B=2W Baud
นี่เป็นสูตรอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดของช่องทางสื่อสาร
หากสาขาที่เรียนไม่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ อย่าว่าแต่จะเข้าใจสูตรนี้เลย แม้แต่ชื่อภาษาจีนของสูตรนี้ก็ยังจะไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำ
ไม่ใช่สูตรที่นักเรียนมอปลายจะได้เจอแน่นอน
เฮ่อสวินอึ้ง เขาอึ้งไปสามวินาที
จนกระทั่งอิ๋งจื่อจินที่กำลังดูโทรศัพท์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
ดวงตาของเธอเปล่งประกาย สีหน้าเรียบเฉย
แสงแดดที่สาดส่องช่วยขับให้กรอบหน้าของเด็กสาวดูเย็นชา ราวกับหมอกขาวกลายเป็นหิมะ เย็นยะเยือกจนน่ากลัว
เฮ่อสวินสบตาเธอ อึ้งไปอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินยื่นโทรศัพท์ให้ซิวอวี่แล้วลุกขึ้น “รอเดี๋ยวนะ”
ซิวอวี่กำลังเติมเงิน พอได้ยินก็เงยหน้าขึ้น “ทำไมเหรอ”
เธอมองไปอย่างไม่เข้าใจ เห็นเฮ่อสวินที่ยืนอยู่ตรงประตูหลัง
ขณะที่ซิวอวี่กำลังคิดว่าทำไมเฮ่อสวินยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ทันใดนั้นเธอก็เห็นอิ๋งจื่อจินปิดประตูหลัง ทั้งยังเอากระดาษแปะบนหน้าต่างประตูหลัง
ไม่แม้แต่จะให้เฮ่อสวินโผล่หน้า
ซิวอวี่ “…”
ได้ ถ้าวัดเรื่องความอวดดีเธอยอมให้แค่พ่ออิ๋ง
แม้แต่นักศึกษายอดเยี่ยมของมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ยังไม่ให้เกียรติ
อิ๋งจื่อจินกลับมานั่ง หยิบโทรศัพท์
เนื่องจากช่วงไลฟ์สดไม่มีคน เธอจึงได้แค่เขียน
ตัวหนังสือของเธอก็สวยมาก มีชีวิตชีวา เป็นระเบียบเรียบร้อย
ซิวอวี่ได้สติกลับมา “ฉันส่งจรวดให้เธอไปร้อยอัน จะทำให้มีดาวตกบนหน้าจอ ผู้ใช้งานคนอื่นก็จะมองเห็น พ่ออิ๋ง อย่าท้อนะ จะต้องมีคนมาดูไลฟ์สดสอนฟิสิกส์แน่นอน”
“เดี๋ยวคืนให้นะ”
“เกรงใจทำไม ยังไงซะฉันก็มีเงินเยอะแยะ ใช้ไม่หมดหรอก”
อิ๋งจื่อจินรู้สึกว่าตัวเองจนมากเป็นครั้งที่สอง “…”
เธอถอนหายใจ นวดศีรษะ ละสายตากลับมาที่โทรศัพท์
เนื่องจากความใจป้ำของซิวอวี่ที่ใช้เงินฟาดไปหนึ่งแสนหยวน ความนิยมของไลฟ์นี้จึงทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่คนที่เข้ามาต่างงงไปหมด
ข้อแรกพวกเขาไม่เห็นหน้าคนไลฟ์ ข้อสองไม่ได้ยินเสียง มีเพียงกระดาษที่มีตัวอักษรเต็มหน้าใบเดียว
[เจ้าของไลฟ์เขียนอะไรอะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย]
[ดูไม่ออกเหรอ นี่เป็นสูตรฟิสิกส์ของไนควิสต์]
[ไน…อะไรนะ]
[โอ้โห เจ้าของไลฟ์โคตรเก่ง เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าสูตรนี้ใช้แบบนี้ได้ด้วย]
[สุดๆ สุดๆ ระดับการศึกษาของเจ้าของไลฟ์จะต้องสูงกว่าอาจารย์ที่ปรึกษาในมหาลัยฉันอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าเป็นปรมาจารย์ท่านไหน]
[เดี๋ยวนะสหายทุกท่าน ดูเข้าใจกันหมดเลยเหรอ]
[ไม่เข้าใจหรอก แต่นี่มันเกี่ยวอะไรกับที่ผมรู้สึกว่ามือเจ้าของไลฟ์สวยมากด้วยล่ะ]
พอคอมเมนต์นี้ลอยผ่านหน้าจอไป คนที่ส่งข้อความก็ส่งจรวดมาร้อยอัน
ซิวอวี่ “?”
