อาจารย์เติ้งขมวดคิ้ว
ต่อให้มีอคติ แต่มีที่ไหนกันพูดต่อหน้าเด็กแบบนี้
มีแต่ต้องให้กำลังใจนักเรียน
อาจารย์เติ้งส่ายหน้า พูดเสียงเบา อธิบายกับอิ๋งจื่อจินที่อยู่ข้างๆ “จื่อจิน อาจารย์เฮ่อเขาจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันมาน่ะ อีโก้สูง พูดจาตรง อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”
เดิมทีอิ๋งจื่อจินไม่ได้ฟัง และก็ไม่ได้มอง
แต่พอได้ยินคำว่ามหาวิทยาลัยนอร์ตัน ในที่สุดเธอก็ให้สายตากับเฮ่อสวิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้นก็ก้มหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเสิร์ชมหาวิทยาลัยนอร์ตัน กดเปิดเว็บไซต์ทางการภาษาอังกฤษ
เว็บไซต์ทางการไม่ซับซ้อน ก็เหมือนๆ กับมหาวิทยาลัยอื่น
ก็คงหนีไม่พ้นข่าวมหาวิทยาลัย สาขาวิชา รวมถึงรับสมัครนักเรียน เป็นต้น จากนั้นก็มีรูปภาพประกอบจำนวนหนึ่ง
ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน แม้แต่ตึกร้อยปีของยุคกลางก็ยังคงเก็บรักษาไว้
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด
ด้วยนิสัยของคนบ้านั่น ทำให้มหาวิทยาลัยนอร์ตันกลายเป็นสถานศึกษาปกติได้จริงเหรอ
แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้คำว่ามหาวิทยาลัยนอร์ตันคำนี้ได้กลายเป็นตัวแทนอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว
หลายปีมานี้ประเทศจีนประสบผลสำเร็จในการส่งเด็กไปเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้แค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น แต่อย่างไรเสียต่อมาก็ไม่มีคนไหนที่ไม่เป็นบุคคลแนวหน้าของในแต่ละวงการ
เฮ่อสวินไม่ยินดีงั้นก็ช่วยไม่ได้
ประวัติการเรียนของเขาโดดเด่นเกินไป มีคุณสมบัติที่ทำให้ชิงจื้อยอมถอยให้เขาได้
ถ้าเขาลาออกจริงๆ จะเป็นการสูญเสียของชิงจื้อ
ผู้อำนวยการลังเล “นักเรียนอิ๋ง เธอว่า…”
“ผู้อำนวยการไม่ต้องลำบากใจค่ะ” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น “หนูไม่ได้อยากไปคลาสนานาชาติ”
พอฟังถึงตรงนี้เฮ่อสวินก็ขมวดคิ้ว รู้สึกขัดใจ
เกิดความรู้สึกที่ไม่ค่อยพอใจ
คล้ายกับว่าเขาคิดไปเอง
ผู้อำนวยการกลับรู้สึกโล่งอก “ได้ งั้นนักเรียนอิ๋งอยากไปอยู่ห้องไหนล่ะ”
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ห้องสิบเก้าค่ะ”
“ห้องสิบเก้าเหรอ” ผู้อำนวยการอึ้งไปสักพักถึงนึกออกว่าชั้นมอห้ายังมีห้องนี้อยู่
แต่ว่าห้องสิบเก้ามัน…
เขาปวดกบาลขึ้นมาอีกรอบ
สีหน้าของเฮ่อสวินกลับมาเย็นชาอีกครั้ง
เลือกไปห้องสิบเก้า แบบนั้นก็เท่ากับพาตัวเองไปตกต่ำ
ผู้อำนวยการจนปัญญา จำต้องรับปาก “งั้นก็ไปห้องสิบเก้าแล้วกัน”
เขาหยิบทะเบียนนักเรียนที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วออกมา จากนั้นก็เรียกอาจารย์ประจำชั้นห้องสิบเก้ามาหารือเรื่องนี้
เดิมทีก็ไม่ได้ดำเนินการเป็นความลับอะไร อีกทั้งเกี่ยวข้องกับห้องสิบเก้า ไม่นานเว็บบอร์ดโรงเรียนของชิงจื้อก็ปรากฏโพสต์ที่เกี่ยวข้อง
[หัวข้อ : รายงาน—ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนั้นจะมาห้องสิบเก้าแล้ว!]
