คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 79 อิ๋งจื่อจินเหมือนใครคนหนึ่ง

พอคำพูดนี้ออกไป อย่าว่าแต่คุณนายจง แม้แต่จงมั่นหวาก็อึ้งไปชั่วขณะ

จงจือหว่านเงยหน้าด้วยความเหลือเชื่อยิ่งกว่า “คุณปู่?”

ให้เธอขอโทษเหรอ

คนที่ต้องขอโทษไม่ควรเป็นอิ๋งจื่อจินหรอกเหรอ

จงมั่นหวาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

โบราณว่าไว้ ‘ลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วเปรียบเหมือนน้ำที่สาดรดออกไป’ เธอแต่งไปอยู่ตระกูลอิ๋งก็คือคนของตระกูลอิ๋ง ลูกสาวที่คลอดออกมาก็แซ่อิ๋ง

สำหรับตระกูลเศรษฐีที่ให้ความสำคัญกับการสืบสกุลอย่างพวกเขา หลานสาวสายนอกไม่สำคัญเท่าหลานสาวสายใน อย่างไรเสียก็คนละแซ่

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เจอตัวอิ๋งจื่อจิน ผู้เฒ่าจงยังไม่ดีต่อเสี่ยวเซวียนมากไปกว่าที่ดีกับจงจือหว่าน

ทำไมตอนนี้…

“ท่านผู้เฒ่าคะ!” ไฟโกรธของคุณนายจงจุดติดขึ้นมาแล้ว “หว่านหว่านต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ ทำไมท่านถึงให้ลูกเลี้ยง…”

“หุบปาก!” ผู้เฒ่าจงตวาดเสียงอีกรอบ “ตอนนี้ใช่เวลาพูดของเธอเหรอ”

คุณนายจงถึงกับอึ้งสนิท

ผู้เฒ่าจงมองจงจือหว่าน “ทำไมหลานถึงโยนสัตว์เลี้ยงของจื่อจินลงทะเลสาบ”

พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของจงจือหว่านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เธอนึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าจงจะรู้เรื่องด้วย

จงจือหว่านกัดริมฝีปากบีบน้ำตา พูดด้วยเสียงสะอื้น “ทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ค่ะ”

“แล้วหลานจะจัดการได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นเหรอ นั่นใช่สัตว์เลี้ยงของหลานเหรอ หลานเป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนหรือเปล่า หา?” หน้าอกของผู้เฒ่าจงกระเพื่อมอย่างหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่าโมโหสุดขีด

“ตอนหลานเด็กๆ ปู่ไม่เคยสอนให้เอาของไปคืนเจ้าของอย่างนั้นเหรอ!”

พอถูกถามแบบนี้จงจือหว่านก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหน น้ำตาพรั่งพรูยิ่งกว่าเดิม

“นั่นเป็นเพราะ เพราะ…”

“ไม่มีเพราะ” ผู้เฒ่าจงไม่ฟัง “ตอนนี้ ขอโทษซะ”

จงจือหว่านอดทนต่อความรู้สึกถูกหักหน้า จำต้องลุกขึ้นโค้งตัวให้อิ๋งจื่อจิน “น้องจื่อจิน พี่ขอโทษ พี่ไม่ควรโยนสัตว์เลี้ยงของเธอทิ้ง ยกโทษให้พี่ด้วย”

อิ๋งจื่อจินยังคงไม่สนใจ เธอวางขนมหนึ่งกล่องลง “คุณตา หนูไปก่อนนะคะ”

“เดินทางระวังด้วย” ผู้เฒ่าจงยืนขึ้นแล้วเดินออกไปส่ง “ไว้วันหลังตาจะไปหาที่โรงเรียนนะ”

ประตูถูกเปิดและปิดลง

บรรยากาศภายในห้องรับแขกเย็นยะเยือกสุดขั้ว

ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับใดๆ จงจือหว่านน้อยใจยิ่งกว่าเดิม

เธอโผเข้าหาคุณนายจง “แม่คะ หนูขอโทษไปแล้ว แต่ดูสิคะ…”

ผู้เฒ่าจงได้ยิน โมโหจนปวดหัว “จงจือหว่าน ไม่ใช่ว่าหลานขอโทษแล้วจื่อจินจะต้องให้อภัย หลานคิดจะเอาเรื่องศีลธรรมมาเป็นข้ออ้างเหรอ ช่วงนี้เราเป็นอะไรไป”

ไม่เพียงแต่จงจือหว่านจะไม่ได้รับการปลอบใจ ยังถูกดุอีกครั้ง จึงร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าเดิม

คุณนายจงถอนหายใจ “ท่านผู้เฒ่าคะ หว่านหว่านก็ขอโทษไปแล้ว สำนึกผิดแล้ว อย่าตำหนิแกเลยนะคะ ฉันขอพาลูกไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้จะให้หยุดเรียน”

ผู้เฒ่าจงเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน สะบัดมือไล่ ส่วนตัวเองก็ขึ้นไปที่ห้องทำงานชั้นบน

หลังจากที่คุณนายจงไปส่งจงจือหว่านกลับห้องนอนแล้วก็เรียกจงมั่นหวาที่กำลังจะกลับไว้