แบบนี้ก็ได้เหรอ
[เจ้าของไลฟ์พูดหน่อยสิ ไลฟ์สดไม่สื่อสารกันไม่ได้หรอกนะ ไม่อยากฟังฟิสิกส์อะ อยากฟังเคมี]
อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนท่านั่ง หยิบกระดาษมาอีกแผ่น เริ่มอ้าปากพูดแล้ว “ได้”
[ตอนที่เห็นเจ้าของไลฟ์เขียนสูตรบ็อลทซ์มันนะ ในที่สุดฉันก็เข้าใจ เจ้าของไลฟ์น่าจะเป็นผู้รอบรู้ด้านวิทยาศาสตร์]
[ทำไมฟังจากเสียงก็ยังฟังไม่ออกว่าเจ้าของไลฟ์เป็นชายหรือหญิง แต่เสียงเพราะดีนะ]
ซิวอวี่ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ไม่เหมือนเสียงเวลาอิ๋งจื่อจินพูดปกติ แต่ก็ไม่ได้สนใจ
เธอยกนิ้วโป้งให้ “พ่ออิ๋ง เธอสุดยอดมาก”
ถ้าคลาสเด็กอัจฉริยะรู้เข้าคงได้เสียใจตาย
คิดๆ แล้วก็สะใจ
…
ตรงระเบียงทางเดิน
เฮ่อสวินที่ถูกปิดกั้นไว้ด้านนอกยังไม่ได้สติกลับมา
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีสีหน้าของเขาถึงค่อยๆ เย็นชาลง
อาจารย์เติ้งยังพูดอีกว่าต่อไปอนาคตของอิ๋งจื่อจินจะก้าวหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด เขากลับมองไม่ออก แต่กลับรู้สึกว่าหมดทางเยียวยาแล้วด้วยซ้ำ
“อาจารย์เฮ่อ”
มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง
เฮ่อสวินหันไป สีหน้าผ่อนคลายลง “นักเรียนจง”
เขามีท่าทีใจกว้างกับนักเรียนที่เรียนดีมาแต่ไหนแต่ไร
“อาจารย์เฮ่อคะ สีหน้าอาจารย์ดูไม่ค่อยดี” จงจือหว่านมองป้ายหน้าห้อง ลังเลเล็กน้อย “เพราะเรื่องของน้องที่เป็นญาติหนูหรือเปล่าคะ”
เฮ่อสวินขมวดคิ้ว
ถ้าจงจือหว่านไม่พูดถึง เขาก็เกือบลืมสูตรนั่นที่เขาเห็นเมื่อครู่ไปแล้ว
ตอนนี้มาคิดดูอิ๋งจื่อจินคงลอกมาจากในเน็ตเพื่อเอามาบังที่ตัวเองเล่นโทรศัพท์
และก็คงนึกไม่ถึงว่าไปลอกพวกทฤษฎีที่เด็กมหาวิทยาลัยถึงจะได้เรียนออกมา
ตายตอนจบเสียอย่างนั้น
“อาจารย์เฮ่ออย่าถือสาเลยนะคะ” จงจือหว่านยิ้ม “น้องของหนูก็นิสัยแบบนี้ เธอเองก็คงเก็บกดมานาน ช่วงนี้อารมณ์รุนแรงไปหน่อย พวกเราต้องอย่าไปถือสา”
พอได้ยินคำพูดนี้ คิ้วของเฮ่อสวินก็ขมวดแน่นขึ้น “มาอาศัยคนอื่นก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นผู้อาศัย”
จงจือหว่านยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่พูดอะไร ราวกับยอมรับคำพูดนี้
…
วันที่สามเป็นวันอาทิตย์ เพื่อเป็นการฉลอง ห้องสิบเก้าได้จองห้องส่วนตัวที่คิงคลับไว้โดยเฉพาะ เล่นไพ่ร้องเพลงกันครึกครื้น
อิ๋งจื่อจินพบว่าไม่มีขนมที่เธออยากกิน เตรียมจะออกไปซื้อ
เจียงหรานที่อยู่ข้างๆ เห็นเข้า จึงแสร้งทำเป็นไอเหมือนไม่สนใจ “ฉันไปกับเธอแล้วกัน”
พอดีเขาจะขอสู้ด้วยอีกครั้ง คราวนี้เขาจะไม่มีทางอ่อนข้อให้เด็ดขาด
เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะสู้ผู้หญิงไม่ได้
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา แต่ก็ไม่พูดอะไร
ซิวอวี่มองเจียงหรานที่เดินตามหลังอิ๋งจื่อจินออกไป พูดด้วยความสงสัย “หมอนี่ยอมสยบให้ความยิ่งใหญ่ของพ่ออิ๋งแล้วงั้นเหรอ”
พวกลูกน้องเองก็งง ทำได้เพียงยัดไมโครโฟนให้ซิวอวี่ “เจ๊อวี่ ร้องเพลงหน่อย”