[เนื้อหา : ตามหัวข้อ เพิ่งได้ข่าวมา ก็คือลูกเลี้ยงที่ใช้เส้นสายจนเข้าไปอยู่คลาสเด็กอัจฉริยะได้คนนั้น น่าจะเพราะไปทำร้ายคนอื่น ตอนนี้คลาสเด็กอัจฉริยะไม่เอาเธอแล้ว คลาสนานาชาติก็ไม่เอา เธอเลยต้องย้ายไปอยู่ห้องสิบเก้า เพื่อนๆ ชาวห้องสิบเก้า เราขอไว้อาลัยให้สามวินาที]
โพสต์สั้นๆ แค่นี้ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ปรากฏเกือบร้อยคอมเมนต์
[คอนเมนต์ 1 : อะไรนะๆๆ]
[คอนเมนต์ 2 : หา? ไปห้องสิบเก้าเหรอ ควรจะบอกว่าเธอใจกว้างหรือใจกล้าดีล่ะ]
[คอนเมนต์ 3: งั้นเธอก็จบเห่แล้ว พี่หรานไม่มีทางให้เธอเข้าไปหรอก]
[คอนเมนต์ 4: ขายเม็ดกวยจี๊จ้า โค้กก็มีนะ ปลาเส้นห่อละห้าเหมา]
[คอนเมนต์ 5: อย่าว่าแต่พี่หรานเลย เจ๊อวี่ก็ไม่มีทางยอมหรือเปล่า]
…
[คอนเมนต์ 108 : ว้าว ห้องสิบเก้าน่าสงสารไปหรือเปล่า ยังไงซะฉันก็ไม่ได้ประทับใจลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนี้นักหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะยัยนี่นะ ทำไมนางฟ้าอิ๋งจะต้องโมโหจนไปต่างประเทศด้วย]
[คอนเมนต์ 109 : นั่งรอพี่หรานกับเจ๊อวี่ตะเพิดยัยลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนี้ออกไป]
…
[คอนเมนต์ 470 : ขอบคุณที่มาเชิญออกจากคลาสเด็กอัจฉริยะไป ในที่สุดยัยตัวถ่วงก็ไสหัวออกไปซะที]
คลาสเด็กอัจฉริยะประหนึ่งเฉลิมฉลองเทศกาล ช่วงพักคั่นคาบก็ไม่ทบทวนกันแล้ว เริ่มตอบโพสต์กัน
จงจือหว่านกดปิดโทรศัพท์แล้วเริ่มท่องหนังสือ
เธอรอเห็นอิ๋งจื่อจินไสหัวไปห้องสิบเก้า
…
ม.5/19
เด็กนักเรียนที่ไว้ผมทรงพังค์หลายคนล้อมกันอยู่ตรงแท่นปราศรัยหน้าห้อง ใช้คอมพิวเตอร์เข้าเว็บบอร์ด ยิ่งอ่านหน้ายิ่งบึ้ง
“ไอ้X ผู้อำนวยการคิดไงของเขา คิดว่าห้องสิบเก้าของเราใครจะเข้ามาก็ได้งั้นเหรอ”
ม.5/19 มีฉายาว่า ‘ห้องอย่าให้พูดถึง’
เพราะห้องนี้เป็นที่รวมตัวของนักเรียนมีปัญหาสารพัด อาจารย์เอาไม่อยู่ ผู้ปกครองไม่ว่างสนใจ
ไม่เพียงเท่านี้ บรรดาตัวพ่อตัวแม่ของชิงจื้อต่างอยู่ที่นี่ทั้งนั้น
ใครจะกล้ามีเรื่องได้
นักเรียนห้องอื่นเวลาเจอนักเรียนห้องสิบเก้าก็จะเดินเลี่ยง ไม่อยากมีปัญหา
นี่ยังจะมีคนกล้าขอมาเข้าห้องสิบเก้าด้วยเหรอ
นักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา เอาเท้าถีบพวกคนที่อยู่ตรงนั้น “เบาๆ หน่อย เดี๋ยวพี่หรานตื่น”
คนพวกนั้นพากันเงียบ หันไปมองทางซ้ายโดยอัตโนมัติ
แสงแดดนอกหน้าต่างกำลังดี คนคนนั้นกลับฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ
หัวของเขาซุกอยู่ในชุดนักเรียน มองไม่เห็นลักษณะท่าทาง
ชุดนักเรียนแขนสั้นเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เด็กวัยรุ่นเท่านั้นถึงจะมี งดงามสมบูรณ์แบบ
เสียงหนวกหูภายในห้องเงียบในชั่วพริบตา แต่ก็ไม่ทันแล้ว
คนคนนั้นขยับตัว เงยศีรษะขึ้นจากโต๊ะ ปอยผมบนหน้าผากปกปิดดวงตาอันงดงาม
ท่าทางหงุดหงิด
นักเรียนคนอื่นต่างอยู่ห่างๆ ด้วยความยำเกรง
ลูกน้องคนหนึ่งทำหน้าขมขื่นเดินเข้าไป “พะ พี่หราน มีคนจะย้ายมาอยู่ห้องเรา ก็คือคนที่…”
เจียงหรานไม่รอฟังจนจบ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและโมโห “จะสนทำไมว่าใคร มาจากไหนก็ให้ไสหัวกลับไปทางนั้น”
เมื่อได้รับอนุญาต บรรดาลูกน้องก็พากันโห่ร้องด้วยความดีใจ
“พี่หรานโคตรเท่!”
“พี่หราน เดี๋ยวขู่ยัยนั่นเลยนะ เอาให้ร้องไห้ไปเลย!”
พวกลูกน้องพากันย้ายเก้าอี้ รินน้ำ ปรนนิบัติเจียงหรานให้นั่งลงที่ตรงประตูห้องเรียน
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าตรงระเบียงทางเดิน
เจียงหรานกรอกน้ำเข้าปาก หรี่ตาลง มองไปพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ ในห้อง
เด็กสาวสวมชุดนักเรียนสีขาวสลับน้ำเงิน สะพายกระเป๋าหนังสือไว้ที่ไหล่ขวา
ราวกับรู้สึกได้ถึงอะไร เธอหันหน้า ดวงตาหงส์กวาดตามอง
หันหน้ากลับมามองตรง อยู่ห่างระยะหนึ่งยังคงสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาต
เจียงหรานกำขวดน้ำเปล่าในมือแน่น ลูกกระเดือกขยับ
พวกลูกน้องที่อยู่ข้างตัวเงียบไปชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที…
“ไอ้X นี่มันนางฟ้าที่ไหน มีอยู่จริงดิ”
“หุบปากไปเลย หน้าตาดีแล้วไง หน้าตาดีก็มาอยู่ไม่ได้”
“ใช่ พวกเราไม่ใช่คนที่มองคนที่หน้าตา พี่หราน แต่ว่าพี่…เดี๋ยวพี่เบามือหน่อยนะ”
เจียงหรานแสยะยิ้ม “ออกไป”
พวกลูกน้องพากันเงียบ
อ่อ แต่คิดๆ ดูก็จริง
พี่หรานของพวกเขาไม่เคยพูดจาดีกับเพศตรงข้ามคนไหนนอกจากเจ๊อวี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทะนุถนอมเลย
เจียงหรานลุกขึ้น โยนขวดน้ำในมือทิ้งแล้วถึงเดินขึ้นหน้าอย่างไม่รีบร้อน
อิ๋งจื่อจินก็เดินเข้ามาใกล้ในเวลานี้พอดี เธอหยุดลง
พวกลูกน้องจ้องไปข้างหน้าตาเขม็ง อยากรอดูว่าอีกเดี๋ยวลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนี้จะไสหัวออกไปสภาพไหน แล้วก็ได้ยินตัวพ่อของชิงจื้อพูดขึ้น
“อยากเข้าห้องสิบเก้าเหรอ เอาสิ” สองมือของเจียงหรานล้วงกระเป๋ากางเกง ตามองเด็กสาวตรงหน้า “เอาชนะฉันให้ได้แล้วฉันจะหลีกทางให้เข้าไป”
“ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวกลับคลาสเด็กอัจฉริยะของเธอไป”
พวกลูกน้องแสดงสีหน้าเลื่อมใสขึ้นมาทันที
สมกับเป็นพี่หราน กล้าลงมือแม้กระทั่งสาวที่สวยระดับนางฟ้าแบบนี้ มิน่าถึงได้ครองโสดมายาวนานขนาดนี้
พวกนักเรียนหญิงมักขี้ขลาด จะต้องตกใจกลัวจนวิ่งหนีแน่นอน
ใครจะรู้ว่าพอเด็กสาวได้ยินแบบนั้นกลับวางกระเป๋าหนังสือลง
จากนั้นเธอก็พับแขนเสื้อขึ้นครึ่งหนึ่งด้วยท่าทางสง่างาม ถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อให้มีพื้นที่ว่างเพียงพอ
พวกลูกน้องมองด้วยความงุนงง
เจียงหรานค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหรี่ลงครึ่งหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ได้ เข้ามาสิ”