“มั่นหวา ท่านผู้เฒ่าเป็นอะไรกันแน่” คุณนายจงไม่สบอารมณ์ “เธอดูสิ วันนี้ท่านผู้เฒ่ากล้าให้หว่านหว่านขอโทษลูกเลี้ยงด้วย หมายความว่าไงกัน”

จงมั่นหวาขมวดคิ้ว พูดเพียงว่า “ฉันจะไปเดาความคิดของคุณพ่อได้ยังไง”

เธอยิ้มแล้วพูดต่อ “พี่สะใภ้สาม ฉันต้องรีบไปขึ้นเครื่องบิน ขอตัวก่อนนะ”

คุณนายจงจึงไม่สะดวกเอ่ยถามต่อ จำต้องปล่อยให้จงมั่นหวาออกไป

จงมั่นหวามีเรื่องหนักใจระหว่างทางไปสนามบิน

ตอนนั้นสภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยปกติอยู่สามปีเพราะเรื่องที่ลูกหาย

ดังนั้นในตอนแรกสุดเธอไม่รู้ว่าอิ๋งเจิ้นถิงหาลูกไม่เจอ แต่รับเลี้ยงเด็กมาหนึ่งคน

สามปีต่อมาสภาพจิตใจของเธอกลับมาเป็นปกติ และก็เคยชินกับการมีเสี่ยวเซวียนอยู่ข้างตัวแล้ว

หลังจากที่อิ๋งเจิ้นถิงบอกความจริงกับเธอ เธอก็รับได้

ตอนแรกสุดที่รับอิ๋งจื่อจินกลับมา จงมั่นหวายังรู้สึกดีใจ แต่ก็ยังเอาชนะความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ และไม่รู้ทำไม เธอกลับทำใจชอบอิ๋งจื่อจินไม่ลง

เธอสัมผัสไม่ได้ถึงความผูกพันทางสายเลือดที่มีมาแต่กำเนิดของแม่ลูก

ราวกับไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข

จงมั่นหวารู้สึกหงุดหงิดใจ เธอค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ เอานิ้วนวดขมับ

โชคดีที่พรุ่งนี้เธอก็จะไปถึงยุโรปแล้ว ไม่อยู่ในประเทศ พอไม่เจอใจก็ไม่หงุดหงิด

ณ โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ

เวลานี้นักเรียนในโรงเรียนกลับกันหมดแล้วยกเว้นเด็กที่นอนหอพักของโรงเรียน

ไฟของชั้นสามศูนย์กิจกรรมยังเปิดอยู่

ตรงนั้นคือห้องรับคำปรึกษา

“นี่คือรายงานประวัติการรักษากับผลทดสอบของเธอ” นักจิตวิทยาที่มาจากเมืองตี้ตูวางกระดาษปึกหนึ่งลงตรงหน้าของชายหนุ่ม “อาการของเธอไม่หนักมากเมื่อเทียบกับตอนแรก”

ฟู่อวิ๋นเซินรับมาพลิกดูทีละหน้า สีหน้าค่อยๆ เย็นชาลง

นักจิตวิทยาครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดต่อ “เธอประหลาดมาก”

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น “หืม?”

“เพราะช่วงหนึ่งเดือนมานี้เธอฟื้นฟูจิตใจด้วยตัวเองขึ้นมาได้ไม่น้อย” นักจิตวิทยาพยักหน้า “หากว่ากันตามหลักการ คนที่ซึมเศร้าระดับลึก ไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้โดยไม่มีการรักษาจากภายนอก”

เขาหยุดเล็กน้อย “ดูจากอาการของเธอก่อนหน้านี้ เธอไม่คิดฆ่าตัวตายก็ดีมากแล้ว”

แววตาของฟู่อวิ๋นเซินเปลี่ยนไปทันที

นักจิตวิทยากระแอมเล็กน้อย ถอยหลังเพื่อหลบรังสีอำมหิตที่แผ่รอบตัวฟู่อวิ๋นเซิน ยิ้มพลางพูด “ฉันถึงได้บอกว่าเธอประหลาด นายไม่ต้องกลัวหรอกว่าเธอจะมีแนวโน้มฆ่าตัวตาย”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ จัดเอกสารรายงานให้ดีแล้วส่งคืน

เขานั่งพิงเก้าอี้ ดวงตาหลุบลง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ทันใดนั้นนักจิตวิทยาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “วิธีการรักษาด้วยการสะกดจิตของฉันใช้ไม่ได้ผลกับเธอ”

เขานวดหว่างคิ้ว รู้สึกจนปัญญา “เกือบ…ถูกเธอสะกดจิตกลับแล้ว”

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินยกหางตาขึ้น ในที่สุดก็มีรอยยิ้ม “เสียแรงที่นายอยู่อันดับสองของนักสะกดจิตเอ็นโอเค ทำไมถึงสู้ไม่ได้แม้กระทั่งเด็กน้อยของฉัน”

นักจิตวิทยาไม่โกรธ เขาก็หัวเราะ น้ำเสียงเหมือนหวนระลึกถึงใคร “ฉันว่าเธอเหมือนใครคนหนึ่ง”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset