ในรูปเป็นอิ๋งจื่อจินกับเจียงมั่วหย่วนกำลังกอดกัน ท่าทางสนิทสนมกันมาก
ไม่เพียงเท่านี้บนชุดสูทของเจียงมั่วหย่วนยังมีรอยเลอะน้ำสีเข้มที่คล้ายกับไวน์
ใบหน้าด้านข้างของเขา สีหน้าดูแย่มาก
อิงเฟยเฟยจ้องรูปถ่ายรูปนี้ เลือดในกายเริ่มพลุ่งพล่าน
เธอกำลังกลุ้มอยู่ว่าจะสั่งสอนอิ๋งจื่อจินอย่างไร โอกาสก็มาหาพอดี
ขอเพียงแค่รูปใบนี้ถูกเปิดโปง ไม่เพียงแต่อิ๋งจื่อจินจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ยังจะถูกไล่ออกจากตระกูลอิ๋งอีกด้วย
อิงเฟยเฟยตื่นเต้นมาก ส่งวีแชทไปขอวิธีติดต่ออิ๋งลู่เวย แต่เพียงชั่วพริบตาเธอก็ปฏิเสธความคิดนี้
ไม่ได้ เอาให้อิ๋งลู่เวยไม่ได้
อิ๋งลู่เวยดีกับอิ๋งจื่อจินขนาดนั้น ไม่แน่อาจทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อิงเฟยเฟยคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายตัดสินใจเอารูปนี้ส่งให้กลุ่มแฟนคลับของอิ๋งลู่เวย
กระแสเวยปั๋วคราวก่อน ถึงแม้สุดท้ายจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ แต่เนื่องจากสร้างจุดด่างพร้อยให้อิ๋งลู่เวย แฟนคลับของอิ๋งลู่เวยจึงไม่พอใจอิ๋งจื่อจินอย่างมาก
แน่นอนว่าความไม่พอใจนี้ไม่ได้ถูกแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่ลับหลังย่อมมีการประชดประชันแดกดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้าพวกแฟนคลับพบว่าอิ๋งจื่อจินอ่อยเจียงมั่วหย่วนว่าที่พี่เขยของพวกเขา จะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่
อิงเฟยเฟยแสยะยิ้ม เปิดเวยปั๋ว ส่งรูปนี้ให้คนหลักๆ ที่ดูแลกลุ่มแฟนคลับอิ๋งลู่เวยสองสามคน
เธอจะรอดูว่าครั้งนี้อิ๋งจื่อจินยังจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรได้อีก
…
เจียงหรานหน้าบึ้ง กลับเข้าไปในห้องคาราโอเกะคนเดียว
ซิวอวี่เอาเท้าสะกิดเขาหนึ่งที “ทิ้งพวกเราไปไหนมา”
เจียงหรานโมโหมาก ทำเสียงฮึดฮัด “ไปกับผู้ชายเฮงซวยแล้ว”
รับปากแล้วว่าจะสู้กับเขา เบี้ยวนัดเฉยเลย
พวกลูกน้องฟังแล้วก็หวาดกลัว “พี่หราน ผู้ชายเฮงซวยนั่นหน้าตาเป็นไง พวกเราจะมีแม่แล้วเหรอ”
“ไสหัวไป!” เจียงหรานโมโหจนหัวเราะ “แต่ละคนมีแต่ความคิดเพี้ยนๆ”
เขาโมโหมาก หยิบมือถือออกมาส่งวีแชท
[ฉันขอบอกเธอเลยนะ ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่คนดีอะไร ทางที่ดีเธออยู่ห่างเขาเข้าไว้ รู้หรือเปล่าว่าเมื่อก่อนเขาเคยเกือบฆ่าคนตาย]
ไม่ตอบ
เจียงหรานยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ส่งอีกข้อความ
[เขาใช้ชีวิตอยู่ในตี้ตูมาสิบปี เพิ่งมาฮู่เฉิงตอนสิบสี่ เธอลองคิดดูตอนเขาทำร้ายคนเขาอายุเท่าไร อายุแค่นั้นก็อารมณ์รุนแรงขนาดนั้นแล้ว เกิดวันไหนทำร้ายเธอขึ้นมาจะทำไง]
ยังคงไม่ตอบ
เจียงหรานทำได้เพียงส่งสติกเกอร์ไปอีก
ครั้งนี้กลับมีการตอบกลับ
[ข้อความของคุณถูกส่งไปแล้ว แต่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ]
เจียงหรานจ้องเครื่องหมายตกใจสีแดงอันนั้นสามวินาที โมโหจนปาโทรศัพท์ทิ้ง หยิบเบียร์ขึ้นมากรอกปาก นาทีเดียวดื่มไปเจ็ดแปดขวด
