำคันนั้นให้ดีๆ อีกครั้ง สุดท้ายก็คิดว่าคนที่นั่งอยู่ในรถไม่ใช่มู่เฮ่อชิง
คิดๆ ดูก็น่าจะเป็นแบบนั้น อย่าว่าแต่ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งเลย ต่อให้เป็นผู้มีอำนาจทั้งหลายในเมืองตี้ตู มู่เฮ่อชิงก็ไม่มีทางลดตัวไปพบด้วยตัวเอง
อาจจะแค่ยุ่งอยู่ก็เลยไม่เห็นสายเรียกเข้าของเธอก็ได้
คุณนายมู่หลับตาลงอีกครั้ง ดื่มด่ำกับการนวดต่อ
…
ยี่สิบนาทีต่อมา ภายในห้องพักครู
อิงเฟยเฟยเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว แต่เนื้อตัวเธอยังคงมีกลิ่นเหม็น
เธอยืนร้องไห้กระซิกๆ อยู่ข้างหนึ่ง เสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ
“เฟยเฟยไม่ต้องร้องแล้วนะ” คุณนายอิงที่รีบร้อนมาจากบริษัทกอดเธอไว้ สงสารจับใจ “ไม่ร้องๆ เดี๋ยวแม่จัดการให้”
คุณนายอิงปลอบอิงเฟยเฟยพลางเงยหน้าขึ้น สีหน้าแย่มาก “อาจารย์สวีคะ เฟยเฟยเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับเพื่อนๆ เรื่องนี้พวกคุณต้องจัดการให้ฉันนะคะ”
ขณะพูดก็ส่งสายตาเย็นชาไปยังอิ๋งจื่อจินที่ยืนพิงประตู ความรังเกียจเต็มเปี่ยม
“ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมในคลาสเด็กอัจฉริยะถึงได้มีนักเรียนอย่างเธอ ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ยังไม่รีบขอโทษอีก!”
คุณนายอิงโมโหมาก ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาภาพลักษณ์ เธอปรี่เข้าไปตบนานแล้ว
“คุณนายอิงครับ ใจเย็นก่อนครับ” อาจารย์สวีปวดหัวมาก “เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป เราต้องถามให้รู้เรื่องก่อนครับ”
“ถามอะไร” คุนนายอิงใกล้ระเบิดเต็มที “เฟยเฟยของเราสภาพเป็นแบบนี้แล้ว ยังมีอะไรต้องถามอีกเหรอคะ!”
เสียงของคุณนายอิงดังมาก แม้แต่อาจารย์คนอื่นในห้องพักยังตกใจ
ห้องพักครูภาษาอังกฤษอยู่ข้างๆ อาจารย์เติ้งจึงมาด้วย
พอคนในห้องพักครูมาเยอะขึ้น คุณนายอิงก็จัดเต็มที่ “ถ้าไม่ไล่เด็กคนนี้ออกจากคลาสเด็กอัจฉริยะ ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปโพสต์เวยปั๋ว!”
พอคำพูดนี้ออกมาพวกอาจารย์ก็หน้าถอดสีทันที
อาจารย์สวีลำบากใจ “เฮ้อ นักเรียนอิ๋งจื่อจิน เธอ…”
รังแกเพื่อน จะต้องถูกหักคะแนน
ถ้าร้ายแรงก็ต้องถูกไล่ออก
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น เอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่งพลางเดินขึ้นหน้า ยิ้มอ่อน “อาจารย์เติ้งคะ ขอยืมคอมพิวเตอร์หน่อยได้ไหมคะ”