เจียงหรานย่อมไม่มีทางยอมสยบ เพิ่งเดินออกมาได้ไม่นานก็ทนต่อไปไม่ไหว พูดตามตรง “นี่ ยัยเด็กย้ายห้อง เธอเคยฝึกอะไรมา มวยไทยเหรอ หรือยูโด”
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ กำลังมองรายการขนมในโทรศัพท์
“เอาแบบนี้ เธอมาสู้กับฉันอีกครั้ง” เจียงหรานทำเสียงจึ๊ “จากนั้นฉันจะยกซูเปอร์มาร์เก็ตให้เธอแห่งนึงเป็นไง”
ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็มองเขา “หนวกหูจริง”
“…งั้นเธอว่ามา ทำไงถึงจะยอมสู้กับฉัน” ด้วยความที่อยากเอาชนะ เป็นครั้งแรกที่เจียงหรานไม่อาละวาด “เอาที่ฉันทำให้ได้ด้วยนะ”
อิ๋งจื่อจินยังคงตั้งใจดูโทรศัพท์ และก็ถือโอกาสตอบข้อความของฟู่อวิ๋นเซิน
เจียงหรานก็มองเธออยู่
ทั้งสองคนอยู่ในลักษณะนี้
อีกฟากของถนน เจียงมั่วหย่วนที่เพิ่งออกมาจากโรงแรมเห็นภาพนี้เข้าพอดี
เลขาที่อยู่ข้างๆ พูดด้วยท่าทางตกใจมาก “ท่านสามครับ นั่นคุณชายเจียงหรานไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเขาถึงอยู่กับคุณหนูรองอิ๋ง ทั้งยังดู…”
เธอไม่กล้าพูดคำว่าสนิทสนมออกมา ได้แต่หยุดเพียงเท่านี้
เจียงมั่วหย่วนสีหน้าเปลี่ยน “รอผมอยู่ที่นี่”
พูดจบเขาก็สาวเท้าเดินข้ามไป
เจียงหรานไม่รู้ว่าเจียงมั่วหย่วนอยู่แถวนี้ เขาพูดขึ้น “เอาแบบนี้ ฉันจะซื้อชานมให้เธอสิบแก้ว ได้มะ”
ไม่รอให้อิ๋งจื่อจินตอบ เขาเดินเข้าร้านชานมที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่รีรอ
พอเจียงหรานเดินออกไป เจียงมั่วหย่วนก็มาถึง
น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา ครั้งนี้เจือไปด้วยความรังเกียจ
“อิ๋งจื่อจิน เธอยังจะเอาไงอีก เพราะฉันไม่ชอบเธอ เธอก็เลยเลือกเข้าหาเจียงหรานงั้นเหรอ”
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
เมื่อเจอกับใบหน้าไร้การแต่งแต้มของเด็กสาว เจียงมั่วหย่วนก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นน้ำเสียงก็เย็นชายิ่งกว่าเดิม “ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย ลูกไม้ตื้นๆ ของเธอใช้กับฉันไม่ได้ผล อยู่ให้ห่างจากเจียงหรานเข้าไว้ เขาไม่ใช่คนที่เธอจะเอื้อมถึง”
“ฉันส่งเธอเรียน ไม่ได้ให้เธอมาทำเรื่องพวกนี้ แล้วก็ เธอยังไม่ได้ขอโทษลู่เวย”
อิ๋งจื่อจินยังคงไม่พูดอะไร ถึงขนาดที่แววตาไม่แม้แต่จะขยับ
การมองข้ามแบบนี้ทำให้เจียงมั่วหย่วนคาดไม่ถึง อึ้งไปอย่างบอกไม่ถูก
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เพราะเด็กสาวมองเขาสามวินาที จากนั้นก็ยกมือขึ้น เอาโค้กที่ยังดื่มไม่หมดเทใส่ตัวเขา
ท่าทางเชื่องช้า แต่รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน
ในเวลาแค่หนึ่งวินาที ชุดสูทสั่งตัดมูลค่าสามแสนก็เละในทันที
เจียงหรานเพิ่งกลับมาจึงเห็นเหตุการณ์นี้พอดี อดอึ้งไปไม่ได้
แต่นี่ยังไม่จบ
เขาเห็นพ่ออิ๋งขวัญใจคนใหม่ของห้องพวกเขาหยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าใบหนึ่งแล้วโยนใส่หน้าเจียงมั่วหย่วน