พวกลูกน้องจ้องตาค้าง
“วันนี้หมอนี่ดูผิดปกติจริงๆ สงสัยอาการกำเริบอีกแล้ว” ซิวอวี่ถอนหายใจ “เดี๋ยวฉันถามดูว่าพ่ออิ๋งอยู่ไหน”
มีข้อความตอบกลับทันที
[มีธุระนิดหน่อย ไว้วันอื่นค่อยนัดใหม่]
พอตอบซิวอวี่เสร็จ อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้เอาวีแชทของเจียงหรานออกจากบัญชีดำ รู้สึกเพียงว่าความสงบกลับมาอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“เยาเยา”
หูด้านขวาได้ยินเสียงคนเรียกเธอ
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น “ทำไมเหรอ”
“พี่ชายดีใจที่เธอมีเพื่อนใหม่” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา น้ำเสียงอบอุ่น “เธออายุเท่านี้ควรคลุกคลีอยู่กับเพื่อนวัยเดียวกันให้มาก”
ตระกูลอิ๋งกดดันเธอมาตลอดหนึ่งปี เขายังกลัวอยู่ว่าสภาพจิตใจของเธอจะมีปัญหา
จะปล่อยให้เป็นแบบเขาไม่ได้
“ไม่รีบ” อิ๋งจื่อจินปัดฝุ่นบนแขนเสื้อ น้ำเสียงเรียบเฉย “คุณช่วยฉันไว้ ฉันก็ย่อมต้องช่วยคุณกลับ”
เธอไม่ได้จงใจปิดบังเรื่องที่ตัวเองมีความรู้ทางการรักษา แม้จะมีความเป็นไปได้สูงว่าตัวตนจะถูกเปิดเผยก็ตาม
แม้จะผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ทั้งเจ็ดทวีป สี่มหาสมุทร ก็ยังคงมีหลายคนที่กำลังตามหาตัวเธอ
ฟู่อวิ๋นเซินชะงักไปหนึ่งวินาทีแบบที่เห็นได้ยาก “มีที่ไหนกันพี่ชายมาขอให้น้องสาวช่วย ที่เคยช่วยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เธอช่วยพี่ชายเยอะกว่าอีก”
“อ่อ หมายถึงยาพวกนั้นน่ะเหรอ” อิ๋งจื่อจินไม่ได้ใส่ใจเท่าไร “อร่อยสู้ลูกอมไม่ได้”
ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว เสียงหัวเราะดังมาจากลำคอ
เขาให้คนเอาส่วนประกอบของยาพวกนั้นไปวิเคราะห์
ไม่ใช่สมุนไพรที่หายากอะไร ประสิทธิภาพก็พูดได้แค่ว่าธรรมดามากเมื่อเทียบกับแวดวงแพทย์แผนโบราณของจีนกับแวดวงการเล่นแร่แปรธาตุของยุโรป
แต่ก็เป็นเพราะยาที่เด็กน้อยให้เขาทำมาจากสมุนไพรธรรมดาๆ นี่แหละ ถึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าฝีมือการรักษาของเธอไม่ธรรมดา
แต่ก็ยังไม่พอจริงๆ
ไม่เพียงแต่ภายในร่างกายของผู้เฒ่าฟู่จะมีอาการที่ฝังรากลึก ยังมีพิษอยู่ชนิดหนึ่งอีกด้วย
เขาสืบอยู่นานก็ยังไม่พบต้นตอของพิษชนิดนี้
ฝีมือการรักษาสูงไม่ได้หมายความว่าสามารถถอนพิษได้
เขาเองก็ไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้เด็กน้อย
เด็กสาวพยายามสะกดความง่วง เธอกระชับเสื้อกันหนาว “ไปเถอะ ยังไงซะฉันก็มีเวลาเยอะ ไปดูปู่ของคุณหน่อย”
…
วันนี้คฤหาสน์ตระกูลฟู่ไม่มีใคร เหลือแค่ผู้เฒ่ากับคนดูแล
ลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย
ข้อแรก ฟู่อวิ๋นเซินไม่อยากให้อิ๋งจื่อจินเจอคนตระกูลฟู่ ข้อสอง สะดวกในการเยี่ยมผู้เฒ่าฟู่มากกว่า
ในฐานะที่ตระกูลฟู่เป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ จึงมีการแตกออกเป็นกลุ่มย่อยเยอะมาก วุ่นวายไม่แพ้ตระกูลใหญ่ของทางตี้ตู ความขัดแย้งชิงชังกันเองมีอยู่ไม่น้อย
แม้แต่ภายในคฤหาสน์ยังมักเจอเครื่องดักฟังกับกล้องแอบถ่ายขนาดเล็กอยู่บ่อยๆ
ฟู่อวิ๋นเซินขยับตำแหน่งแจกันหลายใบอย่างไม่ใส่ใจนักแล้วถึงพาเด็กสาวขึ้นไปชั้นบน
ผู้เฒ่าฟู่กำลังรับแดดอยู่ที่ระเบียง โยกเก้าอี้โยก ทั้งยังฮัมเพลงเบาๆ อีกด้วย
พอได้ยินเสียงฝีเท้าเขาถึงลุกขึ้น “เจ้าเจ็ด มาแล้วเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบอย่างสุภาพ “ครับ และนี่ เพื่อเป็นการเติมเต็มความปรารถนาของปู่ ผมพาสาวน้อยกลับมาให้ปู่ดูด้วยครับ”
อิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย “คุณปู่ฟู่”
“เอ๊า!” ผู้เฒ่าฟู่ยิ้มหน้าบาน ควักอั่งเปาซองหนาออกมา “ปู่เป็นศัตรูตัวฉกาจของคุณตาของหนูมานานแล้ว ทำตัวตามสบายนะ”
วันนั้นหลังจากผู้เฒ่าจงมาเยี่ยมเขา ได้แอบเล่าให้ฟัง เขาถึงได้รู้ว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งต่างหากที่เป็นลูกเลี้ยงอย่างแท้จริง
น่าสงสารเหมือนเจ้าเจ็ดของเขา
อิ๋งจื่อจินไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจของคนแก่ ขณะที่ยื่นมือไปรับได้ลองจับชีพจรของผู้เฒ่าฟู่ วิเคราะห์อาการแฝงภายในร่างกายของเขาได้ในชั่วพริบตา
พิษได้กัดกร่อนชีพจรของผู้เฒ่าฟู่ สามปีที่ผ่านมานี้อยู่ได้ด้วยยาเท่านั้น
อาการแย่กว่าที่เธอคิดไว้มาก
อีกทั้งพิษชนิดนี้…
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า สายตาเย็นชาดุจน้ำ
ทำให้เธอนึกถึงคนเคยรู้จักคนหนึ่ง เป็นความทรงจำที่เลวร้ายมาก
ผู้เฒ่าฟู่ยิ่งมองเด็กสาวก็ยิ่งพอใจ ตะล่อมถาม “จื่อจิน หนูคิดว่าอวิ๋นเซินของเราเป็นยังไงบ้าง”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า สีหน้ากึ่งยิ้ม “คุณปู่”
ผู้เฒ่าฟู่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“คะ?” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ก็ดีค่ะ”
“อ่อๆ งั้นก็ดี” ผู้เฒ่าฟู่พอจะเข้าใจแล้ว ดีใจเหลือเกิน “ตอนเย็นกินข้าวด้วยกันนะ”
หลานสะใภ้เขาเอาคนนี้นี่แหละ ทางที่ดีเอาให้ตาแก่จงอกแตกตายไปเลย
…
อาหารเย็นสำหรับสามคน คนรับใช้จัดเตรียมได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากอิ๋งจื่อจินกินเสร็จ อยู่จนถึงสองทุ่มก็กลับ
เวลานี้เองที่หัวหน้ากลุ่มแฟนคลับอิ๋งลู่เวยในเวยปั๋วได้โพสต์ข้อความหนึ่งพร้อมภาพถ่ายหนึ่งภาพ ทั้งยังแท็กเวยปั๋วทางการของอิ๋งซื่อกรุ๊ป
แอททีมสนับสนุนอิ๋งลู่เวย : [ไม่ได้มีเจตนาจะใช้ทรัพยากรสาธารณะ และไม่ได้อยากรบกวนทุกท่าน แต่เรื่องนี้มันเลวร้ายเกินไป ถึงต้องขอโพสต์ออกมา ต้องขออภัยทุกคนล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้
ขอถาม แอทอิ๋งซื่อกรุ๊ป พวกคุณยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่ไหม!
ถ้าจำไม่ผิดลู่เวยของพวกเราหมั้นกับพี่เขยแล้วไม่ใช่เหรอ งั้นลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ (อีโมติคอนสงสัย) (อีโมติคอนสงสัย) (อีโมติคอนสงสัย)]